พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 474 แก้แค้น
ทันทีที่พี่ปอโล๋เห็นเนี่ยเฟิง ก็รู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจ ตับ ม้าม ปอด และไต เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าผู้ชายคนนี้มาจากไหน มีพลังมากจนทำให้ตัวเองกระเด็นออกไปได้
เนี่ยเฟิงมองพวกเขาด้วยรอยยิ้มสดใส แล้วชี้ไปที่ไอ้อ้วนเตี้ยโกกวางจุนที่กำลังขดตัวอยู่บนพื้น
“พวกคุณใครเป็นคนลงมือตีเขา?”
คนที่ชื่อพี่ชุนดูเหมือนจะกังวลว่าคนอื่นจะไม่รู้ เขาแต่งตัวด้วยแบรนด์เนมทั้งตัว จนแทบจะพิมพ์โลโก้เอาไว้บนหน้าผากตัวเองแล้ว
แม้ว่าตอนนี้จะเป็นฤดูใบไม้ร่วง อากาศหนาวเย็นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาใส่สวมชุดขนมิ้งค์
พี่ชุนสวมชุดขนมิ้งค์อย่างไม่กลัวร้อน ถือโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังอยู่ในมือ เขามองเนี่ยเฟิงด้วยสายตาจับผิด
“เจ้าหมอนี่แหละ ที่ทุบตีพวกแกจนขี้หดตดหาย ถ้าพูดออกไป ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? พวกแกยังมัวยืนเซ่ออยู่ทำไม? ยังไม่รีบไปจัดการเขาอีก!”
พี่ชุนมองมาอย่างเย็นชา เนี่ยเฟิงยกมือขึ้น ผู้คนนับสิบรอบๆ ตัวเขาเฮโลกันเข้ามาเหมือนฝูงผึ้ง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นพวกที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ร่างกายแตกต่างจากพี่ปอโล๋
แต่คนเหล่านี้กลับลอยกระเด็นออกไปพร้อมกับเสียงร้อยโหยหวนอันน่าสังเวช ภาพนี้อลังการมากจนต้องอ้าปากค้าง เพราะมันมีความหมายตามตัวหนังสือ พวกเขาถูกโจมตีกระเด็นออกไปจริงๆ
เมื่อครู่ไอ้อ้วนเตี้ยที่ถูกทุบตีเกือบตาย หลังจากเห็นภาพนี้เขาก็รีบคลานหัวซุกหัวซุนเข้าไปอยู่ข้างกายเนี่ยเฟิง พอเห็นเนี่ยเฟิงได้จัดการคนเหล่านั้นแล้ว ไอ้อ้วนเตี้ยก็ชี้หน้าพูดกับคนเหล่านั้นเหมือนได้ผู้หนุนหลังที่มั่นคง “พี่ใหญ่ พวกเขามาก่อความวุ่นวายที่ฝูหม่านโหลวของผม คุณต้องช่วยผดุงความยุติธรรมให้ผมนะ!”
เรื่องโกกวางจุนถูกรังแกไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นในวันสองวันนี้ ฝูหม่านโหลวของเขาถูกคนจำนวนมากบีบบังคับและหลอกล่อให้ขายออกไป แต่เขาก็ไม่ขาย
คนเหล่านั้นอยากได้ฝูหม่านโหลว แต่ก็ทำลายป้ายร้านค้าของฝูหม่านโหลวไม่ลง ถึงอย่างไรการที่ฝูหม่านโหลวขายดิบขายดีเช่นนี้ก็เพราะอาวุธลับในมือของโกกวางจุน ซึ่งเป็นเมนูอาหารที่สืบทอดมาจากตระกูลของพวกเขาตั้งแต่สมัยโบราณ
โดยเฉพาะปลาทอดกรอบจานนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเลียนแบบได้
มีเพียงโกกวางจุนเท่านั้นที่รู้วิธีทำปลาทอดกรอบ แม้แต่ปรมาจารย์ที่แอบเข้ามาศึกษาก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากโกกวางจุนได้คอยหลบซ่อนไว้ ดังนั้นก่อนหน้านี้เขาจึงถูกพวกอันธพาลข่มขู่ว่าจะตัดนิ้วของเขา
แต่โกกวางจุนรู้ว่า ลูกค้าที่เข้าออกฝูหม่านโหลวล้วนมีทั้งดีและชั่ว พวกเขาชอบปลาทอดกรอบมาก หากฆ่าโกกวางจุนไปเสีย ก็มีแต่จะทำให้ผู้คนโกรธ ดังนั้นโกกวางจุนจึงอยู่รอดมาอย่างเปราะบาง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถฆ่าโกกวางจุนได้ แต่พวกเขาก็ยังสามารถรังแกโกกวางจุน ได้ นี่คือสิ่งที่ไอ้อ้วนเตี้ยเป็นกังวล
เมื่อโกกวางจุนเห็นว่าเนี่ยเฟิงนั้นกล้าหาญมากในเวลานี้ พอมาถึงก็สังหารไปหลายสิบคน เขาย่อมยืนอยู่ข้างเนี่ยเฟิง หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป ต่อไปก็น่าจะไม่มีใครกล้ารังแกเขาอีกแล้ว
“คุณก็คือพี่ชุนสินะ? วันนี้ผมมารับประทานอาหารที่นี่ แต่คนของคุณมาเคลียร์สถานที่ จนผมไม่สามารถรับประทานอาหารอย่างสงบสุขได้ ผมโกรธมากจริงๆ”
เนี่ยเฟิงพูดพลางเดินเข้าไปหาพี่ชุน เขาเอาขาเขี่ยคนที่นอนขวางทางออกไป เมื่อพี่ชุนเห็นภาพนี้ เหงื่ออันเย็นเยียบก็ผุดออกมา เหตุใดเจ้าหมอนี่ถึงแข็งแกร่งขนาดนี้? เขาจ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อจ้างบอดี้การ์ดพวกนี้มานะ
“ในเมื่อคุณมาถึงที่นี่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ควรขอโทษผมหรอกเหรอ?”
เนี่ยเฟิงสูงกว่าพี่ชุน ในเวลานี้เขาเดินขึ้นไปอยู่ตรงหน้าพี่ชุนแล้วมองลงมาหาพี่ชุน ทำให้พี่ชุนรู้สึกกดดันมาก แต่เขาเป็นใครกัน? เขาอาจจะเป็นหนึ่งในลิ่วซานเหมิน!
ตระกูลของพวกเขาได้รับการจัดอันดับในมณฑลซานเจียง ให้อยู่ในหกอันดับแรกของสิบอันดับตระกูลที่มีทั้งเงินและอิทธิพล!
พี่ชุนยิ้มเยาะ “อย่าคิดว่าคุณมีกำลังป่าเถื่อนก็สุดยอดแล้ว ผมบอกพวกคุณเลยว่า ไม่มีทาง!”
“ดูท่าทางคุณจะปากแข็งจนตาย ถ้าเป็นเช่นนี้ ผมก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจคุณแล้ว”
เนี่ยเฟิงยักไหล่ จากนั้นก็ชกเข้าที่ท้องของพี่ชุนอย่างรวดเร็วและรุนแรง พี่ชุนไม่มีโอกาสหลบหลีกเลยด้วยซ้ำ ความเร็วของมันเร็วอย่างไม่มีที่ติ สายตาของเขาตามไม่ทันหมัดของเนี่ยเฟิง
พี่ชุนทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด เขากุมท้องคุกเข่าลงกับพื้น ในเวลานี้เขาไม่มีเวลาไปคิดอะไรมากนัก หลังจากที่เนี่ยเฟิงเห็นเขาคุกเข่าลง รอยยิ้มพึงพอใจก็ปรากฏออกมา
