พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 399 ไม่ได้สิ่งที่ดีที่สุดก็ยอมลดระดับมาเอาสิ่งที่ดีรองลงมา
- Home
- พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม
- บทที่ 399 ไม่ได้สิ่งที่ดีที่สุดก็ยอมลดระดับมาเอาสิ่งที่ดีรองลงมา
“ผมไม่ ดังนั้นพวกคุณวางใจเถอะ”
คำพูดเหล่านี้ของเนี่ยเฟิงทำให้หยางเชาเยว่กับลู่อีหมิงล้วนผิดหวังมาก พวกเขาทั้งสองไม่ใช่คนที่อิจฉาคนอื่นแบบนั้น เขาสามารถสังเกตเห็นถึงตนเองยังต้องการความก้าวหน้า ก็จะเจียมตัวนิสัยของตนเอง
ถ้าหากเนี่ยเฟิงสามารถเข้าร่วมกลุ่มทหารของพวกเขา พวกเขาทั้งสองย่อมจะทุ่มสุดแรงอยากจะไล่ตามทันย่างก้าวของเนี่ยเฟิงอย่างแน่นอน
เนี่ยเฟิงติดตามไป๋วู่เหรินออกจากสนามยิงปืน ทั้งสองคนเดินเตร่อีกหนึ่งรอบ จากนั้นกลับไปที่ออฟฟิศอีกครั้ง
“เมื่อกี้คุณก็เดินเตร่หนึ่งรอบด้วยแล้ว รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
“คุณท่าน คุณยังอยากจะดึงผมเข้าร่วมเป็นทหารเลยเชียวเหรอ? ผมเคยพูดมาก่อนแล้วผมไม่มีความคิดนี้เลย”
“ผมรู้ว่าคุณไม่มีความคิดนี้ เพราะว่าอยู่นัยน์ตาของคุณ การฝึกอบรมของพวกเขาก็เหมือนเช่นดั่งเด็กเล่นขายของ ผมพูดไม่ผิดใช่ไหม?”
บนใบหน้าของไป๋วู่เหรินแขวนรอยยิ้มไว้เหมือนเดิม
“ในเมื่อท่านรู้แล้ว งั้นก็ไม่จำเป็นต้องถามผมอีกเลย”
“ผมย่อมรู้สถานะของคุณแน่นอน มิฉะนั้นผมก็จะไม่เชิญคุณมาถึงที่นี่เช่นกัน คุณก็รู้ว่าหลายปีนี้ความวุ่นวายจากภัยสงครามปีต่อปี แม้ว่าพวกเรายังถือว่าสันติภาพแต่ว่ามีการจู่โจมที่ไม่มีสักคนสังเกตเห็นอยู่เบื้องหลังมากมาย พวกเรามีทหารที่ยอดเยี่ยมเป็นผู้ยอดเยี่ยมในผู้ยอดเยี่ยม แต่ว่ามีมากมายที่พวกเขาก็สิ้นชีวิตแล้วเช่นกัน”
ไป๋วู่เหรินพูดอยู่ ถอนหายใจหนึ่งที “ในเมื่อพวกเราล้วนรินหลั่งเลือดของคนเชื้อสายจีนอยู่ ผมย่อมอยากจะดึงคุณมาเป็นพวกอยู่แล้ว”
ไป๋วู่เหรินเข้าใจสถานะของเนี่ยเฟิงมาก เขารู้ว่าเนี่ยเฟิงก็คือราชามังกรของสำนักมังกรในตำนาน ตอนที่ไป๋วู่เหรินเห็นเนี่ยเฟิงก็สามารถรู้สึกถึงความโหดเหี้ยมแบบนั้นที่เผยให้เห็นจากบนกายเนี่ยเฟิง
นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะมีอยู่บนกายวัยรุ่น อีกทั้งเพราะสาเหตุที่เนี่ยเฟิงอยู่ในสนามรบนาน ดังนั้นอยู่บนกายเขายังมีแรงอาฆาตกับกลิ่นคาวเลือดที่คลุมเครืออยู่
จากการยิงหนึ่งนัดนั้นของเขาเมื่อกี้ ไป๋วู่เหรินก็สามารถรู้สึกได้
เนี่ยเฟิงย่อมรู้ว่าเมื่อกี้ไป๋วู่เหรินอยากจะทดสอบตนเอง ดังนั้นจึงจะพาเขาไปสนามยิงปืน แต่ว่าเนี่ยเฟิงปฏิเสธไป๋วู่เหรินอย่างชัดเจนมากแล้ว ดังนั้นไป๋วู่เหรินในตอนนี้เป็นไปได้มากที่อยากจะไม่ได้สิ่งที่ดีที่สุดก็ยอมลดระดับมาเอาสิ่งที่ดีรองลงมา
“คุณท่านพวกเราก็ไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว พูดตรงประเด็นเถอะ ตกลงท่านอยากจะทำอะไรกันแน่ล่ะ?”
