พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 397 สนามฝึกอบรม
“ฉันตามไปด้วยไม่ได้เหรอ?” หยูจิงหงถามตรงๆไม่อ้อมค้อมแบบนี้
ครูทหารส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก “นี่เกรงว่าไม่ค่อยดี เพราะว่าคุณท่านบอกแล้ว ให้เพียงเนี่ยเฟิงเข้าพบคนเดียว”
หยูจิงหงล็อกข้อมือของเนี่ยเฟิงไว้ทันที ดึงเนี่ยเฟิงไปไว้ข้างหลังของตนเอง “ไม่ได้ ถ้าหากไม่มีฉันตามไป งั้นฉันจะไม่มอบคนให้แกคุณเด็ดขาด นอกจากฉันจะได้ไปกับเขาพร้อมกัน”
ถึงแม้ว่าหยูจิงหงจะต้องปฏิบัติการตามคำสั่ง แต่ตอนนี้เธอเพื่อความปลอดภัยของน้องชายตนเอง กลับปฏิเสธปฏิบัติการนี้
“ผู้กองถ้าคุณทำเช่นนี้จะทำให้ผมลำบากใจมาก พูดได้อีกว่า คุณก็รู้ว่าคุณท่านให้เขาเข้าพบย่อมมีเรื่องจะเจรจาหารือแน่นอน จะไม่ทำร้ายเขาอย่างเด็ดขาด จุดนี้พวกเรารับรองได้”
ครูทหารแม้ไม่รู้ว่าทำไมคุณท่านจะต้องให้เนี่ยเฟิงเข้าพบ แต่นี่ย่อมมีความหมายของคุณท่านเองแน่นอน
“พี่สอง ไม่เป็นไรล่ะ คุณก็ให้ผมไปเถอะ พูดได้อีกว่า ถ้าหากมีคนสู้ผมได้จริงๆ คุณคิดว่าผมจะออกไปโดยยังมีชีวิตอยู่ได้เหรอ?”
คำพูดนี้ของเนี่ยเฟิงกลับพูดมีเหตุผล ยิ่งกว่านั้นพวกเขาก็ไม่ใช่คนที่หยาบคายไร้เหตุผลขนาดนั้น แม้ว่าหยูจิงหงกังวลมาก แต่ยังคงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก “งั้นก็ได้ แกตัวคนเดียวจักต้องระมัดระวังหน่อย”
เนี่ยเฟิงกลับไม่มีความกังวลสักนิดตามครูทหารมาถึงออฟฟิศแห่งหนึ่ง
ที่นี่ดูแล้วโอ่อ่าเคร่งขรึมน่าเคารพ แต่ละคนล้วนเดินอย่างเงียบๆไม่มีสักคนมีเสียงอะไรเลย ทั้งๆที่มีคนมากมาย แต่กลับทำให้คนรู้สึกว่าดั่งมาถึงห้องเงียบๆ
“คุณท่านก็อยู่ข้างใน คุณเข้าไปเองเถอะ”
หลังจากฝ่ายตรงข้ามพูดจบก็หมุนตัวออกไปเลย เนี่ยเฟิงก็ไม่ได้เคาะประตูเช่นกัน เปิดประตูออกเดินเข้าไปโดยตรง และคนที่อยู่ข้างในไม่ใช่คนชั่วที่ป่าเถื่อนโหดร้ายอะไรเลย เป็นคุณท่านที่อายุมากคนหนึ่ง
พอเห็นคุณท่านคนนี้ก็รู้ว่าอายุมากแล้ว เส้นผมของเขาสีขาว บนกายสวมใส่เครื่องแบบทหารที่ตรงเรียบ รู้สึกว่ามีคนมาแล้วเขาเงยหน้าขึ้นยิ้มตาหยี เห็นแล้วอ่อนโยนมาก
ดูลักษณะท่าทีนี้ชายชราก็เป็นคุณท่านคนนั้นที่พวกเขาพูดถึง เนี่ยเฟิงจ้องมองป้ายชื่ออันนั้นที่วางอยู่ต่อหน้าคุณท่านหนึ่งที ข้างบนเขียนไว้ว่าไป๋วู่เหริน
“ดูลักษณะท่าทีคุณก็คือเนี่ยเฟิงเหรอ? มามามา รีบมานั่ง”
ไป๋วู่เหรินพูดอยู่ ชี้ไปยังเก้าอี้ตัวนั้นที่อยู่ต่อหน้าเขาชี้แล้วชี้อีก
เนี่ยเฟิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้นโดยตรงยิ้มถามว่า “คุณท่านเรียกผมมาที่นี่มีเรื่องอะไรเหรอ? ถ้าหากเพราะว่าคดีนั้นในครั้งก่อน ผมคิดว่าผมได้บอกกล่าวสิ่งที่ผมรู้ทั้งหมดแล้ว ท่านไม่ต้องถามอีก”
ไป๋วู่เหรินโบกมือแล้วโบกมืออีก “ไม่ใช่เพราะว่าคดีนั้นในครั้งก่อน ผมเพียงแค่ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าคุณเป็นบุคคลที่สามารถฝึกได้คนหนึ่ง ดังนั้นครั้งนี้เรียกคุณมา ผมอยากจะถามสักหน่อยว่าคุณมีความสนใจที่จะเข้าร่วมกับพวกเราหรือไม่?”
