พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 411 การประชุมที่เร่งด่วน
ยักษ์ใหญ่ทั้งสองในเมืองหยางเฉิง ล้มละลายติดต่อกัน นี่ทำให้สหพันธ์ที่ปราบปรามตระกูลเนี่ยในสมัยก่อนรู้สึกหวาดกลัวไม่เป็นสุข
การประชุมลับเปิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
“นี่ช่างเหลวไหลเกินไปแล้วจริงๆนะ? ถูกเนี่ยเฟิงคนเดียวทำให้หมุนติ้วยุ่งจนหัวปั่น!”
ถึงแม้ว่าเพียงแค่การเชื่อมต่อด้วยเสียง มองไม่เห็นรูปร่างลักษณะของฝ่ายตรงข้าม แต่หลันเฟิงหลิงก็สามารถสังเกตถึงความผิดปกติจากน้ำเสียงของฝ่ายตรงข้ามได้
ตอนนี้พวกเขาโมโหมาก
“แม่ม่ายดำ คุณพูดสิว่าควรทำยังไงดี?”
“พวกคุณล้วนเป็นผู้ยอดเยี่ยมในผู้ยอดเยี่ยม มาถามผู้หญิงที่อ่อนแออย่างฉันดูเหมือนไม่ค่อยดีมั้ง?”
น้ำเสียงที่หยาบคายเสียงหนึ่งทั้งด่าทั้งบ่น “ย่ามึงเอ่ย เหลวไหล!แม่มึงเอ่ย คุณเป็นผู้หญิงที่อ่อนแออะไร? ถ้าคุณอ่อนแอจริงๆก็จะไม่มีคนเรียกคุณว่าแม่ม่ายดำแล้ว!”
หลันเฟิงหลิงกลับไม่โมโหเช่นกัน เพราะว่าเธอคาดเดาได้มานานแล้ว
ไม่ว่ายังไงเนี่ยเฟิงก็เป็นราชามังกรของสำนักมังกร ถ้าหากแม้แต่ฝีมือแค่นี้ล้วนไม่มีล่ะก็ ช่างน่าขำเกินไปหน่อยแล้ว
เป็นเพราะว่าหลันเฟิงหลิงรู้ว่าเนี่ยเฟิงเขามีฝีมือนั่นเอง ดังนั้นเธอจำเป็นต้องวางแผนให้ดีๆ สามารถตัดทอนเนี่ยเฟิงก็ตัดทอน เธอยังต้องช่วงชิงเวลาสักหน่อย…..ให้คนคนนั้น
การสู้รบใหญ่ในฉากนี้พอได้เริ่ม งั้นก็จะเป็นสภาพการณ์ที่ต่อสู้กันจนตกตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่ายแล้วนะ
“ถ้าไม่ได้จริงๆ งั้นก็ใช้อำนาจป่าเถื่อนจัดการเถอะ เพียงแค่เขาตายแล้ว ปัญหาต่างๆก็จะพลอยสิ้นสุดลงไปด้วยไม่ใช่เหรอ? พวกคุณล้วนเป็นเจ้าบ้านถิ่นหนึ่ง เป็นไปได้ยังไงว่าในมือจะไม่มีเส้นสายเหรอ? ตอนนี้ฉันถูกเฝ้าติดตามอยู่ ดังนั้นฉันทำไม่ได้”
เธอลงมือไม่ได้ เนี่ยเฟิงจ้องมองเธออยู่ล่ะ คนที่ลงมือได้ก็เพียงแค่พวกเขาแล้ว
ในตอนต้นเพื่อที่จะฆ่าเนี่ยเจิ้ง ฆ่าล้างตระกูลเนี่ย พวกเขากลุ่มนี้ใช้กำลังไปมากขนาดไหน ในที่สุดจึงได้ดึงเนี่ยเจิ้งลงมา
แม้เพียงว่าเนี่ยเจิ้งถูกฆ่าแล้ว ตระกูลเนี่ยก็จบแล้วเช่นกัน แต่ผลกระทบของเขากลับยังอยู่ นี่ก็คือจุดที่น่ากลัวของตระกูลเนี่ย
“พูดแล้วเช่นดั่งไม่ได้พูด!”
