พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 437 ลอบโจมตีกลางดึก
“ฉันก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องนี้กับนายยังไงดี แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นโอกาสที่ดีมาก”
“ถ้าอย่างนั้นการตายของพ่อแม่อาจจะไปขัดผลประโยชน์ของคนจำนวนมาก ดังนั้นพวกเขาจึง……”
หยูจิงหงพยักหน้า“นายพูดถูกแล้ว มันเป็นแบบนั้นจริงๆ”
ความจริงเนี่ยเฟิงเดาได้ประมาณหนึ่งแล้ว แต่เพราะอะไรถึงไปยุ่งกับผลประโยชน์ของพวกเขา จุดนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะคนพวกนั้นที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา เขาไม่มีทางปล่อยไปแน่ๆ
“ในที่สุดพวกเขาก็โผล่ออกมาสักที เราต้องฉวยโอกาสนี้เพื่อนำพวกเขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยาห้ามใช้นี้จะต้องไม่แพร่ระบาดไปสู่ตลาด!”
ยาชนิดนี้ว่ากันว่ารักษาได้ทุกโลก แต่ถ้าหากเป็นยาวิเศษจริงๆ คงถูกประเทศของพวกเขายึดไปใช้นานแล้ว
พวกเขานำส่วนผสมของยาออกมาร่างกายของคนทดลองยา ตอนนี้ยังไม่ได้แยกออกมา
แต่มีจุดหนึ่งที่สามารถยืนยันได้ คนที่ฉีดยาชนิดนี้จะมีความแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยในระดับหนึ่ง มันจะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อภายใต้การทำลายระบบในร่างกาย
คนแบบนี้ ถึงแม้จะสามารถเดินได้ อีกทั้งยังมีพละกำลังมหาศาล แต่เพราะไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด สมองจะหดตัวอย่างรวดเร็ว และเป็นเหตุทำให้เหมือนซากทัพที่เดินได้
“ถ้ายาห้ามใช้ชนิดนี้ถูกนำไปใช้กับทหารโดยชาวต่างชาติ พวกเขาจะสร้างกองทหารพ่ายที่อยู่ยงคงกระพัน ถึงเวลานั้นทั้งโลกก็ชุลมุนวุ่นวาย”
ตอนนั้นยาห้ามใช้ที่หมุนเวียนในตลาดถูกริบเป็นของกลางไว้ทั้งหมดแล้ว แต่เป็นการยากที่จะรับประกันว่ายังมีคนฉีดต่อไป
“ตอนนี้ดูท่าแล้ว ยาห้ามใช้ยังคงมีอยู่ ขอเพียงแค่เลือดของพวกเขากลายเป็นสีม่วง พวกเขาก็จะต้องฉีดทุกเดือน ไม่อย่างนั้นจะต้องตายสถานเดียว”
ทันใดนั้นเนี่ยเฟิงก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่เหล่าพี่สาวถูกขังอยู่ที่ชนบท เลือดบนตัวของพวกเขาก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ดูท่าเหล่าพี่สาวตอนนั้นคงจะเป็นตัวทดลอง
แต่เมื่อพบเข้ากับคุณปู่ถือว่าพวกพี่สาวโชคดีมาก เพราะคุณปู่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ต้องใช้ระยะเวลาอยู่นาน ในการฟื้นฟูร่างกายของเหล่าพี่สาว
เนี่ยเฟิงอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง!”
“ในเมื่อร่างกายของพวกเขามีเลือดสีม่วงไหลเวียนอยู่ พวกเขาจึงมาที่นี่เพื่อตามหาคนเตรียมการพบไว้ล่วงหน้า เพียงแค่ฉันได้เปิดเผยร่องรอยของฉันออกไปแล้ว สิ่งนี้มันทำให้พวกเขาระมัดระวังตัวมากขึ้น”
หยูจิงหงถอนหายใจ“ขั้นตอนต่อไปคือต้องดูว่าทีมข่าวกรองสามารถให้ข่าวดีได้หรือไม่ นายไปพักผ่อนก่อนเถอะ ภารกิจนี้อาจจะทำให้เราไม่สามารถหลับได้อีกหลายวัน”
เนี่ยเฟิงกะพริบตาปริบๆ แล้วมองไปที่หยูจิงหง“ถ้าผมพักผ่อนแล้ว พี่สองจะทำยังไงล่ะ?”
