พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 398 ยิงถูกร้อยทั้งร้อย
เนี่ยเฟิงสังเกตถึงสายตาที่พวกเขามองตนเองดูเหมือนมีความเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้ว แต่ว่าเขาก็ไม่แคร์ เขาจ้องมองปืนไรเฟิลซุ่มยิงหยิบขึ้นมาอย่างตามสบาย
หยางเชาเยว่เดินมาถึงข้างกายของเนี่ยเฟิง เบ้ปากแล้วเบ้ปากอีก “ผมเห็นบนมือของคุณนี่แม้แต่ผิวหนังด้านๆสักที่ก็ไม่มี น่าจะเป็นการเตะต้องปืนครั้งแรกมั้ง คุณอย่าเตะต้องมั่ว อีกสักครู่แรงถีบกลับจะทำร้ายคุณงั้นก็เเย่เเล้วนะ!”
เนี่ยเฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วยิ้มอีก “ก็แค่แรงถีบกลับของปืนกระบอกนี้ยังคงทำร้ายผมไม่ได้”
ปืนที่เขาเคยจับล้วนมากกว่ากระสุนที่ทหารเหล่านี้เคยยิงออกไป หยางเชาเยว่และคนเหล่านี้อยู่นัยน์ตาของเขาก็เหมือนดั่งดอกไม้ในเรือนกระจก ไม่มีทางที่จะเทียบเท่ากับความวุ่นวายจากภัยสงครามที่เขาเคยประสบเจอมาก่อนจริงๆ และศัตรูที่เขาเคยโจมตีฆ่ามาก่อน ใช้มือล้วนนับไม่หมด หลายปีที่ผ่านมานี้มีชีวิตอยู่บนความตายในสนามรบ หลายครั้งเกือบจะเสียชีวิต
ลู่อีหมิงอยู่ข้างๆจ้องมองรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าเนี่ยเฟิง ก็เลยรู้สึกว่าเจ้านี่เป็นไปได้ว่าอาจจะประมาทอยู่ เขาก็เลยเข้าไปแย่งชิงปืนในมือของเนี่ยเฟิงไป
ตามความจริง ถ้าหากเนี่ยเฟิงไม่ปล่อยมือ เป็นไปไม่ได้ที่ลู่อีหมิงจะเอาปืนกระบอกนี้ไปได้
“ในเมื่อคุณมาถึงที่นี่แล้ว งั้นผมก็ให้คุณดูสิว่าอะไรเรียกว่าเซียนมือปืน!”
ลู่อีหมิงพูดจบ ชี้ไปยังเสากระโดงเรือที่อยู่ไกลๆชี้แล้วชี้อีก “ถ้าหากคุณไม่มีความเข้าใจอะไรกับปืนละก็ น่าจะไม่รู้รัศมีการยิงที่แรงที่สุดของปืนไรเฟิลซุ่มยิงนี้ว่าคือเท่าไหร่!”
“แปดร้อยเมตร”
ยังไม่ทันรอให้ลู่อีหมิงพูดจบล่ะ เนี่ยเฟิงก็ตอบคำพูดนั้นเลย
ลู่อีหมิงอึ้งชะงักไปหนึ่งที “คุณรู้เหรอ งั้นย่อมเป็นตอนที่คุณดูทีวีได้เห็นมั้ง สิ่งที่อยู่บนทีวีเหล่านั้นดีเลิศเกินจริงแม้บอกว่าเป็นแปดร้อยเมตร แต่ตอนที่กระสุนนั้นของคุณไปถึงห้าหกร้อยเมตรก็กระเด็นไปแล้ว ดังนั้นกล้องติดปืนไรเฟิลที่อยู่บนปืนไม่แน่ที่จะแม่นมาก จะต้องอาศัยการวินิจฉัยของคุณ”
หลังจากลู่อีหมิงพูดจบ ยกปืนไรเฟิลที่อยู่ในมือขึ้น “ปัง” เสียงหนึ่งยิงออกไปเลย เสากระโดงเรือที่อยู่ไกลหักตามเสียง
“เห็นหรือยัง รู้ว่าเสากระโดงเรือที่อยู่นั่นห่างไกลกับผมมากเท่าไหร่ไหม?”
