พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 458 ติดกับดัก
พอเนี่ยเฟิงเริ่มชนะ เขาก็รู้ว่ามีคนกำลังแอบทำอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาแสดงออกอย่างมีความสุข
ตอนแรกก็เสียไปไม่ใช่น้อย แต่ตอนนี้ได้กำไรกลับมาเกือบทั้งหมดแล้ว
“ผมบอกแล้วว่าไพ่ของผมไม่ได้แย่ขนาดนั้น พวกคุณดูสิ นี่เรียกว่าโชคชะตาพลิกผันแล้ว”
หลังจากเนี่ยเฟิงเล่นชนะได้เงินก้อนหนึ่ง เขาก็โยนเงินให้กับคนแจกไพ่ เช่นเดียวกับหมิงอี๋หานที่นั่งอยู่ข้างเขา และเฟยหลงกับหม่างซือที่อยู่ข้างหลัง
“วันนี้ทุกคนมีความสุขมาก!”
ทุกคนอดถอนหายใจไม่ได้ สมกับที่เป็นเศรษฐีอันดับหนึ่ง มือเติบ โยนเงินออกไปโดยไม่ต้องกะพริบตาเลย
ชิปเหล่านี้ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยเลย หลังจากได้ชิปมาแล้วก็สามารถไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ที่สำนักงานรับรองเอกสาร ฝากเข้าสู่บัญชีของตัวเองได้โดยตรง มันเป็นเงินที่ได้มาเปล่าๆ จริงๆ
หมิงอี๋หานพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวน “ที่รัก คุณหล่อมากจริงๆ!”
การกระทำเช่นนี้ของเนี่ยเฟิงทำให้ทุกคนคิดว่าเขาเป็นคนมีเงิน อีกอย่างยังเป็นมหาเศรษฐีที่ไม่เห็นเงินทองเป็นเรื่องใหญ่ด้วย
ในเวลานี้เรือสำราญสุดหรูได้แล่นออกไปแล้ว ตอนนี้เกือบจะถึงทะเลหลวงแล้ว
ทิวทัศน์ยามค่ำคืนข้างนอกค่อยๆ มืดสลัวลง เนี่ยเฟิงและคนอื่นๆ เล่นกันอีกสักพักก็กลับห้องตัวเอง
หลังจากกลับมาเนี่ยเฟิงก็อดถอนหายใจไม่ได้ “ทักษะการเล่นไพ่ของคนพวกนั้นแย่มาก เล่นกับพวกเขาผมต้องแพ้ให้อย่างระมัดระวัง ไม่อย่างนั้นเกิดพลาดพลั้งชนะได้เงินขึ้นมาจะยุ่งยากจริงๆ”
หมิงอี๋หานได้ยินคำบ่นของน้องชายก็อดหัวเราะไม่ได้ “ฉันว่านายมั่นใจในตัวเองพอสมควรเลยนะเนี่ย”
“แน่นอนอยู่แล้ว ตัวเองก็ต้องมองเห็นสิ ทักษะการแสดงของผมดีมาก!”
เนี่ยเฟิงยกนิ้วโป้งให้ พวกเขาได้เล่นบท “คนหน้าใหญ่ใจโต” อย่างเอิกเกริกยิ่งใหญ่ เชื่อว่าหลู่เปิ่นเหว่ยจะมาหาเขาถึงหน้าประตูในไม่ช้า
“ผมได้วิเคราะห์แล้ว หลู่เปิ่นเหว่ยจัดงานเลี้ยงวันเกิดทุกปี และหลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุดลง เขาจะไปเยี่ยมคนที่เขามองหา น่าจะเพื่อโฆษณายาห้ามใช้ของเขา ถึงอย่างไรเขาก็มีช่องทางการขายตายตัวอยู่แล้ว ต้องทำเงินได้มากมายมหาศาลแน่ๆ”
นอกจากนี้ การวิจัยเกี่ยวกับยาห้ามใช้และการเพิ่มประสิทธิภาพของยาห้ามใช้ล้วนมีค่าใช้จ่ายสูง แม้ว่าหลู่เปิ่นเหว่ยจะร่ำรวย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถใช้จ่ายเงินแบบนี้ได้
“นายพูดถูก ตอนนี้ท่านจิ่วตายไปแล้ว เขาน่าจะตื่นตระหนกมากกว่านี้ เมืองหยางเฉิงเป็นอาณาเขตของพวกเขา ตอนนี้หัวหน้าใหญ่ได้หายไปหนึ่งคนและกำลังถูกสอบสวนอย่างละเอียด แน่นอนว่าเขาต้องแอบพัฒนาอีกเส้นทางหนึ่งอย่างลับๆ” หมิงอี๋หานเอามือลูบคาง “คนเหล่านั้นที่เพิ่งถูกส่งมาที่นี่น่าจะมาเพื่อหยั่งเชิงภูมิหลังของนาย”
“ไม่เป็นไร ตัวตนของผมไตร่ตรองมาแล้วอย่างดี ไม่ว่าพวกเขาจะตรวจสอบอย่างไร ผมก็คือเศรษฐีอันดับหนึ่งของมาเลเซีย”
ตาแก่ไป๋ไม่เพียงช่วยปลอมแปลงเท่านั้น แต่เขายังสามารถปกปิดจากทุกคนได้อย่างไม่มีช่องโหว่ ลองถามดูว่าบนโลกนี้มีใครไม่อยากร่วมงานกับสำนักมังกรบ้าง?
