พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 468 การหยั่งเชิงของตาแก่ไป๋
ตาแก่ไป๋พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก คิดอยู่ในใจว่าสิ่งที่เขาพูดนี้ก็ถูกเช่นกัน
“แต่ไม่ว่ายังไงคุณล้วนช่วยเราไปเยอะมาก ขอบคุณจริงๆ แต่นึกไม่ถึงพวกเขาถึงขนาดเจ้าเล่ห์ขนาดนั้น ชิปแค่เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ก็จะพูดได้ว่าพวกเขายังอยากจะค้นคว้าวิจัยยาห้ามใช้ต่อถึงเวลานั้นจะจัดการยากแล้วล่ะ……”
ตาแก่ไป๋ทั้งพูดอยู่ทั้งมีลักษณะแบบหยั่งเชิงจ้องมองไปยังเนี่ยเฟิง และเนี่ยเฟิงในเวลานี้ไม่สนใจไยดีพูดว่า “ท่านก็ไม่ต้องอ้อมค้อมหยั่งเชิงผมเช่นนี้ คนเหล่านั้นแม้แต่คนเดียวผมก็ไม่ปล่อยไป แต่ว่าผมนี่ไม่ใช่จะร่วมงานกับท่านเลย ผมแค่ทำเรื่องที่ตัวผมเองอยากทำเท่านั้น”
มีคำพูดนี้ของเนี่ยเฟิงตาแก่ไป๋เข้าใจแล้ว สำนักมังกรจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ด้วย ถึงแม้ว่าเขาคิดวางแผนการจะส่งคนของตนเองไปรับมือต่อ แต่ถ้าหากสำนักมังกรออกหน้าล่ะก็ งั้นพวกเขาจะไม่ใช่ยิ่งมีประสิทธิภาพมากล่ะ อีกทั้งความสามารถของสำนักมังเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งแก่สายตาของทุกคน
ตาแก่ไป๋ฝั่งนี้และเนี่ยเฟิงฝั่งโน้น ท้ายสุดล้วนเพื่อที่จะปราบแก๊งนี้ให้ราบคาบ ลักษณะจุดประสงค์ล้วนเป็นอันเดียวกัน
สำหรับจะไปปราบให้ราบคาบยังไงตาแก่ไป๋ก็ไม่ต้องสนใจมากขนาดนั้นแล้ว
วันนี้ตาแก่ไป๋เรียกเนี่ยเฟิงมา ก็แค่เพื่อที่จะสืบดูความคิดของเนี่ยเฟิง ดูว่าเนี่ยเฟิงจะพูดยังไง นึกไม่ถึงเนี่ยเฟิงจะตรงไปตรงมาขนาดนั้น ตาแก่ไป๋ย่อมจะไม่พูดมากอะไรอยู่แล้ว
“คุณเนี่ย ขอบคุณ ยังมีเด็กกลุ่มนั้นที่ฝากไว้ให้กับคุณ ก็รบกวนคุณช่วยดูแลแล้ว”
หวังว่าผู้ยอดเยี่ยมที่ถูกคัดเลือกออกมาสิบคนนั้นจะสามารถได้รับการถ่ายทอดแท้จริงจากเนี่ยเฟิง ถึงเวลานั้นพวกเขาจะกลายเป็นดาบคมที่ไร้เทียมทาน
“ในเมื่อรับปากกับท่านแล้ว ผมย่อมไม่มีความคิดที่จะหดถอยอยู่แล้ว สิบคนนั้นของท่านแม้ว่าพรสวรรค์คุณสมบัติไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ดีอยู่ที่เชื่อฟังรักการเรียนรู้ ถึงเวลานั้นผมจะมอบผลงานให้ท่านสักชิ้น”
ตอนที่ตาแก่ไป๋ได้ยินเนี่ยเฟิงพูดว่าพรสวรรค์คุณสมบัติของพวกเขาไม่ค่อยเท่าไหร่ รอยยิ้มแข็งทื่ออยู่บนใบหน้า ต้องรู้ว่านี่เป็นผู้ยอดเยี่ยมในผู้ยอดเยี่ยมที่คัดเลือกออกมาจากแต่ละกองทัพทั่วประเทศนะ
ผู้ยอดเยี่ยมแบบนี้อยู่ในสายตาของเนี่ยเฟิงถึงขนาดนับได้แค่ว่าพรสวรรค์คุณสมบัติไม่ค่อยเท่าไหร่…..เดิมทีตาแก่ไป๋อยากจะตอบโต้แต่นึกถึงว่าหลังจากเฟยหลงกับหม่างซือทั้งสองคนกลับมา ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนเรือสำราญทั้งหมดให้กับตนเองฟัง รวมกับที่พวกเขาเห็นเนี่ยเฟิงจัดการคนทดลองยาระดับสูงกลุ่มนั้นได้ยังไง
ไอ้คนทั้งสองนี้พูดถึงช่วงที่ตื่นเต้นกระทั่งตบโต๊ะลุกขึ้นด้วย เห็นได้ชัดว่ากลายเป็นแฟนคลับที่จงรักภักดีของเนี่ยเฟิงไปแล้ว ตามความจริงอยู่ภายใต้สภาพการณ์แบบนั้น ไม่ว่าเป็นใครมองเห็นฉากนี้ล้วนจะรู้สึกตื่นตะลึงเป็นพิเศษ
ตาแก่ไป๋ก็เข้าใจ น้ำแข็งจับตัวจนหนาสามฟุตใช่ว่าเกิดจากความหนาวในวันเดียว เนี่ยเฟิงจะรอดตายในสภาพแวดล้อมที่วุ่นวายเช่นนี้ย่อมต้องใช้เล่ห์กลบ้าง ดังนั้นก็ได้ฝึกฝนมาจนฝีมือกับนิสัยของเขาเป็นเช่นนี้ในปัจจุบันนี้
พูดได้อีกว่า ถ้าหากเนี่ยเฟิงไม่แข็งแกร่ง เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะกลายเป็นราชามังกรของสำนักมังกรได้อีกล่ะ? ตำแหน่งที่นั่งนั้นไม่ใช่ใครๆล้วนสามารถนั่งได้
“ไม่ทราบว่าบุ่มบ่ามถามสักคำหนึ่งได้หรือไม่ คุณเนี่ยมีการคิดวางแผนการอะไรอีกต่อไปเหรอ?”