เนี่ยเฟิงยักคิ้วหนึ่งที “ถ้าหากท่านจะถามเรื่องนี้ละก็ ผมขอโทษจริงๆ เพราะว่าผมคนนี้ไม่ชอบการผูกมัด ผมรู้สึกว่ากองทัพทหารไม่เหมาะสมกับผมเลย”
“งั้นช่างน่าเสียดายจริง คุณเป็นหน่ออ่อนที่ดีขนาดนั้นต้นหนึ่ง ถ้าหากสามารถเข้าร่วมกองทัพทหารรับใช้ประเทศชาติละก็ ย่อมต้องเป็นผู้ยอดเยี่ยมในผู้ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน”
ไป๋วู่เหรินค่อยๆถอนหายใจหนึ่งที จากนั้นยิ้มอยู่พูดอีกว่า “อย่างผมคนนี้ล่ะ ก็ไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผลแบบนั้น ในเมื่อคุณไม่ยินยอมเข้าร่วมกับพวกเรา งั้นก็แล้วกันไปเถอะ ให้คุณมาเสียเปล่า ช่างขอโทษจริงๆ แต่ว่าครั้งก่อนหน่ออ่อนที่ดีในกองทัพของพวกเราได้ยินคุณงามความดีผลสำเร็จของคุณแล้ว แย่งกันพูดว่าจะประลองกันกับคุณสักหน่อย ไม่รู้ว่าคุณยอมที่จะแสดงออกมาสักหน่อยหรือไม่?”
คุณท่านพูดอยู่สายตาแวววาวจ้องมองเนี่ยเฟิง “คุณไม่เข้าร่วมกับพวกเรา แม้แต่การร้องขอเล็กๆอย่างนี้ล้วนไม่น่าที่จะไม่รับปาก ผมตาเฒ่าคนนี้มั้ง? พูดได้อีกว่าผมบอกกับพวกเด็กๆไปแล้ว ถึงเวลานั้นคุณย่อมจะประลองฝีมือกันกับพวกเขาอย่างแน่นอน คุณก็ให้เกียรติผมเถอะ!”
ฝ่ายตรงข้ามล้วนพูดเช่นนี้แล้ว นั่นเป็นไปไม่ได้ที่เนี่ยเฟิงจะตอบโต้ได้ยังไงอีกล่ะ?
“คุณท่านล้วนพูดอย่างนี้แล้ว ผมปฏิเสธอีกดูเหมือนเห็นได้ชัดว่ามีการมองข้ามความหวังดีของผู้อื่นเล็กน้อยแล้ว งั้นผมก็ตามท่านไปดูสักหน่อยเถอะ?”
ไป๋วู่เหรินดีใจมากพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก เขาลุกขึ้นมาเดินออกไปเลย “คุณตามหลังผมเถอะ ผมพาคุณไปเยี่ยมชมๆ ที่นี่ถือว่าใหญ่อยู่นะ”
เนี่ยเฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มหนึ่งที “คุณท่านแน่ใจเหรอ? ผมคนนี้อะไรล้วนไม่ดี ความจำกลับดีเยี่ยม สถานที่ที่ท่านพาผมไปเยี่ยมชมผมล้วนจะจำได้ ถ้าหากผมเป็นคนร้าย งั้นท่านจะไม่ใช่ชักศึกเข้าบ้านเหรอ?”
“ถ้าหากกองทัพของผมแม้แต่คุณล้วนต้านไว้ไม่อยู่ละก็ งั้นพวกเขาก็เรียกไม่ได้ว่าเป็นผู้ยอดเยี่ยมแล้ว ผมรู้ว่าคุณแข็งแกร่งกว่าคนมากมาย ผมดูจากท่าเดินของคุณก็ดูออกได้เลย”
เนี่ยเฟิงก้มหัวจ้องมองการย่างก้าวของตนเองหนึ่งที เขาปกปิดดีมากมาโดยตลอด ยิ่งกว่านั้นตอนที่เขาเข้าไปเมื่อกี้ คุณท่านที่แซ่ไป๋คนนี้ไม่ได้จ้องมองตนเองเลย ตอนนี้เขาเดินออกไปก็ยังเดินอยู่ข้างหน้าของตนเองอีก งั้นตกลงว่าเขารู้ท่าเดินของเขาได้ยังไงล่ะ?
ตาของตาเฒ่าคนนี้เกิดอยู่ข้างหลังศีรษะเลยเชียวเหรอ?
หรือพูดได้อีกว่าคุณท่านคนนี้แกล้งทำอยู่ อาจจะเป็นการหลอกลวงเขาล่ะ?
