พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 394 รู้ทันเล่ห์เหลี่ยม
คนพิการเหล่านี้มีมากมายแต่ก่อนล้วนเคยร่วมถ่ายรูปกับฉินเทียนกังมาก่อน ก็เคยเข้าร่วมรายการทีวีด้วย
ดังนั้นคนที่อยู่ในเหตุการณ์มากน้อยล้วนเข้าใจเรื่องนี้อย่างแน่นอน ก็รู้จักพวกเขาเช่นกัน
ได้ยินพวกเขาพูดอย่างนี้ ทุกคนล้วนมีความสงสัยงงงวยเล็กน้อย
“พวกคุณอย่าไปฟังคนพิการเหล่านี้พูดสุ่มสี่สุ่มห้า พวกเขาเพียงแค่อยากจะได้เงินมากกว่านี้ ดังนั้นจึงอยู่ที่งานศพของคุณฉินมาพูดให้ร้ายเขาเช่นนี้ คนพิการเหล่านี้โลภอย่างไม่รู้จักอิ่ม ช่างเกินไปจริงๆ!”
คนของคณะกรรมการมีความร้อนใจเล็กน้อยแล้ว ฉินเทียนกังตายแล้ว ไม่ได้แสดงว่าพวกเขาจะไม่สามารถหลอกใช้หน่วยงานกุศลแสวงหาผลประโยชน์ต่ออีกได้ แต่นึกไม่ถึงคนพิการเหล่านี้ถึงขนาดมองข้ามไม่สนใจการกล่าวเตือนของพวกเขา วิ่งมาก่อเรื่องถึงที่นี่
เพื่อเงินอะไรพวกเขาก็ทำออกมาได้ ไม่สนใจการเกิดตายของคนพิการก็เพียงแค่ปฏิบัติการเป็นปกติเท่านั้น พูดได้อีกว่าเรื่องที่ชั่วร้ายเช่นนี้มีอยู่มากในสังคม
แต่ก่อนคนพิการเหล่านี้ไม่กล้าออกเสียง เพราะว่าพวกเขาล้วนเฝ้าหวังขนมเปี๊ยะใหญ่ที่ฉินเทียนกังวาดให้แก่พวกเขาจะปรากฏเป็นจริงมาโดยตลอด
ฉินเทียนกังหลอกใช้มูลนิธิการกุศลเพื่อคนพิการได้เงินมหาศาล ตอนได้เงินก็ไม่ลืมที่จะให้บุญคุณเล็กๆน้อยๆเช่นกัน แต่ในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่าทั้งหมดที่ฉินเทียนกังทำล้วนเพียงแค่หลอกใช้พวกเขาเท่านั้น
เพราะว่าฉินเทียนกังและบริษัทของพวกเขาจะไม่ทำตามคำมั่นสัญญาอย่างเด็ดขาด เงินก้อนนี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะตกอยู่ในมือของพวกเขาเช่นกัน
สมาชิกมูลนิธิการกุศลเพื่อคนพิการวันนี้ได้รับข้อมูลชุดหนึ่ง ข้อมูลชุดนี้ส่งถึงมือของพวกเขา ทำให้พวกเขาพบเห็นว่าที่แท้เงินที่ช่วยเหลือชีวิตพวกเขาล้วนถูกอายัดอยู่มาโดยตลอด ฉินเทียนกังและคนทั้งหลายที่อยู่ในบริษัทเขาล้วนปกปิดอยู่
เช่นนี้ คนพิการกลุ่มนี้โมโหมาก พวกเขาเชื่อฉินเทียนกังดังนั้นจึงไม่ได้ซักถามมาโดยตลอด แต่นึกไม่ถึงจริงๆ เป็นความเชื่อใจที่ไร้สมองแบบนี้ทำให้พวกเขาได้รับการหักหลังนั่นเอง!
“พวกคุณพูดคำพูดเหล่านี้ยังมีมโนธรรมหรือไม่ ในตอนต้นพวกคุณบอกกับพวกเราว่าเงินก้อนนี้ถูกอายัดมาโดยตลอด ดังนั้นไม่ได้แจกลงมา ฉินเทียนกังควักกระเป๋าของตนเองให้เงินอุดหนุนแก่พวกเรา แต่ตามความจริงล่ะ เงินก้อนนี้แจกลงมาแล้ว! ถูกฉินเห้าหรานเขาเอาไปซื้อรถหรูหราแล้ว ใช้เงินช่วยชีวิตของพวกเราไปซื้อรถหรูหรา พวกคุณช่างทำได้จริงๆนะ!”
