พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 455 นี่อาจจะเป็นเศรษฐีใหม่
แม้แต่คนรวยเหล่านั้นก็อดไม่ได้ที่จะทำตาโตเมื่อเห็นภาพนี้ พวกเขารวยพออยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะมีใครที่อลังการเกินไปกว่าพวกเขาอีก!
ไม่รู้หรือว่าเจ้าของวันเกิดวันนี้คือหลู่เปิ่นเหว่ย? ใครกันแน่ที่เป็นที่สนใจของผู้คนขนาดนี้? ไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย?
ในเวลานี้หลู่เปิ่นเหว่ยที่ขึ้นเรือสำราญมาแล้ว หลังจากได้ยินสถานการณ์ภายนอก ก็ขอให้เลขาออกไปดู ส่วนตัวเองนั่งสูบบุหรี่อยู่ในห้องทำงาน
เลขามาที่ดาดฟ้าเรือแล้วมองลงมา เห็นขบวนรถออกมาจากที่แห่งหนึ่ง ไม่รู้ว่ารถคันไหนเป็นรถประธาน
เมื่อบรรดานักข่าวเห็นภาพนี้ จะทันคิดอะไรมากมาย? ต่างกดถ่ายภาพแชะๆ ทันที
กลุ่มคนชุดดำลงมาจากรถ พวกเขาดูเหมือนบอดี้การ์ด แต่ละคนร่างกายสูงใหญ่กำยำ เมื่อยืนอยู่ด้วยกันให้ความกดดันมากทีเดียว
“นี่มันใครกันแน่? อลังการกว่าหลู่เปิ่นเหว่ยเสียอีก!”
“ฉันยังนึกว่าเรือสำราญสุดหรูที่มีมากกว่าสิบชั้นนั้นน่าตกใจพอแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะยังมีอะไรน่าตกใจมากกว่านี้อีก!”
“ให้ตายสิ! พวกคุณรีบแหงนหน้ามองท้องฟ้าเร็วเข้า!”
พวกเขาพากันมองขึ้นไป ในเวลานี้พวกเขาพบว่าเฮลิคอปเตอร์หลายสิบลำบินวนเวียนอยู่เหนือหัวของพวกเขา ขณะนี้เฮลิคอปเตอร์ลำที่แพงที่สุดค่อยๆ ร่อนลงมา หลังจากจอดสนิทแล้ว ก็มีพรมสีแดงปูออกมา
บรรดาผู้คนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก พวกเขาต่างยืดคอออกไปดู อยากจะรู้ว่าใครคือเศรษฐีอลังการคนนั้นกันแน่
ในเวลานี้ เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น เขาสวมสูทงานฝีมือราคาแพง แม้ว่าจะดูไม่อ่อนเยาว์แล้ว แต่ก็สามารถมองเห็นได้ว่าเขารวยมาก!
หลังจากที่ชายวัยกลางคนเดินลงมาแล้ว ผู้หญิงที่มีเสน่ห์เหมือนนังจิ้งจอก ก็เข้ามาคลอเคลียเขาราวกับว่าเธอไม่มีกระดูก “ฉันชอบบ้านหลังนั้น! ซื้อให้ฉันหน่อยนะ!”
“ได้ๆๆ กลับมาแล้วจะซื้อให้คุณ ที่รักอยากได้อะไรก็จะซื้อให้หมดเลย! ฮ่าๆๆ!”
ให้ตายสิ เป็นดอกไม้ปักบนกองขี้ควายจริงๆ!
ทุกคนมองดูสาวสวยเอวบางร่างน้อยคนนี้นัวเนียอยู่กับเศรษฐีหน้าตาธรรมดาแล้วรู้สึกอิจฉาตาร้อน
เพียงแต่ว่าเขาคนนี้ร่ำรวยมาเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเขามาจากไหน เหตุใดถึงเปิดตัวได้ฟุ่มเฟือยเกินจริงนัก…
“คนคนนี้คือใครกันแน่? มีใครรู้บ้าง?”
“ฉันรู้ ฉันรู้! เขาเป็นนักธุรกิจผู้มั่งคั่งจากมาเลเซีย รวยมาก แม้แต่พวกผู้นำก็ยังประจบสอพลอเขา! คิดไม่ถึงเลยว่าเขาก็มาด้วย!”