“ตอนนี้สำคัญที่สุดคืออย่าให้เนี่ยเฟิงเติบโตขึ้นมา เขากลายเป็นประธานสมาคมของหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการในมณฑลซานเจียง สำหรับพวกเรามากล่าวแล้วไม่มีผลดีอะไรเลย!”
ในที่สุดก็มีคนเข้าสู่ประเด็นสำคัญ
“หลักธรรมล้วนเข้าใจ แต่ว่าจะจัดการยังไงล่ะ?”
“ใช้สมองมากกว่านี้ไม่ได้เหรอ? เขาไม่มีเงินก็ทำไม่ได้แล้ว เป็นประธานสมาคมก็ไม่ใช่เพียงแค่มีสมองก็ได้แล้ว เบื้องหลังเขาไม่ใช่มีพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวหลังตงหนุนเสริมอยู่เหรอ? ทำร้ายเสาเอกที่อยู่เบื้องหลังเขาก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
คนทั้งหลายรู้สึกว่ามีเหตุผลมาก รู้สึกว่านี่ใช้ได้นะ
“งั้นก็ให้องค์กรที่อยู่เมืองหนานหูฝั่งโน้นมาทำเถอะ พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวหลังตง ฉันจำได้ว่าหลายปีก่อนก็กดขี่ไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ว่าเบื้องหลังตาเฒ่านั้นดูเหมือนมีคนสนับสนุนอยู่”
ในตอนต้นหลันเฟิงหลิงก็เคยไปทำความเข้าใจมาก่อน เธอคิดไปร้อยรอบก็แก้ไม่ออกเช่นกัน หลังจากตอนที่รู้ถึงกิจการของเนี่ยเฟิง เธอก็เข้าใจแล้ว เป็นสำนักมังกรหนุนอยู่เบื้องหลัง
แต่หลันเฟิงหลิงจะไม่มุ่งหวังว่าพวกหัวมังกุท้ายมังกรกลุ่มนี้จะสามารถทำอะไรได้ มูลค่าที่มากที่สุดของพวกเขาก็คือถ่วงเวลา
เธอสู้สำนักมังกรไม่ได้ แต่ก็จะไม่ให้สำนักมังกรได้ดีเช่นกัน ก็จะไม่ให้เนี่ยเฟิงได้ดีด้วย
หลังจากพวกเขาปรึกษาหารือกันเสร็จ หลันเฟิงหลิงก็วางสายเลย เธอดื่มน้ำชาหนึ่งที
ในตอนนี้หลันเฟิงหลิงไม่ได้อยู่ในเมืองเยี่ยนตูแล้ว เธอมาถึงตี้ตู คนของสำนักมังกรที่ตั้งมั่นอยู่ตี้ตูก็เฝ้าติดตามเธออยู่อย่างแน่นแฟ้นเช่นกัน
แต่ว่าต่อสิ่งนี้หลันเฟิงหลิงไม่มีความคิดมากอะไร จะถูกเฝ้าติดตามก็เป็นเรื่องธรรมดามากเช่นกัน
ในเวลานี้หลังจากเนี่ยเฟิงกับชิวมู่เฉิงจัดการขั้นตอนของหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการเสร็จ ก็เลยกลับไปที่เมืองจินไห่