“เร็วแบบนี้ไม่ดีเหรอ? ไม่ต้องทนรับหมัดอีก มาสิ รีบขอโทษซะ”
ในเวลานี้พี่ชุนเจ็บปวดเกินกว่าจะพูดอะไรได้ เขาสงสัยว่ากระดูกของตัวเองถูกเนี่ยเฟิงหักไปหรือเปล่า ทั่วร่างกายสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด
เขารู้สึกว่าตับไตไส้พุงไหลรวมกันเป็นก้อนเดียว
เขาอ้าปากที่เดิมทีกำลังจะด่า แต่กลับร้องออกมาคำเดียว เนี่ยเฟิงเห็นเช่นนั้นก็ถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว แล้วพูดด้วยความรังเกียจว่า “ร่างกายของคุณอ่อนแอเกินไป แม้แต่หมัดของผมก็ไม่สามารถต้านทานได้”
พี่ชุนยังกล้าพูดอีกหรือ? เมื่อครู่เขาได้ยินจากพี่ปอโล๋ผู้เป็นลูกน้องว่าถูกเตะกระเด็นไปหลายเมตร เขายังคิดว่ามันอาจจะเป็นการพูดเกินจริงของพี่ปอโล๋ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น
หลังจากที่ไอ้อ้วนเตี้ยมีคนคอยหนุนหลังแล้ว เขาก็ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาแล้วพูดอย่างได้เปรียบเลียนแบบท่าทางของเนี่ยเฟิง “ปล่อยให้พวกคุณมารังแกผมเสมอ ตอนนี้รู้สึกผิดแล้วใช่ไหม ผมจะบอกคุณให้ นี่คือพี่ใหญ่ของผม ถ้าวันหลังพวกคุณจะมาหาเรื่องก็ระวังหน่อย วันนี้ผมจะไว้ชีวิตพวกคุณ รีบไสหัวไปซะ!”
เนี่ยเฟิงเลิกคิ้วขึ้น ในใจคิดว่าไอ้อ้วนเตี้ยนั้นน่าสนใจทีเดียว เขาแกล้งแอบอ้างบารมีข่มเหงผู้อื่นได้อย่างแนบเนียน
พี่ปอโล๋จะยังจะกล้าอยู่ที่นี่ต่อไปได้อย่างไร เขาพยุงพี่ชุนขึ้นมา แล้วทั้งสองคนก็จากไปอย่างเศร้าซึม พวกเขาได้พาคนจำนวนมากมาสร้างความวุ่นวาย แต่ผลคือพ่ายแพ้อย่างหมดรูปให้กับคนที่ชื่อเนี่ยเฟิง
เนี่ยเฟิงมองดูนาฬิกาข้อมือ กำลังจะถึงสิบนาทีแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมองไอ้อ้วนเตี้ยที่มีรอยฟกช้ำไปทั้งตัว จากนั้นก็หยิบกล่องเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ไอ้อ้วนเตี้ย “นี่คือครีมที่ผมทำเองเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและสลายอาการห้อเลือด คุณทาลงบนรอยฟกช้ำ มันจะเห็นผลทันที รอยฟกช้ำจะสลายไปภายในครึ่งชั่วโมง”
ไอ้อ้วนเตี้ยเบิกตากว้างพลางคิดในใจว่ายังมีครีมวิเศษอย่างนี้ด้วยหรือ? เนี่ยเฟิงคงไม่โกหกตนหรอกนะ แต่มันก็เป็นความหวังดีของเนี่ยเฟิง ไอ้อ้วนเตี้ยจึงรับมาทันที แล้วพูดอย่างมีความสุข “ขอบคุณครับพี่ใหญ่!”
“วันนี้มันเป็นความผิดของผมเอง ที่ทำให้ที่นี่ของคุณได้รับความเสียหาย ผมจะให้ทีมก่อสร้างมาเก็บกวาดทำความสะอาดที่นี่ ถ้ายังมีใครกล้ามาหาเรื่องอีก คุณก็บอกได้เลยว่า ตอนนี้ฝูหม่านโหลวอยู่ภายใต้การดูแลของโรงแรมเมเปิล”
“อะไรนะ? โรงแรมเมเปิล?!”
ไอ้อ้วนเตี้ย กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก โรงแรมเมเปิลมีผู้หนุนหลังเป็นองค์กรลึกลับ ดังนั้นจึงไม่มีใครเคยกล้าแตะต้องที่นี่ เหมือนกับสถานทูตในภาวะสงคราม ไม่ว่าสงครามการค้าจะรุนแรงเพียงใด ก็ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนสถานะของโรงแรมเมเปิลได้