พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 393 ฟ้องร้อง
บนใบหน้าเขาไม่มีร่องรอยที่แปลกประหลาดอะไรเลย เพราะว่าเนี่ยเฟิงให้คนแต่งหน้าให้เขาตั้งแต่แรกแล้ว
แรงกระทบของฉินเทียนกังในเมืองหยางเฉิงรุนแรงมาก เพราะว่าเขากระโดดเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสิบอันดับยักษ์ใหญ่ของมณฑลซานเจียง
ดังนั้นครั้งนี้ไม่เพียงแค่มีบุคคลในสังคมชนชั้นสูงที่มามากมาย ยังมีนักข่าวมาด้วยจำนวนมาก
ฉินเห้าหรานก็ถูกรับมาที่นี่ด้วย เขานั่งอยู่ข้างๆอย่างเชื่อฟัง แต่ก็มองออกได้ว่าสีหน้าของเขาทรุดโทรมเหลือเกิน อาจจะโดนทรมานจนไม่เป็นคนแล้ว
เนี่ยเฟิงจ้องมองฉินเห้าหรานอยู่ไกลๆ ฉินเห้าหรานดูเหมือนมีการสังเกตถึง เขาเงยหน้าขึ้นมองเห็นเนี่ยเฟิงแล้ว
ในชั่วพริบตาเดียวนั้นพอเห็นเนี่ยเฟิง อยู่ดีๆฉินเห้าหรานสติวิปลาสร้องตะโกน
ชิวมู่เฉิงเห็นฉินเห้าหรานแยกเขี้ยวยิงฟันพุ่งมายังเนี่ยเฟิง รีบขวางอยู่ข้างหน้าเนี่ยเฟิงทันที
“คุณอยากจะทำอะไร?!”
เสียงเธอเคร่งขรึมเฉียบขาดโมโหร้องตะโกน คนอื่นๆเห็นสภาพ รีบเข้าไปกดทับฉินเห้าหรานไว้
“ขอโทษจริงๆ คุณชายบ้านเราก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่เช่นกัน สติวิปลาสมาโดยตลอด พอเห็นคนก็อารมณ์รุนแรง ขอพวกคุณอภัยให้เขาเถอะ”
พวกสื่อมวลชนถ่ายรูปหลายใหม่กับฉากนี้ คนอื่นๆล้วนแอบกระซิบกระซาบด้วยว่า “คุณฉินล้วนเป็นคนใจบุญสุนทานมาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่าถึงขนาดตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เป็นอย่างที่คิดไว้ ทำดีไม่ได้รับสิ่งที่ดีจริงๆ!”
“น่าเสียดายมากจริงๆ คุณฉินยังเยาว์วัยขนาดนั้น แต่กลับทิ้งความเสียดายไว้เช่นนี้”
คำพูดเหล่านี้ล้วนส่งไปยังหูเนี่ยเฟิง หลังจากเนี่ยเฟิงได้ยินแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แต่ว่าเขาหัวเราะอย่างคลุมเครือมาก ดังนั้นสื่อมวลชนก็ไม่ได้ถ่ายภาพไว้เช่นกัน
คนทั้งหลายเปลี่ยนกันเข้าไปมองใบหน้าผู้ตายด้วยความเคารพ
เวลาที่เนี่ยเฟิงเข้าไป มีสื่อมวลชนและคนอื่นๆจำเขาได้แล้ว “คนนี้ไม่ใช่คุณชายของตระกูลเนี่ยเหรอ? ได้ยินว่าเขารอดจากความตายกลับมาได้!”
“คุณดูคุณสิพูดอะไรล่ะ? เขารอดจากเหตุการณ์ที่เลวร้าย!”
ตระกูลเนี่ยก็ถือว่าเป็นตำนานมานาน เพียงแค่ในตอนต้นเรื่องเกิดอย่างฉับพลัน ดังนั้นคนทั้งหลายของตระกูลหลักตายไปหมดแล้ว นึกไม่ถึงว่าถึงขนาดยังมีคนนี้ที่มีชีวิตอยู่
“แต่ก่อนคุณฉินร่วมกิจกรรมกับเจ้าบ้านตระกูลเนี่ยมาโดยตลอด ทั้งสองคนก่อตั้งมูลนิธิการกุศลเพื่อคนพิการขึ้นมา ทุ่มแรงในการทำงานการกุศลมาโดยตลอด ทั้งสองคนนี้ล้วนเป็นคนใจบุญสุนทานล่ะ”
“ก็จะไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้มูลนิธิการกุศลยังอยู่เหมือนเดิม แต่น่าเสียดายคนใจบุญสุนทานทั้งสองคนไม่อยู่แล้ว……อั้ย!”