“ว้าว คุณหมายถึงนักธุรกิจผู้มั่งคั่งคนนั้นเหรอ? ก็ ก็คนที่ชื่อเฮนรี่นั่นใช่ไหม? เขานี่สุดยอดจริงๆ!”
“ใช่ๆๆ เขานั่นแหละ!”
อันที่จริงเนี่ยเฟิงเป็นนักธุรกิจผู้มั่งคั่งจริงๆ แถมยังร่ำรวยที่สุดในสามโลก แต่ตัวตนของเขานั้นไม่ได้ธรรมดาแบบนั้น
เนี่ยเฟิงพร้อมด้วยหมิงอี๋หานเดินไปที่เรือสำราญสุดหรูด้วยกัน
กลุ่มบอดี้การ์ดเปิดทางให้ รายล้อมเอาไว้อย่างแน่นหนา
หลังจากเนี่ยเฟิงมอบบัตรเชิญให้แล้ว พนักงานเสิร์ฟก็เดินเข้ามาต้อนรับ แต่ทุกคนพาบอดี้การ์ดไปได้เพียงคนเดียว ดังนั้นเนี่ยเฟิงจึงพาบอดี้การ์ดไปสองคน คนหนึ่งคือเฟยหลง อีกคนคือหม่างซือ
ถือว่าเป็นการเปิดหูเปิดตาสำหรับพวกเขาด้วย
เมื่อเฟยหลงและหม่างซือได้รับภารกิจ ก็สงสัยว่าตนเองได้ยินผิดไปหรือเปล่า พวกเขาฝึกฝนมาอย่างยาวนานแล้ว
การไลฟ์สดครั้งที่แล้วของเนี่ยเฟิงได้สร้างความประทับใจให้กับทั้งสองคน นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเนี่ยเฟิงในตอนนี้
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ได้กระโตกกระตาก เก็บซ่อนความดีใจและความโกรธของตัวเองไว้ สง่าน่าเกรงขามกลายเป็นบอดี้การ์ดผู้เคร่งขรึม
การเปิดตัวที่โดดเด่นของทั้งสองย่อมดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย
ถึงอย่างไรความฟุ่มเฟือยเช่นนั้น ลำพังแค่ได้เห็นก็รู้สึกว่าดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาแล้ว
ทั้งเฟยหลงและหม่างซือเคยผ่านการฝึกฝนมาทั้งนั้น ดังนั้นจึงไม่พูดอะไรเลย คอยเฝ้าอยู่ข้างๆ เนี่ยเฟิงและหมิงอี๋หานเพื่อดูแลความปลอดภัย
อันที่จริงเฟยหลงรู้สึกว่าเนี่ยเฟิงเป็นผู้ปกป้องพวกเขา ไม่ใช่พวกเขากำลังปกป้องเนี่ยเฟิง ประเด็นหลักคือเนี่ยเฟิงแข็งแกร่งเกินไป
หลังจากที่ทั้งสองขึ้นเรือแล้ว หลู่เปิ่นเหว่ยที่ไม่เคยปรากฏตัวเลยได้เดินออกจากห้องทำงานเป็นครั้งแรก เขามองไปที่เนี่ยเฟิงด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ผมยังนึกว่าใครเสียอีก! ที่แท้ก็คุณเฮนรี่นี่เอง! ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลย!”
อันที่จริง เขาไม่เคยติดต่อพูดคุยกับคนแบบนี้มาก่อน แต่คุณเฮนรี่คนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่คนธรรมดา
เนี่ยเฟิงถอดแว่นกันแดดออก มองพิจารณาหลู่เปิ่นเหว่ย “คุณคือ…”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลู่เปิ่นเหว่ยค้างเติ่ง เขาก็ไม่รู้ว่าคนในสำนักงานทำงานกันอย่างไร ทำไมถึงเชิญคนที่ฟุ่มเฟือยกว่าเขามา มันไม่ทำให้เขาขายหน้าหรอกหรือ?
“เฮ้อที่รัก คุณลืมไปแล้วเหรอ? วันนี้เรามาร่วมงานวันเกิดคุณหลู่นะ คุณดูตัวเองสิ ลืมทุกคนไปแล้ว!”