“เป็นเทศกาลหรือปีใหม่ก็ให้พวกเราไปถ่ายวิดีโอ ให้พวกเราขอบคุณในบุญคุณของสังคม ให้พวกเราเล่าว่าชีวิตของพวกเราผ่านไปด้วยดีขนาดไหน แต่ว่าวันเวลาที่พวกเราผ่านนั้นเป็นคนที่ผ่านเหรอ? ถ้าหากเป็นไปได้ผมก็อยากมีร่างกายที่สุขภาพสมบูรณ์ ผมไม่อยากเป็นคนพิการที่ยื่นมือของเงินกับสังคม! แต่เงินเหล่านี้ไม่เคยตกอยู่ในมือของพวกเราเลย! ไม่ว่าเป็นเช่นไร นี่ล้วนจำเป็นต้องพูดออกมา! พวกเราให้คนเหล่านี้ลอยนวลไม่ได้ ให้พวกเขาหลอกลวงสังคมต่อไปอีกไม่ได้!”
“พวกคุณพูดเช่นนี้มีหลักฐานไหม?”
แน่นอน สื่อมวลชนรู้ว่าครั้งนี้ขุดเจอข่าวใหญ่แล้ว เดิมทีฉินเทียนกังตายด้วยเลือดออกในสมองอย่างฉับพลัน เป็นข่าวหน้าหนึ่งที่ใหญ่มากแล้ว แต่นึกไม่ถึงครั้งนี้เข้ามายังมีเรื่องที่ยิ่งใหญ่ยิ่งคึกคักรุนแรงรอพวกเขาอยู่
“พวกเราย่อมมีหลักฐานอยู่แล้ว มิฉะนั้นพวกเราจะไม่โมโหขนาดนั้น พวกคุณดูข้อมูลเหล่านี้สิ พวกคุณค่อยดูบัญชีเหล่านั้นของบริษัทพวกเขาและการไหลของเงินที่บุคคลสำคัญทางสังคมจัดหารวบรวมได้อีก!”
ใบเสร็จรับเงินที่ถืออยู่ในมือพวกเขาเหล่านี้แม้ว่าไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน แต่ว่าทุกรายการตรงกัน
“เพียงแค่ให้คนสืบ ก็สามารถสืบได้ชัดเจนว่าพวกเขาคอร์รัปชันหรือไม่ หลอกใช้พวกเราหาเงินกับสังคมหรือไม่ได้ทันที! มีการใช้จ่ายอยู่บนความใจดีงามของบุคคลอื่นหรือไม่ เพียงแค่สืบทันทีก็ทำให้ความจริงปรากฏได้!”
ในเวลานี้ผู้บริหารระดับสูงมีความว้าวุ่นเล็กน้อยแล้ว ข้อมูลที่อยู่ในมือพวกเขาเป็นไปได้ยังไงที่จะอยู่ในมือของคนพิการเหล่านี้ล่ะ ตกลงว่าพวกเขาใช้วิธีการอะไรได้ข้อมูลชุดนี้ ตกลงว่านี่เป็นเรื่องอะไรกันแน่?
พวกเขาตื่นตระหนกถอยหลังก้าวหนึ่ง และการกระทำนี้ไม่ได้พ้นจากตาของเนี่ยเฟิงเลย
มุมปากของเนี่ยเฟิงยักขึ้นนิดๆ ตามความจริงข้อมูลเหล่านี้เป็นกลุ่มของเขาทำขึ้นมา ตั้งใจส่งให้คนพิการที่โมโหเหล่านี้
ในตอนต้นบิดาเนี่ยเฟิงกับคนมากมายในสังคมก่อตั้งมูลนิธิการกุศลแห่งนี้ขึ้นมา และส่วนประธานสมาคมกับรองประธานของมูลนิธิการกุศลคือเนี่ยเจิ้งและฉินเทียนกัง
เนี่ยเจิ้งเชื่อใจฉินเทียนกังมาก เป็นเพราะว่าฉินเทียนกังพรางตัวดีเกินไปแล้วจริงๆ ตั้งใจบริการเพื่อประชาชนจิตสติแบบนั้นทำให้เนี่ยเจิ้งปลื้มใจเหลือเกิน
แต่นึกไม่ถึงจริงๆทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการพรางตัว
เนี่ยเจิ้งเตะต้องเค้กของฉินเทียนกัง ฉินเทียนกังก็เลยใช้กลอุบายฆ่าเขาไปเลย
เนี่ยเฟิงรู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้แล้ว เป็นไปได้ยังไงที่จะปล่อยฉินเทียนกังกับนายทุนที่จอมปลอมกลุ่มนี้ไปได้ล่ะ?