“แต่ละวันฉันนอนแค่ไม่กี่ชั่วโมง ร่างกายปรับสภาพได้แล้ว เพราะฉะนั้นไม่เป็นไรหรอก นายไปพักผ่อนเถอะ”
อันที่จริงเนี่ยเฟิงต้องฝึกฝนจนเวลานอนมาเพียงพอ อีกทั้งเขายังไม่ต้องการนอนมากขนาดนั้น
“ถ้าพี่สองไม่นอนผมก็ไม่นอน!”
“เด็กคนนี้ทำไมดื้อขนาดนี้เนี่ย?”
หยูจิงหงทำเสียง“หึ”หนึ่งครั้ง“ตอนนี้นายเป็นลูกน้องของฉัน ถ้าฉันออกคำสั่งนาย งั้นนายก็ต้องทำตามอย่างปฏิเสธไม่ได้!”
“ไม่เหมือนกันสักหน่อย ผมไม่ใช่ทหารของพวกพี่ ดังนั้นผมไม่ต้องฟังคำสั่งอย่างเด็ดขาด!พี่สอง ถ้าพี่ไม่นอน งั้นผมก็จะอยู่ข้างๆเป็นเพื่อนพี่”
หยูจิงหงไม่รู้ว่าการเกาะแกะไม่ยอมปล่อยแบบนี้ตกลงไปเรียนรู้จากใครมากันแน่ เธอจึงอดมองไปที่เนี่ยเฟิงด้วยอาการปวดหัวไม่ได้“ตอนนี้กำลังปฏิบัติภารกิจ ไม่ได้มาเล่นนะ ทำไมนายถึงเล่นเป็นเด็กๆอย่างนี้?”
“พี่สองดูพี่พูดเข้าสิ ผมเล่นเป็นเด็กๆยังไง?นี่คือการเตรียมเชิงล่วงหน้าเพื่อไม่ให้ทำงานได้เร็วขึ้น ตอนนี้ถ้าพี่ไม่พักผ่อน งั้นจะจับผู้ร้ายยังไง?”
คำพูดของเนี่ยเฟิงมีเหตุผลมากจริงๆนั่นแหละ หยูจิงหงจึงไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร
“พักผ่อนหลับให้สบายเถอะครับ?อีกอย่างนะ ด้วยความระแวดระวังของเราสองคน แน่นอนว่าถ้าเราพบเจอเรื่องอะไรก็สามารถลุกขึ้นจากเตียงได้อย่างรวดเร็ว!”
“ทำอะไรกับนายไม่ได้จริงๆ งั้นไปนอนเถอะ”
หยูจิงหงเงยหน้าขึ้น“นายไปอาบน้ำก่อนเถอะแล้วค่อยมานอน ทั้งตัวมีแต่กลิ่นแก๊สน้ำตา”
เนี่ยเฟิงหมุดเข้าไปอาบน้ำ ในตอนที่ออกมาตรงเอวของเขามีแค่ผ้าเช็ดตัวพันไว้
หยูจิงหงอยู่ในกองทัพมานานแล้ว มีอะไรบ้างที่เธอไม่เคยเห็น?พอเห็นเนี่ยเฟิงเดินออกมา เธอจึงผิวปากเหมือนพวกอันธพาล“รูปร่างเสี่ยวเฟิงของเราไม่เลวเลยนะ พละกำลังก็แข็งแกร่ง น่าเสียดายจริงๆที่ไม่ไปเป็นทหาร ถึงว่าล่ะทำไมตาแก่ถึงอยากให้นายเข้าเกณฑ์ทหาร”
“ผมไม่สนใจเรื่องนี้ แต่ถ้าพี่สองอยากให้ผมเข้าร่วมกับทีมของพวกพี่ ผมไปให้ได้ครับ”เนี่ยเฟิงฉีกยิ้มกว้าง
“ด้วยนิสัยของนายแล้ว กฎและข้อบังคับของทีมอาจไม่สามารถควบคุมนายได้ ดังนั้นนายอย่าเข้าร่วมเลย แต่ตาแก่ไป๋นั่นเจ้าเล่ห์จริงๆ ให้นายร่วมรบกับฉัน……นายวางใจเถอะ หลังจากที่จบภารกิจแล้ว ฉันจะร้องขอรางวัลจากเขา จะให้ค่าเหนื่อยนายน้อยได้ยังไง?”หยูจิงหงเอาแต่พูดพึมพำ แล้วยื่นมือออกไปลูบผมสั้นๆของตัวเอง
เนี่ยเฟิงพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เพราะเขาไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น ที่เขามาที่นี่ก็เพื่อสืบเรื่องที่เกี่ยวกับคนทดลองยา และปกป้องหยูจิงหง
“ช่างเถอะ ไม่อยากคิดมากขนาดนั้นแล้ว นายอย่ากดดันไปนะ เรารีบนอนกันเถอะ!”