“ในเมื่อคุณไม่มีความคิดอยากจะเข้าร่วมกับพวกเรา งั้นจะเชิญคุณเป็นติวเตอร์ให้นักศึกษาเหล่านี้ของผมได้หรือไม่ล่ะ?”
ไป๋วู่เหรินจริงจังมากจ้องมองไปยังเนี่ยเฟิง เนี่ยเฟิงขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก จากนั้นพูดอย่างเอาจริงเอาจังว่า “เทียบกับการฝึกอบรมของพวกเขาเมื่อกี้ การฝึกอบรมของพวกเราฝั่งนี้จะยิ่งน่ากลัวกว่า ผมกังวลว่าพวกเขาจะค้ำจนไม่ไหว”
“แม้แต่อุปสรรคแค่นี้ล้วนค้ำจนไม่ไหว งั้นพวกเขายังจะปกป้องประเทศปกป้องบ้านเมืองได้ยังไงล่ะ?”
สายตาไป๋วู่เหรินแวววาวจ้องมองเนี่ยเฟิง “นี่น่าจะนับไม่ได้ว่าเป็นการผูกมัดคุณแล้วล่ะ อีกทั้งข่าวที่คุณอบรมพวกเขานี้ ผมจะปิดล้อมให้หมด จะไม่มีใครรู้”
เนี่ยเฟิงลูบคางแล้วลูบคางอีก จากนั้นเอ่ยข้อเรียกร้องอีกอย่างหนึ่ง “เดิมทีครั้งนี้ผมกลับประเทศคิดวางแผนการไว้ว่าจะติดต่อกับพวกคุณอยู่แล้ว ก็เนื่องเพราะผมมีธุระส่วนตัวเล็กน้อยจะต้องจัดการด้วยตนเอง ดังนั้นไม่ได้มาเจรจาหารือกับพวกคุณมาโดยตลอด ในเมื่อวันนี้ท่านเรียกผมมางั้นผมก็รับปากการขอร้องที่เล็กๆขนาดนี้ของท่านเถอะ”
ถ้าหากเป็นคนอื่นที่เห็นเนี่ยเฟิงพูดจาอย่างนี้กับไป๋วู่เหริน ย่อมจะรู้สึกว่าไอ้หนุ่มนี่โอหังมาก อีกทั้งไม่มีการศึกษา
แต่ไป๋วู่เหรินกลับเคารพนบนอบต่อเนี่ยเฟิง เพราะว่าไป๋วู่เหรินรู้ว่าเนี่ยเฟิงเป็นราชามังกรของสำนักมังกร มีประเทศมากมายขนาดไหนล้วนอยากจะประจบเขา การคงอยู่ของเขาก็เหมือนดั่งกองทัพที่ยอดเยี่ยมแห่งหนึ่ง ตัวเขาคนเดียวก็โจมตีกองกำลังทหารหนึ่งกองร้อยพลิกคว่ำได้ บุคคลในตำนานแบบนี้ เกรงว่าอยู่บนโลกนี้ก็หาไม่เจออีกสักคนหนึ่งแล้วเช่นกัน
“ขอบคุณมากที่คุณยินยอมร่วมงานของพวกเรา ไม่ว่าคุณเอ่ยข้อเรียกร้องอะไรพวกเราล้วนจะทำให้คุณพอใจ”
ไป๋วู่เหรินรีบพูดรับรองทันที