เขาไม่เพียงแค่จะทำให้ตระกูลฉินดับสูญ เขายังอยากจะทำให้พวกไอ้คนที่การกุศลปลอมเหล่านั้นตกเข้าสู่เหวลึกที่ไม่มีทางจะฟื้นคืนได้ตลอดไปทีละคน
พวกสื่อมวลชนเห็นข้อมูลเหล่านี้ เข้าไปซักถามเป็นกลุ่มทันที ในสถานที่นั้นชั่วพริบตาเดียววุ่นวายเลอะเป็นโจ๊ก และเดิมทีฉินเทียนกังที่ควรจะส่งไปเผาก็กลายเป็นเป้าหมายที่ไร้คนถามถึง
เนี่ยเฟิงสายตาเย็นชาจ้องมองทั้งหมดนี้ เพียงรู้สึกว่าการเกิดความวุ่นวายฉากนี้ช่างซะใจจริงๆเลย
ก็อยู่ในเวลานี้ชิวมู่เฉิงขึ้นไป ดึงเนี่ยเฟิงไว้ทันที เธออาศัยความวุ่นวายพาเนี่ยเฟิงออกไป
หลังจากทั้งสองคนห่างไกลจากไอ้คนที่ก่อความวุ่นวายกลุ่มนี้ ชิวมู่เฉิงจึงดึงผ้าพันคอสีดำที่อยู่บนคอออก “เมื่อคืนตอนที่ฉันพบเจอกับฉินเทียนกังก็พบเห็นว่าเขามีความผิดปกติเล็กน้อย แต่ว่าฉันก็พูดไม่ออกอีก ตอนนี้ดูแล้วไอ้คนนี้เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่ใช่คนดีอะไรเลยจริงๆ”
เนี่ยเฟิงดูน่าสงสารมากๆจ้องมองชิวมู่เฉิง “พี่ใหญ่ ผมก็คิดไม่ถึงเขาจะย่ำยีหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการที่บิดาผมก่อตั้งขึ้นมาหลายปีขนาดนี้เช่นนี้ คนพิการเหล่านี้ล้วนไม่ได้รับสวัสดิการที่ตนเองควรได้รับ นี่ทำให้ผมรู้สึกผิดมาก”
ชิวมู่เฉิงพอได้ยินเนี่ยเฟิงพูดอย่างนี้ ส่ายหัวทันที จ้องมองเนี่ยเฟิงอย่างจริงจังมาก “เสี่ยวเฟิงเรื่องนี้ไม่ได้เป็นความผิดของแกดังนั้นแกไม่ควรรู้สึกผิด จะผิดก็ต้องเป็นความผิดของคนที่โลภอย่างไม่รู้จักอิ่มเหล่านั้น ก็ค่อยยังชั่วผลกรรมตามสนอง หลังจากพวกเขาถูกรู้ทันเล่ห์เหลี่ยม เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะหลอกใช้คนพิการหาเงินอีก และสังคมก็จะดำเนินการซักถามข้อสงสัยจากหน่วยงานกุศล หน่วยงานกุศลจำนวนมากจะดำเนินงานล้างครั้งใหญ่หนึ่งรอบ”
เพียงแค่พวกเขารู้สึกถึงความตื่นกลัว ย่อมไม่กล้าคอร์รัปชันค่าใช้จ่ายก้อนไหนอีก ถึงเวลานั้นเงินเหล่านี้ก็จะตกอยู่ในแต่ละหน่วยงานกุศลอย่างแท้จริง
เนี่ยเฟิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก “พี่ใหญ่โชคดีว่าคุณอยู่ข้างๆผม ไม่งั้นผมก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี!”
“ไม่เป็นไร พวกพี่ๆเคยบอกแล้วจะปกป้องแก งั้นก็จะรับรองความปลอดภัยของแกแน่นอน เรื่องของเมืองหยางเฉิงในวันนี้วุ่นวายมากเกินไปแล้วจริงๆ พวกเราก็ยังคงจะกลับไปเร็วหน่อยดีกว่า อย่าหาเหาใส่หัว”
สำคัญที่สุดคือฉินเทียนกังมีความเกี่ยวข้องกับบิดาของเนี่ยเฟิง ถึงเวลานั้นสื่อมวลชนรายงานข่าวเป็นไปได้มากที่อาจจะลงมือด้านนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ชิวมู่เฉิงอยากเห็นเลย
“ได้!”
เรื่องของเนี่ยเฟิงจัดการเสร็จแล้ว ดังนั้นจะอยู่นี่ต่อหรือไม่ก็ไม่เป็นไรแล้ว
และเรื่องที่เกิดในวันนี้จะส่งถึงหูของคนเหล่านั้นอย่างแน่นอนนี่เพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ก็ให้พวกเขาตื่นกลัวๆให้ดีๆก็พอ
เนี่ยเฟิงกับชิวมู่เฉิงกลับถึงอ่าวหยกเขียว พี่ๆหลายคนรีบพุ่งเข้ามาตรวจดูสภาพการณ์ของเนี่ยเฟิง เห็นเนี่ยเฟิงปลอดภัยไม่เป็นอะไร พวกเธอจึงค่อยๆถอนหายใจออกมาหนึ่งที
“วันนี้ฉันเห็นข่าวล้วนไม่รู้ว่ากังวลมากขนาดไหน ตั้งแต่แรกก็อยากจะส่งข้อความให้กับพวกคุณแล้ว แต่ก็ยังกังวลว่าพวกคุณกำลังยุ่งอยู่ โชคดีพวกคุณปลอดภัย”