พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 483 แย่งกันเฮโล
หวางปินตื่นตกใจอย่างมาก ก็เหมือนเช่นดั่งฟังผิดไปแล้ว เขาซักถามทันทีอีกว่า “ตกลงว่านี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ล่ะ? คุณพูดอะไรผิดไปแล้วใช่หรือไม่ เป็นไปได้ยังไงที่จะถอนหุ้นล่ะ!”
“ฉันไม่ได้พูดผิด เมื่อกี้โทรศัพท์ที่พวกเขาโทรมาถึงแผนกเลขาธิการแต่ละคนต่อๆกัน บอกว่าไม่ว่ายังไงล้วนจะถอนหุ้น อีกทั้งวันหลังล้วนจะไม่ลงทุนกับบริษัทของพวกเราอีกแล้ว ยังมีหุ้นส่วนที่ร่วมกิจกรรมกับพวกเราเหล่านั้นล้วนจะยกเลิกสัญญาไปหมดเช่นกัน!”
ในเวลานี้มือถืออีกเครื่องหนึ่งของหวางปินดังขึ้นอีกแล้ว ในปัจจุบันนี้หวางปินล้วนตกอยู่ในสภาพอึดอัดไปแล้ว แต่เขายังคงหยิบมือถือขึ้นมารับสาย อยู่ในเวลานี้แผนกธุรการบอกกับหวางปินอีกว่า สัญญาการร่วมกิจกรรมที่พวกเขาคุยกันไว้เดิมทีได้ตกลงกันอย่างดีแล้ว แต่ปัจจุบันนี้บุคคลที่จะร่วมกิจกรรมบอกว่าไม่ร่วมกิจกรรมอีกแล้ว
“นี่ก็แปลกประหลาดมากเกินไปจริงๆเช่นกัน แป๊บเดียวหุ้นส่วนสิบกว่าคนก็บอกว่าไม่ร่วมกิจกรรมแล้ว!”
“ประธานหวางทำยังไงดีล่ะ!”
เสียงเรียกว่าประธานหวางเสียงนี้เรียกจนหน้าผากหวางปินเหงื่อไหลออกพรั่กๆ เป็นไปได้ยังไงที่จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้น?
เขาตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกจ้องมองไปยังเนี่ยเฟิงที่อยู่บนเวที และในเวลานี้บนเนี่ยเฟิงใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่สวยสดงดงามเหลือเกินออกมาหนึ่งที ในเวลานี้คนทั้งหลายก็รู้สึกขนหัวลุกเช่นกัน
“ดูลักษณะท่าทีพวกคุณเหมือนยังไม่ค่อยเชื่อ งั้นก็คนถัดไปเถอะ”
เนี่ยเฟิงพูดจบดีดนิ้วอีกที ต่อจากนี้ประธานกรรมการยักษ์ใหญ่อีกคนหนึ่งที่เป็นหนึ่งในลิ่วซานเหมินก็ได้รับสายเช่นกัน อีกทั้งเนื้อหาที่ได้รับกับของหวางปินไม่ต่างกันมาก เขาตื่นตระหนกจ้องมองไปยังเนี่ยเฟิง แต่ปัจจุบันนี้เรื่องที่เขาต้องจัดการยากยิ่งจัดการยาก!
ในเวลานี้เนี่ยเฟิงอยู่บนเวทียิ้มแต่ไม่พูด เพียงแต่ทุกการดีดนิ้วของเขาก็จะมีอาณาจักรธุรกิจการค้ายักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งเกิดเรื่อง ก็เหมือนดั่งแผ่นดินไหวที่น่ากลัวในครั้งหนึ่ง ส่วนผู้ชายที่อยู่ต่อหน้าคนนี้คือจับกุมปุ่มกดของแผ่นดินไหวไว้
เมื่อกี้คนเหล่านี้ยังยโสโอหังอย่างยิ่ง รู้สึกว่าเนี่ยเฟิงเพียงแค่สร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตาเท่านั้น แต่ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าคิดเช่นนี้แล้ว จ้องมองลักษณะท่าทีของเนี่ยเฟิงที่มั่นใจในตนเองเต็มเปี่ยม พวกเขาล้วนหวาดกลัวจนแขนอ่อนขาอ่อนแล้ว นั่นเป็นเป้าหมายที่พวกเขาฟันฝ่ามาทั้งชีวิตจึงจะได้ แต่ปัจจุบันนี้กลับถูกคนคนหนึ่งดีดนิ้วหนึ่งทีก็ทำลายแล้ว นี่ตกลงว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่ล่ะ?!