คนทั้งหลายแอบกระซิบกระซาบ พูดอยู่แบบนี้เสียงเบาๆ เสียงถอนหายใจขึ้นๆลงๆ
แม้ว่าพวกเขาทอดถอนใจเช่นนี้ แต่ว่าปีนั้นที่เกิดเรื่อง ไม่มีสักคนยื่นมือช่วยเหลือเหมือนเดิม
เรื่องที่เกิดในปีนั้นทำให้คนมีความคิดเห็นแตกต่างกัน มีคนพูดว่าตระกูลเนี่ยล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน ก็มีคนพูดว่าตระกูลเนี่ยทำการกุศลปลอม
ยิ่งมีคนพูดว่าสมน้ำหน้าตระกูลเนี่ย
พวกเขาแบ่งแยกตระกูลเนี่ยอย่างไร้น้ำใจอยู่ หน้าหนึ่งพูดให้ร้ายมันอยู่ อีกหน้าหนึ่งสรรเสริญมันอย่างไร้ยางอายอยู่
ต่อสิ่งเหล่านี้เนี่ยเฟิงล้วนไม่ค่อยแคร์ เพราะว่าเขายังไงก็ได้
หลังจากเนี่ยเฟิงลงมาแล้ว สื่อมวลชนล้อมรอบเข้าไปทันที “คุณชายเนี่ย สมัยก่อนคุณฉินที่ร่วมกิจกรรมกับบิดาคุณปัจจุบันนี้เสียชีวิตด้วยโรคกะทันหันแล้ว คุณมีอะไรอยากจะพูดไหม?”
“คุณชายเนี่ย เรื่องเหล่านั้นที่เกิดขึ้นในปีนั้นคุณอาฆาตแค้นไหม?”
ชิวมู่เฉิงเห็นสื่อมวลชนกั้นเนี่ยเฟิงไว้แล้ว ในใจตื่นตกใจทันที เธอขึ้นไปข้างหน้าทันที เดิมทีอยากจะขวางพวกเขาไว้ เนี่ยเฟิงกลับให้สัญญาณมือที่ปลอบโยนแก่เธออย่างหนึ่ง
“ผมรู้สึกว่า คนช่างอ่อนแอมากจริงๆ ป่วยแล้วก็มีความเป็นไปได้ที่จะต้องตาย บิดาผมเคยก่อตั้งมูลนิธิการกุศลมามากมาย มีมะเร็ง ยังมีอาการของโรคร้ายแรงอื่นๆอีก ก็มีคนพิการเช่นกัน ผมคิดว่าบิดาผมก็แค่เพื่อจะให้ความหวังหนึ่งแก่คนที่อยากมีชีวิตอยู่ต่อเหล่านั้นล่ะ เรื่องที่เกิดในปีนั้นทำให้ใจของผมเจ็บปวดมาก……แต่ว่าไม่เป็นไร คนก็ต้องมองไปยังข้างหน้า ลุงฉินไม่ใช่วางแผนจัดการบริหารหน่วยงานกุศลที่เขาร่วมทำกิจกรรมด้วยกันกับบิดาผมอยู่ตลอดเหรอ? หวังว่าสามารถสืบทอดต่อไปได้เรื่อยๆ”
คำพูดเหล่านี้ของเนี่ยเฟิงช่างทำให้คนเป็นทุกข์จริงๆ
ทุกคนล้วนใจร้ายไม่ลงที่จะถามเขาอีกเลย
ใครจะรู้ว่าก็อยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆมีเสียงที่แหลมคมเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ฉินเทียนกัง! การกุศลปลอม!”
“ฉินเทียนกัง! คืนชีวิตลูกสาวผมมา!”
เสียงร้องเรียกอย่างนี้ฉับพลันในทันทีดังขึ้นอยู่นอกประตู คนทั้งหลายสงสัยงงงวยเหลือเกิน ต่างคนต่างยื่นหัวไปมอง ก็ได้เห็นคนพิการกลุ่มหนึ่ง ในมือถือป้ายไวนิลอยู่ร้องตะโกนอยู่ข้างนอก
นี่จะเป็นข่าวใหญ่นะ คนทั้งหลายวิ่งไหลเชี่ยวออกไปทันที จึงพบเห็นคนพิการเหล่านี้ ถึงขนาดเป็นผู้คนที่ได้รับบริจาคเงินช่วยเหลือในหน่วยงานกุศลเหล่านั้น
สื่อมวลชนเข้าไปซักถามทันที “พวกคุณไม่ใช่เคยได้รับบริจาคเงินช่วยเหลือมาเหรอ? ทำไมบอกว่าคุณฉินเป็นการกุศลปลอมล่ะ?”
“เดิมทีเขาก็เป็นการกุศลปลอม! เงินบริจาคที่เขาจัดหารวบรวมมาได้ไม่เคยตกอยู่บนกายของพวกเราเลย สังคมบริจาคเงินช่วยเหลือที่ให้หน่วยงานกุศลเรา เขาไม่ได้แจกลงมาเลยสักนิด เขาล้วนกลืนกินไปตัวคนเดียว!”