หมิงอี๋หานพูดพลางขยิบตาให้หลู่เปิ่นเหว่ย หลู่เปิ่นเหว่ยเคยเห็นผู้หญิงมามากมาย แต่ไม่เคยเห็นที่คึกคักมีพลังแบบหมิงอี๋หานมาก่อนเลย
หลู่เปิ่นเหว่ยเผยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเช่นกัน “คุณเฮนรี่เป็นคนรวยมักจะขี้ลืมอยู่แล้ว! เป็นเกียรติสำหรับผมอย่างยิ่งที่คุณเฮนรี่มา! คุณรีบเข้ามาเถอะ!”
เนี่ยเฟิงสวมแว่นกันแดดแล้วพยักหน้า “เรือสำราญสุดหรูของคุณก็ไม่เลว แต่มันแย่กว่าเรือที่ท่าเรือส่วนตัวในมาเลเซียของผมมาก”
หลู่เปิ่นเหว่ยได้ส่งคนไปตรวจสอบภูมิหลังของเนี่ยเฟิงอย่างละเอียดแล้ว หลังจากที่รู้ว่าเนี่ยเฟิงเป็นนักธุรกิจผู้มั่งคั่งอันดับหนึ่งในมาเลเซียจริงๆ ต่อให้เขาโกรธแทบตายก็ต้องกล้ำกลืนทั้งหมดลงไป
คนรวยก็ต้องคบแต่กับคนรวยเท่านั้น จะว่าไปแล้ว คนรวยมักจะอาจเอื้อมไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่สูงกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดา
หลู่เปิ่นเหว่ยเชื้อเชิญผู้คนมาเป็นจำนวนมากในครั้งนี้ ทุกวงการในสังคมขอเพียงมีสถานะต่างก็เบียดเสียดยื้อแย่งขึ้นเรือ เรือลำนี้มันคือเรือหรือเปล่า?
ไม่ใช่ มันคือหนทางสู่ความมั่งคั่ง
เนื่องจากคนมากจนเกินไป ดังนั้นหลู่เปิ่นเหว่ยจึงไม่แน่ใจว่ามีคนทั้งหมดกี่คน แม้ว่าจะมีรายชื่อแขก แต่เขาก็อาจไม่ได้รู้จักทั้งหมด
นี่คืองานเลี้ยงของชนชั้นสูงที่จัดขึ้นในนามงานเลี้ยงวันเกิดของเขา
แม้ว่าหลู่เปิ่นเหว่ยจะไม่พอใจมาก แต่หลู่เปิ่นเหว่ยก็ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเขา การได้ขึ้นเรือนั้นเป็นหน้าเป็นตามาก เฮนรี่คนนี้นั้นมีกลยุทธ์ทางการค้ามากจริงๆ
หลู่เปิ่นเหว่ยจัดห้องให้เนี่ยเฟิงด้วยตัวเอง ทั้งสองคนเข้าไปพักผ่อน
ในขณะนี้เนี่ยเฟิงได้ดีดนิ้ว บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านนอกประตูเข้ามาตรวจสอบทันที เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีกล้องวงจรปิดหรือเครื่องดักฟังในห้อง
อันที่จริงเนี่ยเฟิงจะลงมือเองก็ได้ แต่หากทำเช่นนี้จะดูไม่เหมือนนักธุรกิจผู้มั่งคั่ง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฟยหลงและหม่างซือได้ทำภารกิจ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ทำภารกิจแบบนี้ ดังนั้นจึงดูตื่นเต้นเล็กน้อย
หลังจากการตรวจสอบเสร็จ ทั้งสองก็ออกไปรอที่ประตู ขณะที่เนี่ยเฟิงเอาแผงป้องกันสัญญาณออกมา
“พี่สี่? พอคุ้นเคยไหม?” เนี่ยเฟิงถามเสียงต่ำ รู้สึกไม่สบายในลำคอ ตอนนี้พูดออกมาน้ำเสียงจะค่อนข้างแหบแห้ง
“พอได้อยู่ เมื่อกี้คนนั้นคือหลู่เปิ่นเหว่ย ชิปอาจจะอยู่ที่เขา”
หมิงอี๋หานขมวดคิ้ว “นายคิดจะทำยังไง?”
“ตอนนี้คนกำลังขึ้นเรือวุ่นวายมาก เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะไปตรวจสอบดู แต่ก็อันตรายมากเช่นกัน ผมจะให้เฟยหลงไปรวบรวมข้อมูลก่อน พอเรือสำราญออกเดินทางพวกเราค่อยลงมือ”
เนี่ยเฟิงสั่งการเฟยหลง เขารีบไปอย่างรวดเร็ว