“เขาน่าจะลงมือทุกอย่างในคืนนี้ พอถึงตอนนั้นเราค่อยตรวจสอบตำแหน่งของชิป แล้วกวาดล้างพวกเขาให้หมด”
โดยเฉพาะการเสี่ยงแอบเข้าไปในที่พักของหลู่เปิ่นเหว่ยเพื่อตรวจสอบ สู้ให้เขาเป็นฝ่ายเชื้อเชิญก่อนดีกว่า
ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดครึ้ม ตอนที่พวกเขากำลังคิดว่าจะกินอะไร เลขาที่แต่งตัวฉูดฉาดสองคนก็มาถึงที่หน้าประตู
เลขาทั้งสองคำนับเนี่ยเฟิง แล้วกล่าวด้วยความเคารพ “คุณเฮนรี่ เถ้าแก่ของเราต้องการเชิญคุณให้ไปพบค่ะ”
เนี่ยเฟิงเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองพิจารณาเลขาทั้งสองอย่างจับผิด “ใครเป็นเถ้าแก่ของพวกคุณ?”
“เถ้าแก่ของเราคือคุณหลู่ค่ะ”
“อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว เรื่องวันเกิดในวันนี้ของเขาล่ะสิ ในเมื่อเป็นวันเกิดของเขา งั้นผมก็จะให้เกียรติเขา พวกคุณนำทางไปเลย”
คำพูดของเนี่ยเฟิงช่างกวนประสาทนัก จนคนฟังอดขมวดคิ้วไม่ได้
แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเศรษฐีอันดับหนึ่ง ดังนั้นจึงมีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนั้นได้ พวกเลขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก พวกเธอเดินนำทาง ไม่นานหลังจากนั้นเนี่ยเฟิงก็มาถึงห้องโถงอันมีสถาปัตยกรรมที่วิจิตรตระการตา ที่นี่ดูเหมือนโรงแรมบนแผ่นดินไม่มีผิด
มันคือเรือโดยสารหรูหราที่พรั่งพร้อมทุกอย่างจริงๆ
หากไม่มองลงมาจากดาดฟ้าเรือ ก็จะไม่สามารถสังเกตเห็นการโคลงเคลงของเรือได้ เรือโดยสารสุดหรูลำนี้เปรียบเสมือนพระราชวังขนาดใหญ่มหึมากลางทะเล
พอหลู่เปิ่นเหว่ยเห็นเนี่ยเฟิง ก็ลุกขึ้นทันทีแล้วเดินเข้าไปหา พลางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณเฮนรี่ คุณมาแล้ว ไม่ทราบว่าวันนี้ได้พักผ่อนบ้างหรือยัง?”