ลู่อีหมิงถามอย่างเกิดความปีติยินดีอย่างภาคภูมิใจ
“หนึ่งพันเมตร”
คำพูดนี้ของเนี่ยเฟิง ทำให้คนทั้งหลายที่อยู่ในนั้นล้วนอึ้งชะงักไปหนึ่งที หยางเชาเยว่ขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก “ตาของคุณเป็นเครื่องมือวัดเหรอ?”
“ประมาณว่าเป็นความหมายนี้ ตาของผมแม้ไม่ใช่เครื่องมือวัด แต่สำหรับระยะห่างผมมีความรู้สึกไวมาก ผมรู้ว่าระยะห่างฝั่งโน้นประมาณหนึ่งพันเมตร”
เนี่ยเฟิงจ้องมองลู่อีหมิงหนึ่งที “ฝีมือยิงปืนของคุณไม่เลว มือก็มั่นคงมากด้วย แต่ว่า…….อยู่ในสนามรบ ศัตรูจะไม่ยืนอยู่ที่นั่นเฉยๆ ให้คุณจะฆ่าจะแกงตามใจนะ”
ไป๋วู่เหรินเห็นด้วยมากจนพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก คนที่เคยผ่านสนามรบล้วนรู้ อยู่ในสนามรบจะต้องซ่อนเร้น ยิ่งต้องมีการเคลื่อนตัวที่คล่องแคล่ว
“แม้ภาพนิ่งนั้นล้วนยิงไม่โดน คุณก็อย่าเอ่ยถึงอย่างอื่นเลย”
ลู่อีหมิงอดไม่ไหวที่จะลืมตาขาวหนึ่งที ต่อจากนั้นเขามองเห็นนกที่อยู่บนหัว เพียงแค่เห็นลูกตาหมุนเขาหนึ่งที ชี้ไปยังนกที่อยู่ข้างบนพูดว่า “ถ้าคุณเก่งมากขนาดนั้น งั้นคุณยิงนกตัวหนึ่งลงมาให้พวกเราดูสิล่ะ?”
ความสูงในการบินของนกตัวนี้เกินหนึ่งพันเมตรไปนานแล้ว พูดได้อีกว่า ต่อสิ่งที่เคลื่อนไหวได้อย่างนี้ คุณจำเป็นต้องวินิจฉัยวิถีกระสุนของคุณ ยังต้องวินิจฉัยความเร็วลมแรงต้านทานสาเหตุที่ต่อเนื่องกันต่างๆนี้
“นี่จะยากอะไร?”
เนี่ยเฟิงแสยะปากยิ้มหนึ่งที จ้องมองไปยังลู่อีหมิง “ถ้าหากว่าผมสามารถยิงโดนนกตัวนั้น งั้นคุณก็เป็นเป้ายิงปืนให้ผมเถอะ?”
“แฮ่! ไอ้หนุ่ม คุณช่างโอหังมากจริงๆนะ ถึงขนาดกล้าให้ผมเป็นเป้ายิงปืนให้กับคุณเหรอ?”
เดิมทีลู่อีหมิง หยางเชาเยว่ทั้งสองคนก็เป็นคนอารมณ์หุนหันพลันแล่นอยู่แล้ว ยามปกติไม่ถูกกัน แต่ว่าตอนนี้มีคนนอกมาพวกเขาทั้งสองคนย่อมเกลียดชังเคียดแค้นศัตรูเหมือนกันแน่นอน ถึงแม้ไม่รู้ว่าเจ้านี่ตกลงเป็นใคร แต่ก็โอหังเกินไปแล้ว
“ได้สิ อย่าพูดว่าแต่ลู่อีหมิงเลย ถ้าคุณสามารถยิงนกตัวนั้นลงมาได้ผมก็เป็นเป้ายิงปืนให้กับคุณด้วยเช่นกัน!”
