พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 477 แนะนำคู่
“หรือว่าในความคิดของประธานหลี่ ผู้หญิงต้องแต่งงานมีลูกเท่านั้น ถึงจะแสดงคุณค่าของตัวเองได้? จิตใจคับแคบเกินไปหน่อยล่ะมั้ง นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังจะมีความคิดแบบนี้อยู่ พูดออกไปจะรังแต่จะเป็นที่ขบขัน”
คำพูดนี้ของเนี่ยเฟิงพูดตรงใจของชิวมู่เฉิง เนี่ยเฟิงไม่ได้มองชายหญิงแตกต่างกัน เพราะเขารู้ว่าในวงการนักฆ่ามีนักฆ่าหญิงที่เก่งกาจมากมาย พวกเธอเหี้ยมโหดและจิตใจแข็งแกร่งมาก
บางครั้งเมื่อเนี่ยเฟิงได้พบกับนักฆ่าหญิง เขายังต้องประเมินก่อนว่าควรจะรับมืออย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่คนเหล่านี้พูดถึงในตอนนี้คือพี่ใหญ่ของเขา ด้อยค่าพี่ใหญ่ของเขาว่าเหมือนกับหญ้าฝอยทอง ต้องอาศัยพืชที่แข็งแรงเท่านั้นจึงจะสามารถอยู่รอดได้
ประธานหลี่ก็ไม่รู้ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงกล้าพูดกับตนเช่นนี้ เขาเหลือบมองเนี่ยเฟิงด้วยความโกรธแล้วหันมาพูดกับชิวมู่เฉิง
“เสี่ยวเชา คุณต้องอบรมเลขาของคุณบ้างนะ เขาไม่รู้หรือยังไงว่าการยุ่งเรื่องคนอื่นมันเสียมารยาท?”
สีหน้าของประธานหลี่แย่มาก ดำทะมึนจนแทบจะหยดออกมาเป็นหมึกได้เลย
เมื่อชิวมู่เฉิงได้ยินประธานหลี่พูดเช่นนี้ ก็รู้ว่าประธานหลี่เข้าใจผิดแล้ว ดังนั้นชิวมู่เฉิงจึงคว้ามือของเนี่ยเฟิงอย่างเปิดเผย แล้วพูดกับประธานหลี่ราวกับประกาศอำนาจอธิปไตยว่า
“ขอบคุณในความเป็นห่วงของประธานหลี่ แต่คุณคนนี้ไม่ใช่เลขาของฉัน แต่เป็นคู่หมั้นของฉัน เราสองคนหมั้นหมายกันแล้ว ดังนั้นประธานหลี่ไม่จำเป็นต้องแนะนำคู่ให้ฉันอีกแล้วนะคะ”
เมื่อนั้นประธานหลี่จึงตระหนักว่า มิน่าล่ะเนี่ยเฟิงถึงได้ก้าวร้าวกับเขาขนาดนี้ ที่แท้พวกเขาทั้งสองคนก็เป็นคู่รักกัน ประธานหลี่มองพิจารณาเนี่ยเฟิงด้วยสายตาจับผิดก่อนจะส่ายหน้า
“เสี่ยวชิว คุณทำธุรกิจได้ไม่มีที่ติ แต่สายตาในการมองคนของคุณแย่ไปหน่อย อาจเป็นเพราะคุณยังเด็กเกินไป ต่อไปคุณจะได้รู้ว่าคนแบบไหนที่เหมาะกว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างนี้ อาศัยแค่ปากก็เอาชนะใจคุณได้แล้ว… เฮ้อ ผมไม่พูดดีกว่า พูดมากไปมีแต่จะทำให้คนอื่นไม่พอใจ”
ชิวมู่เฉิงขมวดคิ้ว คนอื่นจะว่าเธอยังไงก็ได้ แต่จะว่าน้องชายของเธอไม่ได้ น้องชายของเธอดีเลิศขนาดนั้น จะยอมให้ใครมาเรียกว่าคนเจ้าเล่ห์ได้อย่างไร?
