พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 481 เอาทั้งหอการค้ามาชดใช้
เนี่ยเจิ้งนำพาหอการค้าทั่วไปทำการปฏิรูปสร้างโฉมหน้าใหม่ แต่ท้ายสุดกลับตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ นี่เป็นใครก็นึกไม่ถึงอยู่นะ แต่ก็เพราะว่าไม่ได้ร่วมมือกันกระทำความชั่วกับคนกลุ่มนี้นั่นเอง ดังนั้นชื่อเสียงของบิดาเขาล้วนดีมากมาโดยตลอด
ปัจจุบันนี้คนเหล่านี้ยังคิดถึงพะวงเรื่องของปีเหล่านั้นอยู่ เพียงพูดได้ว่าพวกเขาไม่มีสมอง
“คุณไม่ต้องพูดมากอะไรอีกเลย ที่นี่ไม่มีของที่เป็นของคุณ ถ้าอ่านสีหน้าคนอื่นออกก็รีบเร่งไสหัวออกไปเถอะ ผมก็ว่าอยู่ทำไมเทียนหลงอินเตอร์เนชันแนลจะพัฒนาเร็วขนาดนั้น ที่แท้เบื้องหลังนี้ยังมีกากเดนของตระกูลเนี่ยคอยผสมโรงอยู่!”
“พวกคุณล้วนเป็นพวกเดียวกัน พวกคุณย่อมคิดที่จะทำให้หอการค้าทั่วไปแตกแยกก็คือทนดูหอการค้าทั่วไปนับวันที่จะเจริญรุ่งเรืองไม่ไหว!”
เพียงแค่เอ่ยถึงผลประโยชน์ พวกเขาก็จะเหมือนเช่นดั่งหมาบ้ากลุ่มหนึ่ง ไม่ว่าจับใครได้ล้วนจะกัด หลันเฟิงหลิงจ้องมองแนวโน้มของเรื่องนี้อย่างพอใจมาก
เธอก็แค่จะบอกกับเนี่ยเฟิงว่า ถึงแม้ว่าเขาเป็นราชามังกรของสำนักมังกร ก็ไม่มีประโยชน์เช่นกันอยู่ที่ของเธอที่นี่ก็ต้องถูกบีบบังคับให้ยอมแพ้เหมือนเดิม และเป็นไปได้ยังไงที่เนี่ยเฟิงจะมองความคิดของผู้หญิงคนนี้ไม่ทะลุปรุโปร่งล่ะ?
มุมปากของเนี่ยเฟิงยักขึ้นนิดๆ เขาปกป้องชิวมู่เฉิงไว้ จ้องมองคนเหล่านี้ชี้นิ้วซุบซิบกับเขาอยู่ เขาไม่มีสีหน้าหวาดกลัวสักนิดยืนอยู่ตรงนั้น ก็เหมือนดั่งต้นป็อปลาร์ที่สูงตรงต้นหนึ่ง
“การกล่าวหาอย่างไม่มีที่มาฝืนใส่ไว้อยู่บนกายพวกเรา ถึงแม้ว่ามีร้อยปาก ก็ไม่มีทางที่จะโต้แย้งได้เช่นกัน แต่ว่าพวกคุณโง่เขลาขนาดนั้น ผมก็ไม่คิดที่จะอธิบายอะไรกับพวกคุณสิ่งที่บิดาผมสร้างสรรค์ขึ้นมา ผมจะเอาคืนให้หมด ตัวผมนี้กับบิดาผมไม่เหมือนกัน ผมเป็นคนที่แม้แต่ความแค้นเล็กๆล้วนต้องแก้แค้นคนหนึ่ง พวกคุณเสพสุขเงินปันผลที่บิดาผมสร้างไว้ให้กับพวกคุณ แต่กลับย้อนเล่นงานฝ่ายตรงข้ามอีก การกระทำนี้ช่างทำให้คนน่าทึ่งจริงๆ ผมจะไม่รักใคร่โปรดปรานพวกคุณ ตามใจพวกคุณนะ”
เนี่ยเฟิงพูดคำพูดเหล่านี้ น้ำเสียงแม้ว่าไม่ดัง แต่ว่าคนทั้งหลายที่อยู่ในนั้นล้วนได้ยิน พวกเขาได้ยินเนี่ยเฟิงพูดอย่างนี้ เพียงรู้สึกว่าเขาคนนี้ก็แค่พูดเวอร์เกินจริง
หวางชุนที่เพิ่งถูกบีบบังคับให้ยอมแพ้จากเนี่ยเฟิงที่นั่นมาในเมื่อกี้และหวางปินบิดาของเขาทั้งสองคน อดไม่ไหวที่จะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น “ผมว่าแล้วคุณทำไมโอหังขนาดนั้นล่ะ? ที่แท้คุณเป็นคนของตระกูลเนี่ยนี่เอง แต่ว่าพวกคุณตระกูลเนี่ยตกอับมานานแล้ว ตอนนี้คนอื่นเห็นคุณล้วนกลัวแต่หลบหลีกไม่ทัน คุณยังมุ่งหวังจะให้ใครมาช่วยคุณได้ล่ะ?”
