พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 395 มีการคิดวางแผนการอย่างอื่น
“พวกเรานี่ไม่ใช่ดีๆอยู่เหรอ? อะไรก็ไม่ได้เกิดขึ้น!”
เนี่ยเฟิงแสยะปากยิ้มหนึ่งที
“พวกคุณไม่เป็นไรก็พอ ฉันได้ยินว่าฝั่งโน้นในตอนนี้วุ่นวายมาก นึกไม่ถึงโลกใบนี้ยังมีคนที่จอมปลอมขนาดนั้น ทำการกุศลปลอมช่างน่าเกลียดชังสุดขีดจริงๆ!”
พอคางเมิ่งนึกถึงที่นี่ อดไม่ได้ที่จะโมโหทุบโต๊ะแล้วทุบโต๊ะอีก
“ในเวลานั้นผมได้ยินคนพิการเหล่านั้นพูดเช่นนี้ ก็ตื่นตะลึงมากเช่นกัน ผมก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าลุงฉินถึงขนาดจะเป็นคนเช่นนี้”
“เสี่ยวเฟิง ไม่ใช่ฉันอยากโจมตีความกระตือรือร้นของแก ในปีนั้นตระกูลเนี่ยเกิดเรื่องเช่นนี้ ก็ไม่เห็นมีคนเท่าไหร่ที่จะมาช่วยพวกแก จนกระทั่งพวกเขาแบ่งกลืนทรัพย์สิน เส้นสายและสิ่งของต่างๆของตระกูลหลัก ตอนนี้แม้ว่าแกปรากฏตัวอยู่ในสายตาของคนทั้งหลายใหม่อีกครั้ง แต่นี่ไม่ได้แสดงว่าคนเหล่านี้หวังดีกับแกจากใจจริง พวกเขาเพียงแค่อาจจะอยากได้รับอะไรจากบนกายของแกเท่านั้น”
พี่สามหลินซูอินขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก “แท้ที่จริงฉันไม่อยากคิดถึงนิสัยของมนุษย์จนอัปลักษณ์เกินไป แต่ว่าฉันไม่คิดเช่นนี้ก็ไม่ได้อีก เพราะว่าแกเป็นน้องชายที่ล้ำค่าที่สุดของพวกเรา แกผ่านความทุกข์มามากพอแล้ว”
หลินซูอินกังวลว่าคนเหล่านั้นได้ยินข่าวแล้วรีบเร่งมา ถึงเวลานั้นอาศัยเนี่ยเฟิงสร้างกระแส นี่จะไม่ใช่ยิ่งน่ากลัวกว่าเหรอ?
“ผมรู้สึกว่าพี่สามพูดถูกมาก”
เย่หรูเสว่ก็พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกเช่นกัน “นิสัยของมนุษย์ที่อัปลักษณ์ชั่วร้ายนี้ไม่ใช่แกจะสามารถจินตนาการได้”
“ถึงยังไงวันหลังคนเหล่านี้ยังคงไปสัมผัสน้อยหน่อยดีกว่า”
พี่ๆหลายคน คิดไปคิดมา มั่นใจมากพูดแบบนี้
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผมก็จะไม่ไปมาหาสู่กันกับพวกเขาแล้ว!”
เนี่ยเฟิงยิ้มอยู่พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก ตามความจริงหลังจากผ่านเรื่องฉินเทียนกังนี้ เขาคิดว่าคนอื่นๆน่าจะไม่กล้าบุ่มบ่ามอีกเช่นกัน ถึงเวลานั้นแม้ว่าพวกเขาอยากจะพยายามตีสนิท น่าจะพิจารณาไตร่ตรองสักหน่อยเช่นกัน
ตามความจริงๆเหมือนดั่งที่เนี่ยเฟิงคาดคิดไว้อย่างนั้นจริงๆ ฉินเทียนกังตายแล้ว ไม่นานก็ดึงดูดความสนใจของคนกลุ่มนั้นในปีนั้นออกมา พวกเขาไม่รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องเหตุบังเอิญเลย
“ฉินเทียนกังเคยเจอกันกับเนี่ยเฟิง คืนที่เจอหน้ากันก็ตายแล้ว พวกคุณรู้สึกว่านี่สมเหตุสมผลเหรอ?”
คนทั้งหลายเรียกประชุมด่วนทันที
“ย่อมเป็นไอ้หนุ่มคนนั้นแอบวางหมากแน่นอน เพียงแค่พวกเราไม่เข้าใจสภาพการณ์ในเวลานั้น ดังนั้นตอนนี้ก็จับฉวยโอกาสใดๆไม่ได้”
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจหนึ่งที
“งั้นตอนนี้ควรจะทำยังไงดีล่ะ? บริษัทของเหล่าฉินบอกว่าพังทลายก็พังทลายแล้ว อีกทั้งตอนนี้ยังถูกสืบสวนโดยสิ้นเชิง ย่อมเปิดต่อไปอีกไม่ได้แล้วแน่นอน พวกเราก็คว้าผลประโยชน์อะไรอีกไม่ได้”
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือจุดนี้ ตอนนี้พวกเขารับข่าวสารใดๆไม่ได้ อยู่ในสภาพที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่ทั้งๆที่ฝ่ายตรงข้ามเพียงแค่ตัวคนเดียว
“ในเมื่อเป็นรากเหง้าแห่งบ่อเกิดความหายนะ งั้นก็รีบขุดรากถอนโคนเลยก็ใช่แล้ว เก็บเขาไว้เพียงจะกลายเป็นระเบิดเวลา ใครจะไปรู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะรวบรวมกำลังอำนาจขึ้นมาอีกล่ะ?”
สำคัญที่สุดก็คือตอนที่ปีนั้นเกิดคดีร้ายแรงบนทะเลโจมตีฆ่าตระกูลเนี่ยตระกูลหลัก เนี่ยเจิ้งอยู่ในสังคมยังมีชื่อเสียงบารมีมาก
เดิมทีพวกเขาคิดวางแผนการที่จะพูดให้ร้ายตระกูลเนี่ย อย่างนี้ก็จะบรรลุถึงจุดประสงค์ของตนเองได้ แต่นึกไม่ถึงจริงๆเรื่องที่เนี่ยเจิ้งเคยทำมาก่อนไม่มีจุดให้จับผิดได้ เป็นเพราะเช่นนี้นั่นเอง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางใช้กลอุบายอย่างนี้
ในตอนนี้บริษัทของฉินเทียนกังถูกสืบหาเรื่องอย่างนี้ได้ และเนี่ยเฟิงล้วนอยู่ในลักษณะท่าทีที่เป็นผู้ถูกทำร้ายหมด คนทั้งหลายล้วนเข้าข้างเขา คนอื่นๆล้วนรู้สึกว่าเนี่ยเฟิงถูกปกปิดอยู่ข้างใน
“ข้อมูลชุดนั้นที่ได้มาแปลกประหลาดเหลือเกิน นี่ย่อมมีคนอยู่เบื้องหลังทำขึ้นมา คนคนนี้ย่อมเกี่ยวข้องกับเนี่ยเฟิงอย่างแน่นอน”
ไม่งั้นเป็นไปได้ยังไงที่จะบังเอิญขนาดนั้นล่ะ?
“เจ้านี่ย่อมไม่ใช่ง่ายๆอย่างแน่นอน ในตอนต้นสามารถอยู่รอดจากคดีร้ายแรงบนทะเล ตอนนี้ได้รับชัยชนะกลับมาอีก ไม่หวาดกลัวพวกเรา จนกระทั่งยังเปิดเผยสถานะของตนเองอีก เขาย่อมคิดวางแผนการของเขาอยู่อย่างแน่นอน ถ้าหากพวกเราไม่รีบคิดแผนรับมือสักหน่อยล่ะก็ ก็ได้เพียงแต่ถูกจูงจมูกเดินแล้ว”
ทุกคนตกเข้าสู่ความเงียบ พวกเขาทั้งหลายล้วนอยากจะฆ่าเนี่ยเฟิง เพราะว่าพวกเขาไม่อนุญาตให้มีคนทำร้ายแผนการของพวกเขา และไม่อนุญาตให้คนรุกรานประเทศมหาอำนาจของพวกเขา
และเนี่ยเฟิงก็คือตัวแปรอย่างนี้ตัวหนึ่ง
อยู่ในการประชุมหลันเฟิงหลิง ไม่ได้พูดสักคำเลย เพราะว่าเธอรู้ทั้งหมดว่านี่ล้วนเป็นเนี่ยเฟิงทำ
นี่เพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น
เนี่ยเฟิงย่อมยังคงวางแผนอะไรอยู่แน่นอน
หลันเฟิงหลิงกำกำปั้นแล้วกำกำปั้นอีก แม้ว่าสูญเสียแม่ทัพใหญ่คนหนึ่งไป แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าคนที่เข้าร่วมคดีร้ายแรงบนทะเลมีมากมาย สะเปะสะปะดึงออกมาคนหนึ่งล้วนสามารถกลายเป็นคู่ต่อสู้ในการโจมตีเนี่ยเฟิงได้
“ในเมื่อด้านสว่างไม่ได้ งั้นก็เอาด้านมืดเถอะ ในมือพวกคุณไม่ใช่มียอดฝีมือมากมายด้วยหรือ? ก็ไม่ใช่แค่ฆ่าเด็กผู้ชายคนหนึ่งล่ะแบบนี้ก็ทำไม่ได้เหรอ?”
พอคำพูดนี้ของหลันเฟิงหลิงพูดออกมา ทันใดนั้นทำให้คนทั้งหลายเกิดความโมโห
“อะไรเรียกว่าทำไม่ได้เหรอ? พวกเราย่อมทำได้แน่นอน!”