ชิวมู่เฉิงงานยุ่งขึ้นมาเลย เพราะว่าเธอต้องคิดแผนการที่จะให้พวกคนพิการได้รับโอกาสในการทำงานจึงจะได้
ในเวลานี้เนี่ยเฟิงได้รับข่าวสารที่ส่งมาจากคนของสำนักมังกร
ปัจจุบันนี้อิทธิพลที่อยู่ในเมืองเยี่ยนตูก็จัดการไปพอสมควรแล้ว เหลือเพียงแค่ตระกูลหลันแห่งเดียว ที่พอจะประคองชีวิตให้รอดอยู่ไปวันๆ เพียงแต่พวกเขาก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามเช่นกัน
และพวกเขาหลันเฟิงหลิงทั้งครอบครัวย้ายออกไปแล้ว เดิมทีพวกเขาก็ไปมาระหว่างตี้ตูกับเมืองเยี่ยนตูอยู่แล้ว
เนี่ยเฟิงอ่านข้อความที่คนของสำนักมังกรส่งมา บอกว่าช่วงนี้หลันเฟิงหลิงล้วนอยู่ในบ้านไม่มีการเคลื่อนไหว แต่ว่าดาวเทียมตรวจวัดข้อมูลที่แปลกประหลาดได้บางอย่าง
“ล้วนถูกรบกวนแล้ว ฟังไม่ออก ก็ไม่สามารถวิเคราะห์ได้เช่นกัน”
เธอย่อมติดตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณอยู่ในบ้านอย่างแน่นอน
“ไม่เป็นไร เฝ้าติดตามต่อไปก็พอแล้ว”
เนี่ยเฟิงฆ่าฉินเทียนกังแล้วฆ่าล้างตระกูลว่านอีก คนทั้งหลายในเมืองหยางเฉิงจิตใจหวาดผวามาก ไม่กล้ามีการเคลื่อนไหวอะไรเลยสักนิด
พูดได้อีกว่า พอคดีการกุศลปลอมออกมา พวกไอ้คนที่เป็นนักบุญใจบาปเหล่านั้น ต่างคนต่างก็ยังเอาตัวไม่รอดเช่นกัน
แต่ว่าองค์กรของพวกเขาหลันเฟิงหลิงจะไม่ยอมปล่อยแน่ เขารอฝ่ายตรงข้ามมีการเคลื่อนไหวก็พอแล้ว
เมืองหนานหูในเวลานี้ ฝูยานหรงกำลังทำการฝึกอบรมกับเหลยจ้านพวกเขาอยู่ในสนามฝึกอบรม เนี่ยเฟิงทิ้งหนังสือวูซูไว้ให้พวกเขาทำการฝึกอบรมไม่น้อย
พวกเขาหลายคนนอกจากไปเรียน โดยพื้นฐานล้วนฝึกฝนอยู่
“ช่วงนี้ล้วนไม่เห็นพี่เฟิงมาหาพวกเราที่นี่ ผมเหงามากนะ! ไอ้!”
พักผ่อนช่วงกลางของการฝึกอบรม เหลยจ้านร้องเสียงดังขึ้นมาหนึ่งที ถอนหายใจ
“คนที่ไม่รู้จะยังคิดว่าคุณคบเนี่ยเฟิงเป็นแฟนล่ะ ไม่เอาไหน!” ฝูยานหรงลืมตาขาวหนึ่งที
“ไอ้หยะ ไม่ใช่จะพูดอย่างนี้ล่ะ! ผู้ชายดั่งพี่เฟิงที่แข็งแกร่งขนาดนั้น ไม่ว่าใครเจอแล้วใจล้วนจะสั่นไหว ถ้าผมเป็นสาวน้อยก็จะอุทิศตัวเองให้ทั้งหมดมานานแล้ว!”