“ประธานหลี่ กรุณาสุภาพกับคู่หมั้นของฉันด้วย เขาไม่ได้เป็นเหมือนที่คุณพูด”
เดิมทีประธานหลี่วางแผนที่จะแนะนำหลานชายของเขาให้รู้จักกับชิวมู่เฉิง เพื่อที่เขาจะได้ผู้ช่วยที่แข็งแกร่งและทรงพลังอย่างชิวมู่เฉิง แม้ว่าหลานชายของเขาจะไม่ค่อยมีอะไรดีก็ตาม…
แต่ถึงจะไม่ค่อยมีดีอะไรดีก็ยังแข็งแกร่งกว่าเขามาก ประธานหลี่กลอกตาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ผมเป็นคนพูดจาไม่อ้อมค้อม หากล่วงเกินเขาไปก็ต้องขอโทษด้วย แต่ผมคิดว่าคุณควรใคร่ครวญเรื่องนี้ดูให้ดี เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะพาคุณไปดูว่าชายหนุ่มผู้มีพรสวรรค์เป็นอย่างไร”
“ขอโทษนะคะ ฉันคิดว่ามันไม่จำเป็น” ชิวมู่เฉิงไม่อยากจะพูดคุยหัวข้อนี้ต่อไปแล้ว เพราะเธอคิดว่าถ้าเธอพูดต่อ ไปอาจจะทำร้ายเนี่ยเฟิงได้ แต่ประธานหลี่ยังไม่ยอมรามือง่ายๆ
“ทำไมล่ะ? หรือว่าเป็นห่วงว่าคู่หมั้นของคุณจะสู้ไม่ได้? ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่เปรียบเทียบเท่านั้นว่าอย่างไรถึงเรียกว่าดีเลิศ!”
ประธานหลี่พูดจบก็มองเนี่ยเฟิงด้วยสายตายั่วยุ “ว่าไงล่ะหนุ่มน้อย คุณมั่นใจในตัวเองหรือเปล่า? กลัวสู้ไม่ได้เหรอ?”
เนี่ยเฟิงส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ผมจะได้เห็นว่าคุณหลี่อยากจะแนะนำให้ประธานของพวกเรารู้จักกับคนที่ดีเลิศอย่างไร”
ประธานหลี่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ผู้ชายคนนี้อดทนต่อการยั่วยุใดๆ ไม่ได้ พูดแค่คำสองคำก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว
แม้ว่าหลานชายของเขาจะไม่ค่อยมีอะไรดีนัก แต่เขาก็มีพ่อที่ไม่เลว และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา ไม่ว่าจะด้านใดก็ดีกว่าเจ้าหมอนี่ที่อยู่ตรงหน้าแล้วกัน?
“ถ้าอย่างนั้นก็เยี่ยมมาก ครอบครัวของพวกเขาเป็นหนึ่งในตระกูลผู้มั่งคั่งลิ่วซานเหมินแห่งเมืองซานเจียง พวกคุณคงเคยได้ยินเรื่องลิ่วซานเหมินใช่ไหม รู้ถึงความพิเศษที่มีอยู่ของลิ่วซานเหมิน”
ลิ่วซานเหมินเป็นเหมือนเครื่องจักรหาเงิน พวกเขายืนหยัดและได้รับการบูชาจากผู้คนในมณฑลซานเจียง
นอกจากนี้บรรพบุรุษของพวกเขายังเป็นข้าราชการทั้งหมด จนถึงตอนนี้ก็ยังคงภาคภูมิใจในสายเลือดดั้งเดิมที่สืบทอดกันมา แล้วยังจะส่งเสริมให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่อยู่ในสายตาของเนี่ยเฟิง เพราะเทคนิคการหาเงินของพวกเขานั้นสู้สำนักมังกรไม่ได้
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอเปิดหูเปิดตาบ้าง”
เนี่ยเฟิงหัวเราะออกมา ในเวลานี้ประธานหลี่ก็โบกมือให้คนที่อยู่ไกลออกไป
หวางปินที่เพิ่งเข้ามาทักทายเมื่อครู่เดินเข้ามา ชิวมู่เฉิงกับเนี่ยเฟิงอดขมวดคิ้วไม่ได้ หรือว่าคนหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ที่พวกเขาพูดถึงจะเป็นหวางปิน? เขาดูลุกลี้ลุกลนเกินไปหน่อยหรือเปล่า ราวกับจะรีบร้อนไปไหน
“เหล่าหวาง ทางนี้ๆ! รีบเข้ามา ผมจะแนะนำลูกสะใภ้ให้คุณ!”