หวางชุนพอนึกถึงตนเองขายหน้าอยู่ต่อหน้าเนี่ยเฟิง เขาก็รู้สึกโมโหอย่างมาก ในเวลานี้สามารถเอาคืนได้สักครั้งพอดี จะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะปล่อยโอกาสนี้ไปอีกล่ะ?
ตอนนี้เขาโอหังเหลือเกินลุกขึ้นมา ชี้เนี่ยเฟิงไว้ร้องตะโกนอยู่พูดว่า “คุณไม่มีสิทธิยืนอยู่ที่นี่ถ้าอ่านสีหน้าคนอื่นออก ก็รีบเร่งไสหัวออกไปเถอะ อย่าอับอายขายหน้าอยู่นี่เลย”
คำพูดนี้ของหวางชุนเหมือนเช่นดั่งพัดกระพือพันระลอกคลื่น คนที่มาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำในวันนี้ ล้วนเป็นผู้นำวงการธุรกิจของหอการค้าสาขาย่อยที่อยู่แต่ละเมืองในมณฑลซานเจียง
ในหอประชุมดูโดยคร่าวๆสักหน่อย ก็เกือบจะมีพันกว่าคน
ถึงแม้ว่าตัดสมาชิกในครอบครัวเหล่านี้ออก งั้นพ่อค้ารายใหญ่รายเล็กรวมกันขึ้นมาก็น่าจะมีหกเจ็ดร้อยคน
พวกเขามีบางส่วนพลังความสามารถเลิศล้ำ อีกทั้งฐานะทางสังคมมีค่าสูงมากเป็นร้อยเท่า ยังมีคนไม่น้อยที่มีความสัมพันธ์ที่แข็งกร้าวมากๆอยู่
แต่ไม่ว่ายังไง พวกเขายึดติดผลประโยชน์ที่อยู่ต่อหน้าเหมือนเดิมบวกกับมีคนมากมายล้วนรู้ถึงเบื้องหลังของปีนั้นอีก โดยเหตุนี้พวกเขาไม่หวังว่าจะมีคนของตระกูลเนี่ยเข้าร่วมอยู่ในนั้นอีกครั้ง
ชิวมู่เฉิงจ้องมองท่าทางของคนเหล่านี้อยู่ เพียงรู้สึกว่าความโมโหเกิดขึ้นในใจ พวกเขาพุ่งเป้ามายังตนเองก่อน ต่อจากนี้เอาหัวหอกทั้งหมดชี้ไปยังเนี่ยเฟิงอีก นี่เป็นน้องชายที่เธอรักทะนุถนอมที่สุดนะ เธอจะให้น้องชายกลายเป็นเป้าหมายที่คนเป็นหมื่นเป็นพันชี้หน้าด่ากราดได้ยังไงล่ะ?
