พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 41 เรียกราคาสูงลิ่ว
บทที่ 41 เรียกราคาสูงลิ่ว
ชิวมู่เฉิงสงสัยตัวเองว่าฟังผิดไปหรือเปล่า “ผู้อำนวยการลิ คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม ? ”
ผู้อำนวยการลิส่ายหน้า “ผมไม่ได้ล้อเล่น ผมจะล้อเล่นกับคุณชิวไปทำไม? คุณชิว ราคานี้ยุติธรรมมากแล้ว ก่อนหน้าที่หวางต้าจาวมาหาผม ผมก็เปิดราคานี้ เขาไม่เอา แต่ภายหลังเขาก็โอนที่ผืนนี้ให้คุณแล้วไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้มาเป็นคุณ ผมก็ไม่ได้เลือกปฏิบัติเลยนะ”
แม้ว่าการมาเอาเอกสารกับพวกเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนบางอย่าง แต่ราคานี้คนธรรมดาไม่สามารถแบกรับไหวแน่
ชิวมู่เฉิง ลงทุนกับที่ดินPeople & Spring ผืนนี้เพื่อการพัฒนาไปมาก ถ้าเวลานี้ไม่เอาไว้ล่ะก็ เธอต้องพลาดการส่งเสริมการลงทุนในฤดูใบไม้ร่วงแน่
แต่ท่าทีของผู้อำนวยการลิ ไม่ต่างอะไรจากโจรที่เข้าปล้นตอนเพลิงไหม้เลย
“คุณชิวคุณไปคิดดูก่อนก็ได้ แต่ผมมีราคานี้ราคาเดียวเท่านั้น ถ้าคุณต่อรอง งั้นก็เชิญไปหาที่อื่น”
“งั้นฉันขอไปคิดดูก่อนค่ะ”
ชิวมู่เฉิงพูดจบก็ลุกขึ้นจากไป เนี่ยเฟิงเห็นเหตุการณ์ก็เดินตามหลังเธอ
ทั้งสองคนลงจากตึก สุ่มหาร้านกาแฟนั่งลง ชิวมู่เฉิงหน้านิ่วคิ้วขมวด ดูท่าทางเหมือนกลุ้มใจกับเรื่องนี้มาก
“พี่ใหญ่ เรื่องนี้จัดการไม่ง่ายเลยสินะ? อีกฝ่ายเรียกราคาซะสูงขนาดนี้”
หลังจากเมื่อครู่ที่เนี่ยเฟิงได้เห็นท่าทางของผู้อำนวยการลิ ก็ให้ลูกน้องไปตรวจสอบประวัติการโทรในมือถือของเขาปรากฏนึกไม่ถึงว่าจะตรวจสอบเจอคนคนหนึ่งเข้า คนคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือ——เจ้าหัวแบน
เนี่ยเฟิงได้อ่าน ประวัติการพูดคุยของพวกเขา มิน่าเจ้าหัวแบนคนพวกนั้นถึงได้ไร้ยางอายอย่างนี้ ที่แท้เบื้องหลังมีคนคอยหนุนหลังอยู่ เพราะดูแล้วพวกเขาไม่น่าจะคิดลูกไม้นี้ได้
อีกฝ่ายร่วมมือกับเขา คอยให้ความคุ้มครอง ให้พวกเขากล้าลงมืออย่างสบายใจ ไปก่อกวนนักพัฒนา เพื่อบรรลุเป้าหมาย
ให้พวกเขาแค่ไม่กี่พันหยวน อย่างมากก็ไม่เกินหมื่นหยวน รวมกันแล้วก็เป็นเงินไม่เท่าไหร่
แค่ขายเอกสารแค่อย่างเดียวราคาเดียวห้าล้านหยวน เงินห้าล้านหยวนไม่เข้ากระเป๋าพวกเขาหมดเหรอไง?