เหล่าหลี่โบกมืออย่างแรง พอหวางปินเข้ามาก็ดูท่าทางอึดอัดเล็กน้อยเมื่อได้เห็นชิวมู่เฉิงกับเนี่ยเฟิง พลางคิดในใจว่าเหล่าหลี่นึกอย่างไรกัน
“เราเจอกันอีกแล้วนะ คุณชิว”
“พวกคุณสองคนรู้จักกันเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ดีสิ ผมก็ไม่จำเป็นต้องแนะนำคุณสองคนให้รู้จักกันอีก ว่าแต่ว่า ลูกชายของคุณอยู่ที่ไหน รีบโทรหาเขาเร็วเข้า!”
หวางปินกลอกตา รู้ว่าประธานหลี่หมายถึงอะไร ดูเหมือนว่าประธานหลี่ต้องการโจมตีเนี่ยเฟิง บังเอิญว่าเมื่อครู่หวางปินถูกเนี่ยเฟิงปั่นหัวเล่น ดังนั้นเขาจึงไม่สบายใจมาก คงจะดีถ้าจะทำให้เนี่ยเฟิงเสียหน้าได้ ดังนั้นหวางปินจึงตอบตกลง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่เกรงใจล่ะนะ!”
เนี่ยเฟิงไม่คิดว่าหวางปินจะเป็นหนึ่งในลิ่วซานเหมิน เพราะเขาดูไม่เหมือนเลย รูปร่างหน้าตาแบบนี้ดูขาดเกินไปหน่อยหรือเปล่า?
ชิวมู่เฉิงไม่เคยคิดมาก่อนว่าเรื่องราวต่างๆ จะกลายมาเป็นแบบนี้ เดิมทีเธอวางแผนที่จะออกไปกับเนี่ยเฟิง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไปไม่ได้แล้ว เธอต้องยืนอยู่กับที่มองเนี่ยเฟิงอย่างเป็นกังวล
แต่ชิวมู่เฉิงก็มั่นใจในตัวน้องชายมาก แม้ว่าน้องชายจะสวมเสื้อผ้าธรรมดา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีสมอง
สิ่งที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ คนที่มาเป็นคนที่คุ้นเคยดี เนี่ยเฟิงมองดู นี่ไม่ใช่พี่ชุนที่ถูกซัดจนหมอบเมื่อคืนวานหรอกหรือ? ตอนนี้เขาแต่งตัวดีมาปรากฏตัวขึ้นข้างกายหวางปิน
เขาเชิดคางขึ้น มองคนอื่นอย่างเหยียดหยาม ทันทีที่เขาเห็นเนี่ยเฟิง ก็อดเบิกตากว้างไม่ได้ ตัวสั่นไปทั้งตัว
เขาไม่กล้าบอกพ่อเรื่องโดนซ้อมเมื่อคืนวาน ด้วยกังวลว่าหากหวางปินรู้จะทุบตีเขา
หวางชุนเลียริมฝีปากอันแห้งผาก ความเย่อหยิ่งใช้อำนาจระรานชาวบ้านดูเหมือนจะลดลง
แต่เขาไม่ใช่คนขี้ขลาด คิดในใจเมื่อมีพ่อของตนอยู่ด้วย มีพ่อคอยหนุนหลัง เขาจะกลัวไปทำไม?
หวางชุนกระแอมไอ พยายามยืดตัวตรง
“เสี่ยวชุน นายมาถูกเวลาพอดีเลย ดูสิ นี่คือคู่ที่ฉันจะแนะนำให้รู้จัก นายว่าเป็นไงบ้าง?”
ประธานหลี่พูดพลางเดินเข้าไปหาชิวมู่เฉิง เมื่อครู่หวางชุนมัวแต่สนใจเนี่ยเฟิง ไม่ได้สนใจชิวมู่เฉิงเลย พอหวางชุนเห็นชิวมู่เฉิงเท่านั้น ดวงตาของเขาก็จับจ้อง