พวกเขาคิดว่าสาเหตุที่ฉินเทียนกังตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
เนี่ยเฟิงสามารถอยู่รอดได้ย่อมมีจุดที่เหนือกว่าคนอื่นของเขาอย่างแน่นอน แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ใช่คนใจอ่อนเช่นกัน
หลังจากประชุมเสร็จแล้ว คนกลุ่มหนึ่งแอบเปิดประชุมเล็กๆขึ้นมา และส่วนคนกลุ่มนี้คือประธานสมาคมหอการค้าของเมืองหยางเฉิงและคนอื่นๆ
“การเกิดความวุ่นวายในวันนั้นทุกคนล้วนเห็นแล้ว ผมไม่เชื่อนะเด็กผู้ชายคนนั้นจะบริสุทธิ์ใจขนาดนั้นจริงๆ”
ประธานสมาคมหอการค้าลูบคางแล้วลูบคางอีก “บริษัทเหล่าฉินพังทลาย หน่วยงานกุศลถูกสืบสวนโดยสิ้นเชิง ทำให้พวกเราสูญเสียไปไม่น้อย พวกเราจะต้องคิดวิธีเอากลับคืนมาให้ได้”
“ในมือเนี่ยเฟิงไม่ใช่มีพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งเหรอ?”
ประธานสมาคมหอการค้าพอได้ยินรองประธานพูดอย่างนี้ ทันใดนั้นมีชีวิตชีวาขึ้นมา “พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวแห่งนั้นมีค่าหน่อยจริงๆ แต่ว่านั่นไม่ใช่อยู่เมืองหนานหูเหรอ?”
“คุณลืมแล้วเหรออยู่เมืองหนานหูฝั่งโน่นก็มีคนของพวกเราเช่นกัน ปีนั้น เป็นตาเฒ่าคนนั้นยืนหยัดเฝ้าพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวแห่งนี้อยู่มาโดยตลอด แต่ว่าในตอนนี้พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวกลับไปที่ในมือของเนี่ยเฟิงแล้ว งั้นพวกเราใช่หรือไม่……”
เขาจ้องมองประธานกับรองประธานสมาคมหอการค้าทั้งสองคนอยู่ข้างๆ พวกเขาทั้งสามคนบวกลบคูณหารหนึ่งรอบ รู้สึกการค้าขายนี้ทำได้
“แต่จะทำยังไงจึงจะทำให้เขาคายพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวนี้ออกมาได้ นี่ยังคงเป็นเรื่องยากเรื่องหนึ่ง”
พวกเขาคิดว่าสาเหตุที่เนี่ยเฟิงมีเงินทุนไปทำเรื่องเหล่านี้ เป็นไปได้มากว่าก็คือพิพิธภัณฑ์หนุนหลังให้เขาอยู่เบื้องหลัง ถ้าหากว่าพิพิธภัณฑ์สูญสิ้นแล้ว อย่างงั้นเนี่ยเฟิงก็ไม่มีเงินแล้ว
หนังหน้าไฟอย่างพวกเขาจะตัดแหล่งที่มาเงินทุนของเนี่ยเฟิง ต่อจากนั้นค่อยทำให้เขาได้ลิ้มรส อะไรเรียกว่าความเจ็บปวด
ตามความจริงพวกเขาไม่รู้ว่าข้างหลังเนี่ยเฟิงยังมีองค์กรที่ใหญ่โตมโหฬารแห่งหนึ่งอยู่เลย
ถึงแม้แค่รู้เรื่องนี้แล้วจะเป็นยังไงล่ะ? พวกเขาแต่ละคนล้วนหนีไม่พ้นเหมือนเดิม
หลายวันนี้ หยูจิงหงล้วนอยู่ในบ้านมาโดยตลอด ดูแล้วก็ไม่ได้ไปทำงาน
ตอนเช้า หยูจิงหงเรียกเนี่ยเฟิงมา “ไอ้หนุ่ม มาห้องกายบริหารหน่อย ฉันจะประลองกันกับแกสักหน่อย”
นานมากแล้วที่เนี่ยเฟิงก็ไม่ได้ฝึกแขนขาแล้วเช่นกัน ดังนั้นตามเข้าไปทันที “พี่สอง หลายวันนี้ดูเหมือนไม่ค่อยยุ่งสักนิด ในกองกำลังทหารไม่มีงานอะไรเหรอ?”
“ข้างบนมอบภารกิจเล็กๆอย่างหนึ่งให้กับฉัน แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะดำเนินการ ดังนั้นฉันก็ปลีกตัวจากงานที่ยุ่งอยู่ในบ้านสักพัก”
เนี่ยเฟิงพบเจอกับหยูจิงหงน้อยมาก แต่ว่าหยูจิงหงใกล้ชิดกับเขาอีกที่สุด น่าจะเป็นเพราะว่าการต่อสู้ที่ทั้งสองคนฝึกฝนล้วนไม่ต่างกันเท่าไหร่ ดังนั้นไม่มีความรู้สึกที่ไม่คุ้น
“ก็แค่อยู่หลายวันน่าเบื่อเกินไปแล้ว ฉันรู้สึกถึงว่ากระดูกของตนเองล้วนขึ้นสนิมแล้ว”
หยูจิงหงยืดแขนยืดขา กวักมือเรียกเนี่ยเฟิง “เข้ามา”