เนี่ยเฟิงพ่นลมหายใจทางจมูกเป็นการให้คำตอบ เขามองไปรอบๆ อย่างจับผิด “ตรงนี้คุณทำได้ไม่เลวเลยนะ”
พอได้ยินคำชื่นชมของเนี่ยเฟิง หลู่เปิ่นเหว่ยก็รู้สึกสบายใจมาก “เมื่อเทียบกับคุณเฮนรี่แล้ว ยังแตกต่างราวฟ้ากับดิน คุณเฮนรี่เชิญทางนี้ครับ”
การแสดงบนสีหน้าของเนี่ยเฟิงเขาดูอ่อนโยนขึ้นมาก ราวกับว่าเขาได้รับคำเยินยอจากหลู่เปิ่นเหว่ยจนใจอ่อน
“คุณเฮนรี่ ไม่ทราบว่าอาหารค่ำที่ผมเตรียมไปนั้นถูกปากคุณหรือเปล่า คุณดูสินี่ถูกส่งมาทางอากาศ”
ที่นี่มีไวน์แดงราคาแพง ยังมีเนื้อวัวโกเบระดับพรีเมียมที่บินตรงมาจากตงหยิงโดยเฉพาะ สรุปแล้วอาหารบนโต๊ะนั้นหรูหราอย่างยิ่ง
ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไป เมื่อเผชิญกับสิ่งเหล่านี้คงจะเผยสีหน้าหิวโหยออกมาแล้ว แต่เนี่ยเฟิงนั้นไม่เหมือนกัน เนี่ยเฟิงผ่านประสบการณ์รู้เห็นมามาก แม้แต่ขวดไวน์แดงที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาก็ไม่สนใจ
“ก็พอถูไถไปได้นะ”
ในเวลานี้หลู่เปิ่นเหว่ยมั่นใจว่าเนี่ยเฟิงคือเศรษฐีอย่างแท้จริง ถ้าเขาแสร้งทำก็ไม่มีทางเหมือนขนาดนี้ อาหารบนโต๊ะนี้แม้แต่เขาเองในเวลาปกติก็ตัดใจกินแบบนี้ไม่ลง ทุกจานที่นำออกมาเสิร์ฟล้วนมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งแสนสองหมื่น
ลำพังไวน์แดงขวดนี้เพียงขวดเดียวก็มีมูลค่าเท่ากับรถยนต์หนึ่งคันแล้ว แต่หลังจากเนี่ยเฟิงดื่มไปก็ส่ายหน้าและวิพากษ์วิจารณ์ว่า “ปีค.ศ.นี้ยังไม่นานพอ อีกอย่างคุณก็เสิร์ฟได้ไม่ดีเท่าไร ดื่มยาก”
หลู่เปิ่นเหว่ยจ้องเขม็งไปที่พนักงานด้วยใบหน้าแข็งทื่อและดุดัน ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณเฮนรี่ ต้องขอโทษจริงๆ ที่พนักงานของเราละเลยให้คุณชิมไวน์ที่ไม่ดี”
“นี่ก็ไม่ใช่ความผิดของพวกคุณ ไวน์แดงนี้ควรเก็บให้ดีกว่านี้ หากเขย่ามากเกินไปจะเป็นการทำลายกลิ่นที่กลมกล่อมของไวน์ พวกเราอยู่บนเรือ ไวน์แดงก็แกว่งไปมาตอนขนส่ง วันไหนว่างคุณค่อยมาที่โรงบ่มไวน์ของผม ผมจะเลี้ยงคุณด้วยเครื่องดื่มที่ดีกว่านี้”
สีหน้าของหลู่เปิ่นเหว่ยดีใจ คิดในใจว่าในที่สุดก็ได้เส้นสายทางเนี่ยเฟิง ดังนั้นจึงรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
เนี่ยเฟิงไม่ได้ต้องการเรียกร้องเรื่องอาหารมากนัก เพราะเขาเห็นอาหารและเครื่องดื่มอร่อยๆ มามากมาย ของพวกนี้สำหรับเนี่ยเฟิงแล้วไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไร
หลู่เปิ่นเหว่ยเห็นเนี่ยเฟิงไม่โอหังและไม่จู้จี้ พอรับประทานอาหารเสร็จ ก็ทอดถอนใจว่าคนรวยนั้นต่างจากพวกผู้คนในตลาดโดยสิ้นเชิง
“ที่รัก ในเมื่อกินอิ่มแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็กินยายืดอายุสักเม็ดสิ!”
หมิงอี๋หานพูดพลางหยิบกล่องสุดหรูออกมาจากกระเป๋าพร้อมด้วยรอยยิ้ม เขาเปิดกล่อง ภายในมีขวดที่ทำจากหยก แค่มองก็รู้ว่า ขวดนี้ทำมาจากน้ำแข็งคุณภาพสูง
หลู่เปิ่นเหว่ยยืดคอขึ้นดู เขาเนี่ยเฟิงเทยาเม็ดออกมาจากข้างในเม็ดหนึ่ง แล้วเอาใส่ปากกลืนลงไป
“คุณเฮนรี่ นี่คืออะไรน่ะ?”