ตาแก่ไป๋ทั้งพูดอยู่ทั้งเอาฝ่ามือถูกันไปมาอยู่ อยู่บนใบหน้าที่แก่หง่อมของเขานั้นปรากฏสีหน้าที่เฝ้ารอคอยออกมา เนี่ยเฟิงคาดเดาจิตใจของคนได้ ดังนั้นเขาเห็นลักษณะท่าทีของตาแก่ไป๋นี้ก็เข้าใจความหมายของเขาแล้ว
“การคิดวางแผนการต่อไปนี้ของผมน่าจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกคุณล่ะ? ผมรู้ว่าคุณคิดอยากจะได้อะไร ก็เป็นเพียงแค่อยากจะได้ชิปเท่านั้น”
ตาแก่ไป๋ถูกพูดตรงถึงความคิดในใจก็ไม่รู้สึกโมโหเช่นกัน กลับหัวเราะออกมา รอยย่นที่อยู่บนใบหน้าเขาก็เหมือนเช่นดั่งดอกเบญจมาศที่แผ่ขยาย เขาพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกอย่างรีบเร่งมาก
“สมดั่งเป็นราชามังกรของสำนักมังกร ผมคิดอะไรคุณล้วนชัดเจนมากๆ ไม่ทราบว่าคุณส่งชิปให้กับพวกเราได้หรือไม่ล่ะ?”
“กับยาแบบนี้ผมไม่มีความสนใจใดๆ อีกทั้งผมก็ไม่อนุญาตให้สมาชิกในสำนักมังกรของผมใช้ แต่ดังคำกล่าวที่ว่าไม่กลัวเรื่องที่แน่นอนก็กลัวเหตุไม่คาดฝัน คนในสำนักมังกรของผมถ้าหากไม่ระมัดระวังติดเชื้อยาห้ามใช้แล้ว ผมยังต้องอาศัยข้อมูลเหล่านี้มาปรุงยาถอนพิษ”
เนี่ยเฟิงจ้องมองตาแก่ไป๋หนึ่งที ตาแก่ไป๋พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกอย่างรีบเร่งมาก แสดงให้เห็นว่าตนเองเข้าใจถึงความหมายของเนี่ยเฟิงแล้ว
“ชิปให้พวกคุณไม่มีปัญหา แต่ว่าเนื้อหาข้างในผมล้วนจะก๊อบปี้ไว้ชุดหนึ่ง อย่าโทษผมไม่บอกท่านล่วงหน้า”
ตาแก่ไป๋จะกล้ามีคำตัดพ้อที่ไหนล่ะ? เนี่ยเฟิงยอมยื่นมือช่วยเหลือเป็นการให้พระคุณที่ยิ่งใหญ่เท่าฟ้าแล้ว พวกเขาสามารถมีพลังหนุนช่วยที่แข็งแรงและทรงพลังเช่นนี้ ไม่ง่ายจริงๆ ดังนั้นตาแก่ไป๋ย่อมจะไม่ต่อรองกับเนี่ยเฟิงอยู่แล้ว
พูดได้อีกว่าเนี่ยเฟิงได้ชิปจะให้พวกเขาหรือไม่เป็นเรื่องของเขา เขาจะใช้จุดยืนอะไรไปเจรจาหารือกับเนี่ยเฟิงอีกล่ะ?