ชิวมู่เฉิงกำกำปั้นอย่างแน่น ท่าทางมีความโกรธเล็กน้อยอยากจะลุกขึ้นมาพูดแทนเนี่ยเฟิงสักหน่อย ในตอนต้นตระกูลเนี่ยสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ทางธุรกิจการค้ามามากมาย พวกเขาล้วนเห็นอยู่กับตาอีกทั้งตอนเวลานั้นพวกเขารีบเร่งที่อยากจะมาแบ่งผลประโยชน์ ผลลัพธ์ล่ะ ตอนนี้กลับผีซ้ำด้ำพลอย
แต่เนี่ยเฟิงกลับขวางชิวมู่เฉิงไว้ อีกทั้งยังใช้น้ำเสียงที่มั่นคงยืนหยัดบอกกับเธอ “พี่ใหญ่ คุณวางใจเถอะ เรื่องในวันนี้เป็นบุญคุณความแค้นของผมกับพวกเขา ก็ถึงเวลาที่ต้องทำการจบสิ้นแล้ว”
“พวกเขาคนเยอะมีกำลังอำนาจมาก พวกเราไม่จำเป็นต้องแข็งชนแข็งกับพวกเขา หอการค้าแบบนี้ไม่เข้าร่วมก็ดี ไม่งั้นพวกเราออกไปก่อนค่อยๆวางแผนกันอีก”
ชิวมู่เฉิงไม่ว่าพูดยังไงก็เป็นคนที่ยากลำบากอยู่ในวงการธุรกิจมานานขนาดนั้นแล้ว เธอย่อมรู้เรื่องของปีนั้นและเคยไปทำความเข้าใจมาก่อนเช่นกัน ถึงยังไงนั่นคือบิดาของเนี่ยเฟิง ตอนนั้นตระกูลเนี่ยยังภาคภูมิใจกับประสบความสำเร็จได้อยู่เหมือนเดิม ดังนั้นถึงแม้ว่ามีข่าวที่มีเรื่องว่าจะแตกแยกหอการค้าทั่วไปอย่างนี้ ก็ถูกคนมองข้ามไม่สนใจเหมือนเดิม เพราะว่าคำสรรเสริญจากประชาชนที่มีกับพวกเขาดีมาก เต็มไปด้วยความซื่อสัตย์มีสัจจะ อีกทั้งยังมีพลังความสามารถที่มากมายมหาศาลนั่นเอง
ต่อมาตระกูลเนี่ยประสบคดีร้ายแรงบนทะเล เสียชีวิตไปหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น คนเหล่านี้ก็เหมือนเช่นดั่งตั๊กแตนบินผ่านปล้นชิงขูดรีดตระกูลจนเกลี้ยง และเรื่องที่ตั้งแต่ตระกูลเนี่ยออกจากหอการค้าทั่วไปจนถึงคดีร้ายแรงบนทะเลนี้ ล้วนเกิดขึ้นอยู่ในปีเดียวกัน
“ไม่จำเป็นต้องค่อยๆวางแผนกันอีกเลย ไม่มีโอกาสที่ยิ่งดีกว่าวันนี้อีกแล้ว”
เนี่ยเฟิงหันหน้าไป ยิ้มแล้วยิ้มอีกกับชิวมู่เฉิง ต่อจากนี้เขาหันหน้ากลับมา ใบหน้าไร้สีหน้าจ้องมองไปยังคนทั้งหลาย “หอการค้าทั่วไปสามารถมีวันนี้ได้ โดยพื้นฐานเป็นบิดาของผมนำพาขึ้นมากับมือ หอการค้าทั่วไปที่อยู่ในตอนต้นนั้น เพียงแค่เป็นหอการค้าเล็กๆที่ไร้ชื่อเสียงแห่งหนึ่งเท่านั้น และเงินปันผลที่ถืออยู่ในมือของพวกคุณก็เป็นบิดาผมช่วงชิงมาได้เช่นกัน พวกคุณนี่กำลังกินเลือดเนื้อของพวกเราตระกูลเนี่ยอยู่ ยังจะถุยทิ้งพวกเราตระกูลเนี่ยอีก การกระทำแบบนี้ทำให้ผมโกรธแค้นมาก”
“คุณกล้าพูดคำพูดอย่างนี้ได้ยังไง หอการค้าทั่วไปก่อตั้งขึ้นล้วนเป็นคุณงามความดีของทุกคน มีความเกี่ยวข้องอะไรกับบิดาคุณ!”