หยางเชาเยว่กับลู่อีหมิงทั้งสองคนสบตากัน พวกเขาทั้งสองคนรู้สึกว่าเนี่ยเฟิงจะยิงนกตัวนั้นลงมาไม่ได้อย่างเด็ดขาด ความสูงของนกตัวนั้นสูงเกินไปแล้วจริงๆ พูดอีกว่าทั้งอยู่บนท้องฟ้าเป้าหมายเล็กขนาดนั้น อยากจะยิงให้โดนยากกว่าปืนขึ้นฟ้าจริงๆเลย
ตอนนี้พวกเขาวัดความสูงในการบินของนกตัวนั้นด้วยสายตาเป็นไปได้ว่าอยู่ประมาณหนึ่งพันสี่ร้อยเมตร
กระสุนยิงไปถึงที่นั่นไม่มีแรงตั้งนานแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดว่าจะยิงโดนนกที่กำลังบินอยู่
“นี่จะเป็นพวกคุณทั้งสองพูดเองนะ คนอื่นๆก็เป็นพยานเถอะ”
เนี่ยเฟิงลั่นไกปืนแล้ว
“คุณทำให้ได้ก่อนค่อยว่ากันเถอะ!”
คำพูดนี้ของหยางเชาเยว่เพิ่งพูดจบ อยู่ดีๆเนี่ยเฟิงยกปืนไรเฟิลที่อยู่ในมือขึ้น มองก็ไม่มองยิงออกไปหนึ่งที คนทั้งหลายตื่นตกใจหนึ่งที เพราะว่าการยิงปืนของเขากะทันหันเกินไปแล้วจริงๆ
ไป๋วู่เหรินสำรวจการกระทำของเนี่ยเฟิงอยู่โดยตลอด ดังนั้นเขาไม่ได้พลาดเลย เขามองเห็นแล้ว เนี่ยเฟิงยกมือขึ้นยิงโดนนกตัวหนึ่งแล้ว และนกตัวนี้กำลังตกตรงจากฟ้าลงมา!
คนทั้งหลายรีบล้อมรอบเข้าไปตรวจดู พบเห็นกระสุนลูกนั้นฝังอยู่ในสมองของนก!
หนึ่งพันสี่ร้อยกว่าเมตรยิงโดน! ยังเป็นหนึ่งนัดยิงสมองแตกอีก!
“นี่เป็นไปได้ยังไงล่ะ?”
หยางเชาเยว่กับลู่อีหมิงกลืนน้ำลายหนึ่งทีอย่างลำบาก พวกเขาจ้องมองไปยังเนี่ยเฟิง และในเวลานี้เนี่ยเฟิงส่งปืนไรเฟิลเข้าไป “ระยะห่างไกลไปหน่อย มิฉะนั้นนกสองตัวนั้นล้วนต้องตาย”
พวกเขาทั้งสองคนไปตรวจดูหนึ่งรอบ จึงพบเห็นว่ากระสุนลูกนั้นติดอยู่หนังศีรษะของนก ระยะห่างนี้ไกลไปหน่อยจริงๆ กระสุนก็จะค่อยๆหมดแรงไป แต่ว่าระยะห่างที่ไกลขนาดนั้น เนี่ยเฟิงกลับสามารถยิงกระสุนอย่างแม่นยำไม่พลาดเข้าไปในสมองของนก……
นี่เป็นปีศาจอะไรกันแน่? ทำไมถึงแข็งแกร่งยิ่งนัก?
ตกลงว่านี่เป็นปีศาจอะไรกันแน่? ทำไมเก่งมากขนาดนั้นล่ะ?