“ผมเห็นว่าท่านน่าจะไม่มีเรื่องอะไรแล้วเช่นกัน งั้นผมก็กลับไปก่อนแล้ว หลายคนนั้นของท่านยังอยู่ในการฝึกอบรม แล้วผมค่อยแจ้งความคืบหน้าให้กับท่าน”
เนี่ยเฟิงพูดอยู่ลุกขึ้นมาเลย โบกมือแล้วโบกมืออีก เห็นตาแก่ไป๋ลุกขึ้นตามไปด้วย “ไม่ต้องส่งไปส่งมาหรอก ท่านก็อายุมากแล้ว ยังคงพักผ่อนให้ดีๆเถอะ”
ตาแก่ไป๋อดไม่ได้ที่จะแสยะปากยิ้มหนึ่งที หลังจากเห็นเนี่ยเฟิงออกไป อารมณ์ของเขาสุขใจมากๆเหมือนเดิม
เนี่ยเฟิงกลับไปที่ห้องทดลองปรุงยาถอนพิษกับหมิงอี๋หานด้วยกันออกมาในขั้นแรก
พวกเขาทั้งสองก็คือแกร่งกับแกร่งร่วมมือกันจริงๆเลย ความเร็วในการปรุงยาเร็วมาก ผ่านไปไม่นานก็ผลิตยาบรรเทานี้ออกมาได้แล้ว
“เพราะว่าข้อมูลมีจำกัด ดังนั้นพวกเราทั้งสองได้เพียงแต่ปรุงยาบรรเทาออกมาเท่านั้น ฉีดยาบรรเทาจะสามารถทำให้ร่างกายของพวกเขาที่กระหายยาห้ามใช้ลดลง แต่ว่านี่เพียงแค่รักษาตามอาการแต่ไม่ได้รักษาถึงต้นเหตุ ได้แต่เพียงถ่วงความเร็วในการตายของพวกเขาให้ช้าออกไปเท่านั้น ดังนั้นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ต้องจัดการในทันทียังต้องหาชิปที่เหลือให้เจอ อย่างนี้พวกเราจึงจะสามารถได้รับข้อมูลยิ่งมากกว่านี้”
เพราะพวกเขารู้ว่ายังมีสถาบันที่ผิดกฎหมายมากมาย หลอกใช้เด็กหรือว่าคนเร่ร่อนและคนที่ถูกลักพาตัวมาทดลองยา
ถ้าหากว่าคนเหล่านั้นสมัครใจเองอยู่แล้ว งั้นก็สมน้ำหน้าแล้ว แต่ว่าคนที่เป็นฝ่ายถูกกระทำเหล่านั้นก็เห็นได้ชัดว่าน่าสงสารมากๆเลย
“ลำบากพวกคุณแล้ว พวกคุณตั้งแต่กลับมาจากทะเลจนถึงปัจจุบันนี้ล้วนยังไม่ได้พักผ่อนให้เพียงพอมาก่อน ในเมื่อปรุงยาออกมาได้แล้ว ฉันก็ให้ทีมแพทย์ที่ไร้ขอบเขตรับมือต่อ พวกคุณก็กลับไปพักผ่อนให้ดีๆเถอะ!”
หยูจิงหงรักสงสารเป็นพิเศษจ้องมองเนี่ยเฟิงกับหมิงอี๋หาน ใต้ขอบตาของพวกเขาทั้งสองล้วนปรากฏรอยหมองคล้ำบางๆแล้ว นั่นคือแสดงให้เห็นว่าการนอนหลับไม่เพียงพอ
เนี่ยเฟิงยิ้มจนเรียบง่ายไร้อุบายเต็มใบหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผมกับพี่สี่ก็กลับไปก่อนแล้ว พี่สองยังมีที่ไหนจะใช้พวกเราเอาแต่สั่งมาก็พอแล้ว ไม่ต้องเกรงใจ สามารถช่วยพี่สองได้ ผมดีใจมาก!”
หลังจากพวกเขาทั้งสองออกจากฐานลับ ก็ถูกส่งกลับไปที่เมืองจินไห่เลย
“เรื่องนี้แกจะจัดการยังไงล่ะ?” หลังจากกลับไปหมิงอี๋หานซักถามเนี่ยเฟิงแบบนี้
“ย่อมต้องจับพวกเขาออกมาให้ได้ทีละคน และแย่งชิงชิปที่อยู่ในมือของพวกเขาให้หมด”
คดีร้ายแรงบนทะเลในปีนั้นไม่ใช่การลอบสังหารในครั้งหนึ่งที่ง่ายๆ แต่คือการสังหารที่วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว
“เวลานั้นผมยังไม่ชัดเจน แต่ว่าตอนนี้รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายแล้ว คนเหล่านี้ได้ปฎิบัติต่อพ่อแม่ผมยังไง ผมจะให้พวกเขาเลือดต้องล้างด้วยเลือด อีกทั้ง…….”
เนี่ยเฟิงจ้องมองไปยังหมิงอี๋หาน “ปีนั้นพวกคุณก็กลายเป็นหนูขาวทดลองเช่นกัน ความแค้นนี้เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะไม่ล้างล่ะ”
หมิงอี๋หานเพียงรู้สึกว่าในใจอบอุ่น “เพียงแต่ไปทำเรื่องที่แกรู้สึกถูกก็พอ พวกพี่ๆจะกลายเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งเหนียวแน่นอยู่เบื้องหลังของแก”
เนี่ยเฟิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก “ผมรู้แล้ว”
หมิงอี๋หานยังต้องกลับไปโรงพยาบาลตรวจดูอาการช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ ดังนั้นเนี่ยเฟิงกลับไปวิลล่าตัวคนเดียวก่อน