“ที่ดินในเขตวงแหวนที่สามเมืองตงไห่ ถึงจะไม่เลวก็ตาม ลำพังประมูลที่ดินผืนนี้ ก็ยังต้องใช้เงินถึง 13ล้านหยวน เขาแค่อ้าปากก็ให้ฉันเอาเงินห้าล้านไปแลกเอกสารในมือของเขา”
ชิวมู่เฉิงจิบกาแฟ แล้วก็กุมขมับตัวเอง “ราคานี้มันแพงเกินไป”
“วะ ทำกันอย่างนี้เพราะมีแผนสกปรกล่ะสิ!”
เนี่ยเฟิงทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทำท่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“มันก็ช่วยไม่ได้ เพราะอำนาจอยู่ในมือคนอื่น ถ้าพวกเราต้องการเอกสารพวกนั้น ก็ต้องผ่านเว่ยซื่อกรุป เอกสารที่พวกนั้นออกให้มีน้ำหนักมากที่สุด ถ้าพวกเขาไม่ยอมช่วยงานนี้ งั้นเราก็ต้องเอาเงินไปแลกมา”
ชิวมู่เฉิงอดถอนใจไม่ได้ ในใจคิดว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินก้อนนี้ ในตัวเธอไม่มีเงินห้าล้านจำนวนนี้แน่นอน
ตอนนี้ซื้อที่ดินมาแล้ว ต้องรีบลงมือก่อสร้าง การช้าไปหนึ่งวัน ก็เท่ากับการเสียเวลา เสียกำลัง เสียเงินทอง
“งั้นเราไปถามหวางต้าจาวกัน เมื่อก่อนเขาซื้อที่ดินผืนนี้กับเว่ยซื่อกรุปไม่ใช่เหรอ?”
ชิวมู่เฉิงส่ายหน้า “เดิมทีฉันก็คิดจะทำอย่างนี้ แต่ในเมื่อเขายกผลประโยชน์ให้ฉันแล้ว ก็ไม่ถือว่ามีแผนสกปรก แม้เขาจะปิดบังบางอย่างของที่ดินผืนนี้เอาไว้ แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่มาปล่อยขายราคาถูกไปดีกว่าให้เสียเปล่าอยู่ในมือ”
“มันก็น่าปวดหัวนะ จริงสิพี่ใหญ่ พี่รอผมอยู่ที่นี่เดี๋ยวนะ ผมจะไปห้องน้ำหน่อย!”
“ไปสิ”
ชิวมู่เฉิงใจลอยทำท่าสะบัดมือ
พอเนี่ยเฟิงเข้าไปในห้องน้ำก็โทรหาหวางต้าจาว หวางต้าจาวตอนนี้เรียกได้ว่าเนี่ยเฟิงสั่งอะไรมาทำหมด เพราะจุดอ่อนของเขาอยู่ในกำมือของเนี่ยเฟิง แล้วจะกล้าทำให้เนี่ยเฟิงขุ่นเคืองได้อย่างไร?
“ที่แท้ก็คุณเนี่ยเองเหรอครับ ไม่ทราบมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?”
“นายรู้จักพวกจิ๊กโก๋ของที่ดิน People & Spring ผืนนั้นสินะ?”
พอหวางต้าจาวได้ยิน รอยยิ้มก็ค้างอยู่ที่มุมปากในทันที ยิ้มแหยๆ แล้วก็พูดว่า:
“นี่ไม่ใช่ผมไม่บอกพวกคุณก่อน แต่คุณก็รู้ว่า สถานการณ์ในวันนั้น ทำผมลืมทุกอย่างไปหมด! งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าคุณชิวไม่ต้องการล่ะก็ ผมคืนเงินให้เต็มมูลค่าเลย”
หวางต้าจาวรู้สึกปวดใจที่พูดออกไปแบบนี้ อยากให้รู้ว่าที่ดินผืนนี้ดูได้แต่กินไม่ได้……หวางซื่อกรุปของพวกเขาเป็นแค่บริษัทเครือเล็กๆ ไม่สามารถโต้แย้งสี่ตระกูลตัวพ่อได้!