“พวกคุณคัดเลือกลูกศิษย์ที่ภาคภูมิใจที่สุดในนั้น และคนเหล่านี้ไม่เกินสิบคน พวกเขาสามารถมีพรสวรรค์ต่างๆนานาได้ เพราะว่าผมต้องการสอนไปตามสภาพความสามารถ เวลาและสถานที่ของการฝึกอบรมผมจะเป็นคนร่างระเบียบ ต่อสิ่งที่ผมพูดทั้งหมดพวกเขาไม่จำเป็นต้องปฏิบัติการตามอย่างไร้เงื่อนไขเลย”
แสวงหาจุดร่วมรักษาความเห็นที่ต่างกันเอาไว้นี่เป็นเรื่องปกติมาก แต่ว่าเนี่ยเฟิงจะไม่ให้พวกเขามีความหวาดระแวงใดๆเพราะว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์นี้
“ขอเพียงคุณยอมอบรมล้วนดีกว่าอะไร คุณวางใจเถอะ ผมย่อมจะคัดเลือกบุคคลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในนี้แน่นอน”
ไป๋วู่เหรินดีใจเหลือเกิน ถึงแม้ว่าไม่มีทางที่จะดึงผู้ชายที่แข็งแกร่งไร้เห็นแก่ตัวคนนี้มาเป็นพวกเข้าร่วมกลุ่มทหารของเขา แต่ว่ามีเขาเป็นครูผู้ฝึก นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรดีกว่านี้อีกแล้ว พูดได้อีกว่า ตั้งแต่แรกไป๋วู่เหรินก็ไม่ได้คิดว่าตนเองจะดึงเนี่ยเฟิงมาเป็นพวกได้เช่นกัน
ตั้งแต่แรกเขาก็ทำการคิดวางแผนการอย่างอื่นไว้แล้ว ก็คือให้เนี่ยเฟิงนำพานักศึกษา
“ถึงเวลานั้นผมจะโทรหาคุณ นิสัยของผมคนนี้ไม่ถือว่าดีมาก ดังนั้นสถานที่ในทุกครั้งจะไม่เหมือนกัน”
“ทั้งหมดล้วนทำตามสิ่งที่คุณพูด”
เนี่ยเฟิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกนิดๆ จากนั้นดูเหมือนเขานึกถึงอะไร จากนั้นจ้องมองไปยังไป๋วู่เหริน “คุณรู้ว่าหยูจิงหงเป็นอะไรกับผมล่ะ?”
“ผมย่อมรู้อยู่แล้ว”
“ถ้าหากผมให้ท่านอย่าสั่งภารกิจหนักเกินไปให้กับเธอ เกรงว่านี่จะฝ่าฝืนข้อบัญญัติของพวกคุณ พูดได้อีกว่า พี่สองของผมคนนี้ก็อยู่เฉยๆไม่ได้เช่นกัน เธอบุกน้ำลุยไฟ ดังนั้นตอนที่ปฏิบัติการภารกิจที่ค่อนข้างอันตราย ท่านต้องแจ้งให้ผมทราบ”
หลังจากไป๋วู่เหรินได้ยินแล้วเบิกตาโพลง ยังมีเรื่องดีขนาดนี้อีกเหรอ?!
จากนี้มากล่าว พวกเขาจะไม่ใช่ได้กำลังที่แข็งแกร่งสนับสนุนอยู่เบื้องหลังมาเพิ่มอย่างหนึ่งเลยเหรอ?