สุภาพสตรีที่นั่งอยู่บนรถเข็นคนหนึ่งตะโกนร้องไห้พูดแบบนี้
“นี่! คุณอย่าพูดสุ่มสี่สุ่มห้านะ! ประธานกรรมการทำเพื่อพวกคุณ พูดได้ว่าอุทิศตัวเองทั้งหมดตราบจนชีวิตจะหาไม่ ตอนนี้ยังตายด้วยเลือดออกในสมอง แต่พวกคุณถึงขนาดผีซ้ำด้ำพลอยแบบนี้ พวกคุณทำเช่นนี้รู้บุญคุณต่อเขาเหรอ?”
ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทห้องกลางถึงขนาดมีคนพิการมาก่อเรื่อง ทันใดนั้นพวกเขาก็ว้าวุ่นแล้ว เพราะว่าพวกเขาชัดเจนมากกับเรื่องที่เงินของหน่วยงานกุศลไม่ได้แจกลงไปอย่างแท้จริงเลย
แต่ว่าพวกเขาล้วนผิดต่อมโนธรรมโกงเงินก้อนนี้มาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้สำหรับพวกเขามากล่าวแล้ว หาเงินจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ดังนั้นคนพิการเหล่านี้จะเป็นเช่นไร เกี่ยวอะไรกับพวกเขาอีกล่ะ? พวกเขาเพียงแค่นายทุนเท่านั้น
ขอแค่มีเงิน งั้นเกิดตายของคนอื่นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลยสักนิด!
“คุณพูดโกหก! ฉินเทียนกังจับกุมเงินช่วยชีวิตของพวกเรา! เป็นเพราะเช่นนี้นั่นเอง ลูกสาวของผมจึงตายด้วยภาวะแทรกซ้อนจากการตัดแขน! เดิมทีลูกสาวผมจัดหารวบรวมเงินบริจาคมาได้แล้ว แต่ว่าเงินก้อนนี้ถูกพวกคุณกลืนกินไปแล้ว พวกคุณไม่สนใจการเกิดตายของพวกเราเลยสักนิด!”
ชายที่แขนขาดคนหนึ่งตะโกนร้องไห้อยู่พูดแบบนี้
“เหลวไหล! พวกคุณคนพิการที่โลภอย่างไม่รู้จักอิ่มกลุ่มนี้ เพื่อเงินอะไรพวกคุณก็ทำออกมาได้ ตกลงว่าเป็นใครส่งพวกคุณมาพูดให้ร้ายบริษัทของพวกเรา? พวกเราช่วยเหลือพวกคุณมาโดยตลอด แต่ถึงสุดท้ายกลับกลายเป็นถูกพวกคุณย้อนกลับมาเล่นงานฝ่ายตรงข้าม พวกคุณทำเช่นนี้มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไหม?”
พนักงานของบริษัทเริ่มมีความกังวลเล็กน้อยแล้ว ถ้าหากถูกสื่อมวลชนสืบลงไปอีกจริงๆ งั้นพวกเขาย่อมปกปิดความจริงไม่อยู่อย่างแน่นอน
ถึงเวลานั้นทั้งหมดล้วนเปิดเผยอยู่ต่อหน้าคนทั้งหลาย งั้นบริษัทของพวกเขาทั้งหมดล้วนต้องถูกสืบสวนโดยสิ้นเชิง เงินบริจาคที่ถูกพวกเขากลืนกินแต่ก่อนจะไม่ต้องคายออกมาเลยเหรอ?
เนี่ยเฟิงหวาดกลัวไม่เป็นสุขถามว่า “นี่ตกลงว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่? ทั้งๆที่ลุงฉินเคยบอกกับผมมาก่อน มีการบริหารหน่วยงานกุศลที่เขาร่วมกิจกรรมกับบิดาผมให้ดีๆอยู่”
ลักษณะท่าทีของเขานี้แกล้งทำได้เหมือนมากจริงๆ แม้แต่คนนอกล้วนดูไม่ออกถึงเบาะแสใดๆ เห็นเขาก็เหมือนดั่งเป็นเด็กผู้ชายที่ใจดีงามหมดหนทางคนหนึ่ง
“คุณถูกหลอกแล้ว! ตั้งแต่หลังจากตระกูลเนี่ยสูญสิ้นคุณก็ถูกหลอกแล้ว!”
“ตอนที่คุณเนี่ยอยู่ยังมีการคุ้มครองผลประโยชน์ เงินบริจาคเหล่านั้นล้วนใช้อยู่บนกายของพวกเราคนพิการจริงๆ แต่ว่าหลังจากคุณเนี่ยไม่อยู่แล้ว พวกเราก็ไม่มีผลประโยชน์ใดๆที่จะได้อีก ฉินเทียนกังหลอกใช้พวกเราจัดหารวบรวมเงินบริจาคที่ได้จำนวนมาก แต่ไม่สนใจการเกิดตายของพวกเรา! เขาขับรถหรูหราพักอยู่วิลล่า แต่พวกเราล่ะ? พวกเรามีโรคที่รักษาไม่ได้ คนที่ตายก็ตาย คนที่บาดเจ็บก็บาดเจ็บ!”
เสียงร้องของคนพิการกลุ่มหนึ่งพร้อมน้ำตาฟ้องร้องพฤติกรรมชั่วของฉินเทียนกังอยู่