แม้แต่ประธานหลี่ก็รู้สึกโกรธแค้นมากๆ
“พวกคุณรู้สึกไม่มีความเกี่ยวข้องเหรอ? ในตอนต้นคนที่ตีทะลุเส้นสายทั้งหมดของหอการค้าเป็นบิดาผม คนที่ช่วงชิงเงินปันผลให้กับพวกคุณก็เป็นบิดาของผม คนที่ก่อตั้งงานสัมมนาวงการธุรกิจก็เป็นบิดาของผม คนที่ก่อตั้งสำนักงานNotary Publicยิ่งเป็นบิดาของผม อีกทั้งค่าใช้จ่ายของงานสัมมนาสำนักงานNotary Publicต่างๆเหล่านี้จะต้องใช้เงินมากเท่าไหร่ ผมคิดว่าพวกคุณน่าจะชัดเจน ทุกก้อนผมล้วนจดแทนพวกคุณไว้แล้ว”
เนี่ยเฟิงทั้งพูดอยู่ทั้งค่อยๆเดินขึ้นไปบนเวที ก็เป็นครั้งแรกที่หลันเฟิงหลิงจ้องมองลูกชายของเนี่ยเจิ้งในระยะใกล้ขนาดนั้น ในตอนต้นเขาเพียงแค่เป็นเด็กหนุ่มใจร้อนคนหนึ่งเท่านั้น ปัจจุบันนี้ถึงขนาดเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว
และในเวลานี้เนี่ยเฟิงใช้สายตาที่เฉียบแหลมเช่นดั่งอินทรีจ้องมองไปยังหลันเฟิงหลิง นัยน์ตาคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงอาฆาต คล้ายดั่งจะลงโทษด้วยวิธีฆ่าหั่นศพกับเธอที่อยู่ต่อหน้านะ
เขาทำตายี๋แล้วทำตายี๋อีก พูดกับหลันเฟิงหลิงเสียงเบาๆว่า “บัญชีของพวกเราเริ่มนับจากตอนนี้เป็นต้นไป”
ต่อจากนี้เห็นเพียงเนี่ยเฟิงยืนอยู่ตรงกลางเวทีของหอประชุม ตบไมโครโฟนที่อยู่ต่อหน้าตบแล้วตบอีก จ้องมองคนที่มืดฟ้ามัวดินร้อนรนอยู่ข้างล่างกลุ่มนั้น เขายิ้มอยู่พูดว่า “สิ่งที่ผมจะเอาคืนในวันนี้มากเกินไปแล้ว อีกทั้งพวกคุณติดค้างพวกเราตระกูลเนี่ยก็มากจนนับไม่ถ้วนจริงๆ ผมรู้สึกว่านับถึงชาติหน้าล้วนเป็นไปไม่ได้ที่จะนับให้ชัดเจน ดังนั้นผมรู้สึกว่าเอาทั้งหอการค้ามาชดใช้ให้กับผมน่าจะเป็นกลางกว่า”
หลันเฟิงหลิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง “ฉันว่าคุณจิตใจหลงใหลคิดเพ้อเจ้อ!”
คนทั้งหลายก็อดไม่ไหวที่จะหัวเราะ ฮ่าฮ่า เสียงดังออกมา รู้สึกว่าความคิดของเด็กหนุ่มใจร้อนคนนี้ง่ายเกินไปแล้วจริงๆ หอการค้าทั่วไปจะกลายเป็นของเขาคนเดียวเหรอ?
“หัวเราะพอหรือยัง? ผมนี่ไม่ได้ร้องขอความเห็นด้วยกับพวกคุณนะ แต่เพียงแจ้งให้พวกคุณทราบเท่านั้น”