“ไม่จำเป็น ที่ดินPeople & Spring ผืนนี้ ผมต้องเอาให้ได้ ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปหลงกลได้อย่างไร?”
พอพูดถึงเรื่องนี้หวางต้าจาวก็โมโหขึ้นมาทันที กำหมัดแน่น เล่าเรื่องราวในตอนนั้นให้เนี่ยเฟิงฟังละเอียดยิบ
“คุณเนี่ยครับ ไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาจะดีกว่า แต่พอพูดขึ้นมาผมก็โมโห ย้อนไปตอนนั้นผมกับลิซานเผ้าถือว่าเป็นเพื่อนรักกันทีเดียว เราสองคนไปฟิตเนสก็ไปด้วยกัน ปรากฏว่าไอ้หมอนี่กลับคิดทำร้ายผม!”
“ตอนนั้นเขาบอกว่าพวกเขามีโปรเจ็คดีๆ อยู่โปรเจ็คหนึ่ง แต่เพราะเขาไม่มีอำนาจที่จะดำเนินการได้ เลยขายในราคาถูกให้ผม บอกว่าให้ราคาต่ำที่สุด แต่พวกเขาก็ยังได้เงินอยู่ก้อน ผมรู้ดีแก่ใจ!”
“แต่ตอนนั้นผมหน้ามืดตามัว คุณคิดดูสิ ที่ดินPeople & Springดีขนาดนั้น ถ้าพัฒนาขึ้นมาได้ กำไรที่จะได้ไม่น้อยเท่าหัวแมลงวันแน่!”
“ตอนนั้นผมหุนหันเกินไป คิดแต่ว่าในที่สุดตัวเองก็ทำเงินก้อนโตได้แล้ว! เลยไม่สนใจอะไรมาก ยักยอกเงินหลวงบริษัทมาใช้ คว้าโครงการนี้เอาไว้ก่อน แต่ความเป็นจริงตอนผมไปกลับถูกคนอื่นตามทวงหนี้”
ตอนหวางต้าจาวพูดถึงตรงนี้ก็กัดฟันกรอด ๆ เนี่ยเฟิงถึงขั้นได้ยินเสียงฟันขบกันของหวางต้าจาวผ่านมือถือ เลยรู้ว่าหมอนี่โมโหแค่ไหน
“ต่อมาผมรู้สึกยอมไม่ได้ เลยไปต่อว่าลิสานเผ่า คุณรู้ไหมว่าหมอนั่นพูดอย่างไรกับผม เขาบอกว่า เขาก็ช่วยไม่ได้ พวกนั้นมันเป็นพวกจิ๊กโก๋ เขาบอกว่าไม่งั้นก็เอาสัญญาซื้อขายในมือของเขาไป ให้ผมไปฟ้องร้อง
ใจผมคิดว่าเอาแบบนี้ก็ได้ แต่ลิซานเผ้าบอกว่า สัญญาซื้อขายไม่อยู่ในมือเขา ถ้าเขาจะเอาต้องจ่ายสินบนนิดหน่อย ผมเลยให้เขาไปล้านนึง ปรากฏเขาก็ได้เอกสารมาจริงๆ แต่เอกสารไม่ครบ คิดจะฟ้องร้องก็ไม่ได้อีก!”
หวางต้าจาวทุบอกชกตัวเอง “ผมว่าเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ใช่ทางที่ดี ก็เลยไปแจ้งความ ปรากฏว่าพวกเขาบอกว่า ทางนักพัฒนาถูกหลอกให้เซ็นต์สัญญาซื้อขาย ทั้งที่ไม่ได้คิดจะขาย ถ้าไม่จ่ายส่วนต่างมา พวกเขาก็จะก่อกวนไม่เลิก!”
“ถ้าพวกเขาก่อกวนไม่เลิก โครงการไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ก็ต้องทิ้งร้าง ถึงตอนนั้นพวกคุณก็ต้องปล่อยเงินจำนวนนี้ลอยสายน้ำ ไปใช่ไหม?”