หยูจิงหงกับเนี่ยเฟิงก็เหมือนกัน นอนหลับได้ง่ายมาก เพราะทั้งสองคนเหนื่อยแล้ว ดังนั้นจึงเข้าสู่ห่วงนิทราได้อย่างรวดเร็ว
ในตอนที่เนี่ยเฟิงหลับได้กึ่งหนึ่ง ก็รับรู้ได้ถึงเสียงซู่ๆ โดยปกติแล้วไม่น่าเป็นไปได้ที่คนที่เข้าสู่ช่วงหลับลึกอยากจะตื่นขึ้นทันที แต่เนี่ยเฟิงสามารถทำได้ เพราะการนอนหลับของเขามันตื้นมาก
เขารีบลืมตาขึ้นมาในทันที แล้วจับลำคอของอีกฝ่ายไว้ แล้วกดลงกับเตียงในทันที!
ในเวลานี้เอง เขาได้กลิ่นสดชื่นราวกับป่าไผ่หลังฝนตก เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า“พี่สองทำอะไรน่ะ?อยากทดสอบผมงั้นเหรอ?”
“โอ้โห?คิดไม่ถึงแฮะ ไอ้หนุ่มน้อยอย่างนายจะมีความระแวดระวังเก่งขนาดนี้!”
“นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าผมไม่ระมัดระวังในตอนอยู่ต่างประเทศ คงถูกกระทืบตายไปหลายครั้งแล้ว”เนี่ยเฟิงตอบพลางหัวเราะร่า
“รู้ว่าเป็นพี่สองของนาย ยังไม่รีบปล่อยฉันอีก?”หยูจิงหงดิ้นขัดขืนอยู่ครู่หนึ่ง แต่หลังจากที่สองมือของเธอถูกจับไขว้หลังไว้ สองขาของเธอก็ดันถูกเนี่ยเฟิงกดทับไว้ ศีรษะของเธอไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เพราะลำคอของเธอถูกเนี่ยเฟิงล็อกไว้
เนี่ยเฟิงตอบกลับอย่างมีความคิดไม่ดี“ไม่ได้หรอกครับ ตอนนี้พี่ถูกผมจับได้แล้ว พี่ก็ต้องเป็นเชลยของผม!”
“ไอ้เด็กบ้า ฉันว่านายไม่ถูกกระทืบนานแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้นายคงจะคันมากสินะ?”หยูจิงหงอยากจะถลึงตาใส่เนี่ยเฟิง แต่ศีรษะของเธอถูกกดไว้บนหมอน ดังนั้นจึงไม่สามารถหันกลับไปได้
เนี่ยเฟิงยังคงไม่ลดละ“พี่สอง ในฐานะเชลย พี่ต้องฟังคำสั่งของผม”
หยูจิงหงไม่ใช้คู่ต่อสู้ของจริงๆนั่นแหละ เนี่ยเฟิงแค่ใช้ไม่กี่กระบวนท่าก็สามารถจัดการเธอได้อยู่หมัด เป็นไปตามคาดพละกำลังของทั้งสองคนยังคงมีความแตกต่างกันมาก
“เอาล่ะๆ ฉันยอมแพ้แล้ว นายว่ามาเถอะ นายอยากจะให้ฉันทำอะไร?”
หยูจิงหงอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ เวลานี้เองเนี่ยเฟิงค่อยๆคลายมือออก“งั้นผมจะให้พี่……”
“ดูนะ!”