แต่ไม่ว่าเป็นยังไง ตาเฒ่าคนนี้มั่นใจในตนเองมากจริงๆ ถึงยังไงทิ้งข้างหลังไว้ให้กับคนคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นศัตรูหรือเพื่อนร่วมรบ พูดโดยรวมแล้วเป็นการกระทำที่กล้าหาญมาก
อีกทั้งข้างกายของไป๋วู่เหรินก็ไม่มีผู้ติดตามกับทหารยามสักคน แม้ว่าที่นี่ทุกที่ล้วนมีกล้องวงจรปิด ก็มีคนที่ไปๆมาๆเช่นกัน แต่หากว่าเขาจะลงมือจริงๆ งั้นไป๋วู่เหรินตายแน่ไม่ต้องสงสัย
ไม่นานพวกเขามาถึงสนามยิงปืนแล้ว เนี่ยเฟิงยังไม่ได้ไปใกล้ ก็ได้ยินเสียงปืนจากสนามยิงปืนแล้ว
“พวกเด็กๆของผมเหล่านั้นล้วนทำการฝึกอบรมอยู่ล่ะ พวกเขาทุกวันล้วนทำการฝึกอบรมที่จืดชืดไร้รสชาติอยู่ซ้ำๆ แต่ว่าทั้งหมดนี้ล้วนเพื่อทำให้พวกเขาปรับตัวให้เข้ากับจังหวะในสนามรบ”
มีเพียงการฝึกอบรมที่พยายามมุมานะพากเพียร จึงจะทำให้พวกเขาได้รับการปรับใช้ตามสถานการณ์ได้ยิ่งดี ก็สามารถทำให้พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความโหดเหี้ยมทารุณของสงครามเช่นกัน อยู่ในสนามรบพวกเขาจึงจะเลือดไหลได้น้อยลงหน่อย
เนี่ยเฟิงก็เคยผ่านการฝึกอบรมตามระบบ แต่เทียบกับการฝึกอบรมอย่างนี้ของพวกเขา การฝึกอบรมของเนี่ยเฟิงฝั่งโน้น เรียกได้ว่าเป็นนรก ก็เรียกได้ว่าเป็นการฝึกอบรมปีศาจ สิ่งเหล่านี้สำหรับเขามากล่าว ก็คือแตกต่างกันราวฟ้ากับดินจริงๆเลย
“ปู่ไป๋!”
ในเวลานี้ ทหารที่สวมใส่ชุดลายพรางทหารหลายคนพุ่งเข้ามาแล้ว บนใบหน้าของพวกเขาเปี่ยมล้นด้วยรอยยิ้มที่สดใส ดูแล้วอายุใกล้เคียงกับเนี่ยเฟิง
พวกเขาเพิ่งดำเนินการฝึกอบรมไปหนึ่งรอบ มองเห็นไป๋วู่เหริน พวกเขาก็รีบเร่งเข้ามา
“ปู่ไป๋ท่านมีเวลาว่างขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ? เมื่อก่อนไม่ใช่บอกว่าจะไม่ดูพวกเรายิงปืนเหรอ?”
“วันนี้ไม่เหมือนกัน ผมพาคู่ต่อสู้คนหนึ่งมาให้พวกคุณ”
ไป๋วู่เหรินพูดอยู่ชี้ไปยังเนี่ยเฟิงที่อยู่ข้างกายชี้แล้วชี้อีก เนี่ยเฟิงจ้องมองพวกเขาหลายคน โผล่รอยยิ้มที่สวยสดงดงามออกมาหนึ่งที เพียงแค่ว่ารอยยิ้มนี้ไม่ถึงนัยน์ตา ก็เหมือนดั่งหน้ากากที่แขวนไว้อยู่บนใบหน้าเขาจริงๆเลย
แต่ว่า ถึงแม้เขายิ้มอย่างนี้ ก็ไม่ถูกคนสังเกตได้ เพราะว่าเขาฝึกฝนมามากกว่าเป็นหมื่นครั้งแล้ว
“คนคนนี้ดูแล้วก็คือนักศึกษาที่ยังเรียนมหาลัยอยู่ล่ะ ดูแล้วเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงอะไรด้วย คุณยิงปืนเป็นไหม?”
ในนั้นคนหนึ่งโอหังเหลือเกินเชิดคางแล้วเชิดคางอีก ดูแล้วเอ้อระเหยลอยชาย
“เชาเยว่ คุณอย่าดูถูกเขา เขาเก่งมากนะ”
หลายคนนี้ได้ยินไป๋วู่เหรินชื่นชมเนี่ยเฟิง สีหน้าเปลี่ยนกะทันหัน พวกเขาใช้สายตาอาฆาตจ้องมองเนี่ยเฟิง ถึงยังไงพวกเขามุ่งมั่นขนาดไหน ก็ไม่ได้รับการชื่นชมยอมรับจากไป๋วู่เหริน