เพียงแค่สั่งภารกิจที่ลำบากให้แก่หยูจิงหง เนี่ยเฟิงย่อมจะไม่นิ่งดูดายแน่นอน ปากของคุณท่านไป๋ล้วนจะแสยะถึงหนังหูไปแล้ว เขาพยักหน้าอย่างรีบเร่งมาก “ได้สิ ได้สิ ทั้งหมดนี้ผมรู้ว่าควรจะทำยังไง!”
หลังจากทั้งสองคนพูดคุยกันเสร็จ เนี่ยเฟิงก็เลยกลับไปที่ห้องพักผ่อน ในเวลานี้เขามองเห็นหยูจิงหงที่กระวนกระวายใจไม่เป็นสุข
“เสี่ยวเฟิง แกไม่เป็นไรนะ แกทำไมไปนานขนาดนี้ล่ะ หัวหน้าของพวกเราพูดคุยอะไรกับแกบ้างเหรอ? บีบบังคับแกทำเรื่องอะไรใช่หรือไม่? ถ้าหากใช่ละก็ฉันจะไปคิดบัญชีกับเขาตอนนี้เลย”
“ไม่มี ไม่มี คุณท่านอ่อนโยนมาก ก็แค่พาผมไปเยี่ยมชมกองทัพของพวกคุณสักหน่อย เขาอยากจะดึงผมมาเป็นพวกเข้าร่วมเป็นทหาร แต่ว่าผมไม่มีความคิดนี้ ดังนั้นก็ปฏิเสธเขาไปเลย ผมทำเช่นนี้ไม่ดีใช่หรือไม่ล่ะ”
เนี่ยเฟิงกะพริบตาที่เรียบง่ายไร้อุบายอยู่จ้องมองไปยังหยูจิงหง
หลังจากหยูจิงหงได้ยินจึงค่อยๆถอนหายใจออกหนึ่งที “ไม่เป็นไรล่ะ ในบ้านหนึ่งหลังมีทหารคนเดียวก็พอแล้ว”
หยูจิงหงอยากให้เนี่ยเฟิงเป็นด้วงงวงข้าวโพดตัวหนึ่งจะตายไป ให้พี่ๆหลายคนมาเลี้ยงเขาไว้ นั่นก็พอแล้ว ปีนั้นพวกเขาไม่ใช่ถูกตระกูลเนี่ยช่วยเหลืออย่างนี้เหรอ?
ในตอนนี้พี่ๆหลายคนก็อยากจะตอบแทนบุญคุณเช่นกัน พวกเธอไม่อยากให้เนี่ยเฟิงลำบากเกินไปเลย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นพวกเราก็กลับไปเถอะ ฉันคิดว่าแกน่าจะหิวแล้วเช่นกัน ฉันยังคิดว่าเรียกแกมาทำอะไรล่ะ”
ทั้งสองคนไปหาร้านอาหารแห่งหนึ่งกินข้าวพร้อมกัน เพราะว่าในกองทัพยังมีเรื่องเล็กน้อย ดังนั้นหยูจิงหงรีบกลับไปประชุมก่อนคิดว่าน่าจะมีภารกิจเช่นกัน
ระหว่างทางที่เนี่ยเฟิงกลับไปคิดอยู่ว่าควรจะทำการฝึกอบรมไข่อ่อนทหารใหม่กลุ่มนี้ได้ยังไง นักฆ่าที่เขาเคยนำพามามากมาย แต่ละคนล้วนกลายเป็นคนที่มีฝีมือรับภาระด้านหนึ่งแต่ผู้เดียว เพียงแค่ปัจจุบันนี้จะนำพาทหารใหม่เหล่านั้นเนี่ยเฟิงมักจะรู้สึกว่าใช้กฎเกณฑ์ที่นำพานักฆ่าแต่ก่อนมาทำพาพวกเขา เป็นไปได้มากที่พวกเขาอาจจะรับไม่ไหว