ตอนที่เหลยจ้านพูดคำพูดนี้สีหน้าโอเวอร์มาก ฝูยานหรงอดไม่ไหวที่จะลืมตาขาวอยู่ข้างๆ “คุณคิดซะสวยงามจริงๆนะก็ไม่ดูรูปร่างลักษณะของตนเองว่าเป็นแบบไหน เนี่ยเฟิงไม่ชอบคนอย่างคุณแบบนี้ล่ะ”
เป็นอย่างที่คิดไว้เหลยจ้านถูกกระทบอย่างแรงจริงๆ แต่ว่าลองคิดดูเขาเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง คอยประสมโรงอะไรล่ะ ดังนั้นเขาหยอกล้อพูดว่า “คุณพูดเช่นนี้ เพราะว่าคุณชอบพี่เฟิงใช่หรือไม่ล่ะ? ถ้าคุณชอบพี่เฟิง ผมสามารถช่วยเป็นแม่สื่อแม่ชักให้คุณนะ!”
ทันใดนั้นฝูยานหรงรู้สึกว่าแก้มของตนเองร้อนจัง เธอไอขึ้นมาฉับพลันในทันที จากนั้นชกไปยังเหลยจ้านหนึ่งหมัด “คุณอย่าพูดสุ่มสี่สุ่มห้าอยู่นี่ ฉันไม่ได้ชอบไอ้คนนั้นล่ะ ไอ้คนนั้นที่ขี้อวดขนาดนั้น ทำไมฉันต้องชอบเขาล่ะ? คนที่ฉันชอบก็ไม่ใช่รูปแบบอย่างเขาแบบนั้น!”
“การอธิบายก็คือปิดบัง การปิดบังก็คือความจริง ครั้งก่อนพี่เฟิงช่วยคุณ ผมยังเห็นคุณหน้าแดงอยู่ล่ะ ใจดวงหนึ่งของคุณล้วนย่อมแอบยกตัวเองให้กับเขาแล้วล่ะ?”
แต่ก่อนเหลยจ้านมีความชอบฝูยานหรงจริงๆ แต่เหลยจ้านคนนี้ล่ะ เป็นเด็กคนหนึ่งที่รู้จักวางตัวมาก เขารู้สึกว่าในโลกนี้วีรบุรุษคู่กับสาวงามจึงจะคู่ควร พลังการต่อสู้ในตอนนี้ของเขาไม่คู่ควรจริงๆ
หลังจากพบเจอกับเนี่ยเฟิง เหลยจ้านรู้สึกว่าตนเองพ่ายแพ้จนหมอบราบคาบจริงๆ
สำหรับตอนจบแบบนี้ เหลยจ้านก็ไม่โมโหเช่นกัน กลับรู้สึกว่าสามารถรู้จักเนี่ยเฟิงช่างดีมากจริงๆ
ความคิดของฝูยานหรงถูกมองทะลุแล้ว เพียงรู้สึกว่าทั้งแค้นอับอายทั้งโกรธ อดไม่ไหวที่จะลงไม้ลงมือกับเหลยจ้าน ตีจนเหลยจ้านหัวโนไปหมด
ก็กำลังอยู่ตอนที่ทั้งสองคนก่อกวนกันไปเป็นก้อน อยู่ดีๆนอกประตูส่งเสียงย่างก้าวที่รีบเร่งเข้ามา “แย่แล้ว แย่แล้ว ฝูยานหรง รีบไปดูที่โรงพยาบาลเถอะ เมื่อกี้ผมได้รับข่าวสารมาว่าคุณปู่เธอเกิดอุบัติเหตุอยู่ที่ถนนเลี่ยงเมืองฝั่งนั้น!”
ชั่วพริบตาเดียวฝูยานหรงเหมือนเจอฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เธอสีหน้าซีดขาว ก็สนใจขนาดนั้นไม่ได้มากเช่นกัน รีบร้อนวิ่งออกจากประตู
“คุณอย่ารีบร้อน คุณรอผมก่อน ผมขับรถของพ่อมา พวกเราไปโรงพยาบาลพร้อมกัน!”
เหลยจ้านก็รู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นไม่ได้ล่าช้าเลย รีบขับรถของพ่อเขาเข้ามา ไปยังโรงพยาบาลพร้อมกันหลายคน