“เมื่อกี้พวกคุณทั้งสองไม่ใช่บอกว่าจะเป็นเป้ายิงปืนให้กับผมเหรอ? นานมากแล้วที่ผมไม่ได้จับปืน ดังนั้นผมอยากจะฝึกมือสักหน่อย”
เนี่ยเฟิงยิ้มจนเรียบง่ายไร้อุบายเหลือเกิน ดูแล้วก็เป็นนักศึกษาทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น
และเมื่อกี้เขาโชว์ฝีมือทีหนึ่งอยู่ต่อหน้าคนทั้งหลาย เป็นไปได้ยังไงที่พวกเขายังจะเห็นเนี่ยเฟิงเป็นคนธรรมดาได้อีกล่ะ?
“เอาล่ะ เอาล่ะ พวกคุณทั้งสองก็อย่าโอหังเลย รู้ว่าฝีมือยิงปืนของพวกคุณแม่น แต่ว่านี่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน พวกคุณน่าจะรู้ถึงจะถูก”
ในเวลานี้ไป๋วู่เหรินออกมาไกล่เกลี่ยให้ลงเอยกันด้วยดี หยางเชาเยว่กับลู่อีหมิงทั้งสองคนล้วนมีความหมดอาลัยตายอยากเล็กน้อย พวกเขาไม่เข้าใจ ทั้งๆที่อายุของพวกเขาทั้งสองคนล้วนแตกต่างกันไม่มาก แต่ว่าทำไมเนี่ยเฟิงถึงยอดเยี่ยมขนาดนั้นล่ะ?
เดิมทีเนี่ยเฟิงก็เพียงแค่คิดจะขู่ขวัญๆพวกเขาทั้งสองเท่านั้น ตอนนี้พวกเขาทั้งสองถูกโจมตีแล้วย่อมเป็นทุกข์มากแน่นอน ถึงแม้ไม่ให้พวกเขาเป็นเป้ายิงปืน พวกเขาก็จะกลุ้มใจไประยะหนึ่งเช่นกัน
“ตกลงว่าคุณทำได้ยังไงกันแน่ล่ะ? ทำไมแม้แต่มองกล้องติดปืนไรเฟิลคุณก็ไม่ได้มอง คุณก็รู้ว่ากระสุนของคุณจะสามารถทะลุสมองของนกตัวนั้นได้อย่างแน่นอนล่ะ?”
ลู่อีหมิงไม่เข้าใจ รีบวิ่งตามไปซักถามเนี่ยเฟิง
เนี่ยเฟิงเอียงหัวอยู่คิดแล้วคิดอีก จากนั้นตอบกลับว่า “เพราะว่าผมถือความมุ่งมั่นที่จะต้องตายมายิงปืน ดังนั้นผมรู้ กระสุนของผมจะทะลุมันได้อย่างแน่นอน”
อยู่ในสนามรบกระสุนลูกนั้นไม่ได้ยิงศัตรูตาย งั้นศัตรูเป็นไปได้มากก็อาจจะดำเนินการโต้ตอบที่น่ากลัวกลับมา ดังนั้นหนึ่งนัดถึงตายสำหรับพวกเขานักรบเหล่านี้มากล่าวเป็นสิ่งที่มีผลดีที่สุด
พวกเขาทั้งสองดูเหมือนยังไม่เคยผ่านสนามรบ เป็นไปได้มากอาจจะไม่สามารถเข้าใจคำพูดที่เขาพูดทั้งหมด แต่ไป๋วู่เหรินกลับรู้ว่าความหมายของเนี่ยเฟิงคำนี้คืออะไร
“พวกคุณทำการฝึกอบรมต่อเถอะ ผมจะพาเนี่ยเฟิงไปเดินเล่นที่อื่นสักรอบ”
“ปู่ไป๋! เขาจะเข้าร่วมเป็นทหารไหม?”