เนี่ยเฟิงดีดนิ้วหกทีอย่างเบาๆ และลิ่วซานเหมินที่ดังทั่วทั้งเมืองซานเจียงก็ใกล้จะล้มละลายอยู่ภายในเวลาสั้นๆไม่กี่วินาที
ในเวลานี้หลันเฟิงหลิงที่ยืนอยู่ข้างๆก็ได้ใช้สายตาที่เหลือเชื่อจ้องมองเนี่ยเฟิงอยู่ หลันเฟิงหลิงรู้ถึงความน่ากลัวของสำนักมังกรทั้งรู้ถึงความร้ายกาจของสำนักมังกรเช่นกัน แต่ว่าหลันเฟิงหลิงยังคงมั่นใจในตนเองมาก รู้สึกว่าเนี่ยเฟิงน่าจะไม่มีทางที่จะทำให้กระเทือนถึงห่วงโซ่ธุรกิจการค้าของพวกเขาเส้นทางนี้ แต่นึกไม่ถึงเนี่ยเฟิงถึงขนาดสามารถทำถึงขั้นนี้ได้!
หกอันดับยักษ์ใหญ่ใกล้จะล้มละลายอยู่ภายในเวลาเดียวกัน นี่ทำให้ทั้งวงการธุรกิจล้วนสั่นระริกนะ!
“คุณรู้หรือไม่ว่าคุณทำอะไรอยู่! นี่จะทำให้เศรษฐกิจทั้งหมดพังทลาย คนที่อยู่ข้างบนเป็นไปไม่ได้ที่จะให้คุณทำเช่นนี้ล่ะ!”
หลันเฟิงหลิงกำกำปั้นอย่างแน่น เป็นเพราะว่าเศรษฐกิจเหล่านี้เกี่ยวข้องถึงทั่วประเทศนั้นเอง ดังนั้นหลันเฟิงหลิงจึงมีความมั่นใจในตนเองเช่นนี้ แต่การกระทำของเนี่ยเฟิงแบบนี้ล้วนไม่สนใจไยดีถึงวงการธุรกิจ! เขากล้าได้ยังไงล่ะ?!
“คุณนายหลัน ตอนนี้คุณเริ่มรู้สึกว้าวุ่นแล้วเหรอ?”
เพราะว่าคนที่อยู่ใต้เวทีล้วนวุ่นวายจนเละเป็นโจ๊กแล้ว ดังนั้นการพูดคุยกันของเนี่ยเฟิงกับหลันเฟิงหลิงก็ไม่มีคนได้ยินเช่นกัน และในเวลานี้หลันเฟิงหลิงก็สูญเสียความงดงามไปแล้วด้วย เดิมทีได้รับชัยชนะอย่างมั่นใจอยู่ แต่ปัจจุบันนี้เธอกลับกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำมากๆ
“นี่ก็ไม่ควรกล่าวโทษเช่นกัน ถึงยังไงตั้งแต่แรกคุณก็รู้สึกว่าคุณจะชนะ แต่ว่าผมยังคงต้องขอเตือนคุณสักคำ อวดดีถือดีไม่มีดี”
เนี่ยเฟิงยิ้มจนหางตางอ หกอันดับยักษ์ใหญ่ปัจจุบันนี้ตกอยู่ในความตื่นกลัวแล้ว และพวกนักธุรกิจอื่นๆล้วนได้รับสายเหมือนกันเช่นกัน พวกเขาจะไม่หวาดกลัวได้ยังไงล่ะ?
ในเวลานี้เนี่ยเฟิงยกมือขึ้นอีกแล้ว พูดอย่างไม่รีบไม่ร้อนอยู่ว่า “ผมสามารถให้ทางออกพวกคุณทางหนึ่ง พวกคุณถอนตัวออกจากหอการค้าทั่วไปอาจจะยังมีทางรอด มิฉะนั้นก็มีเพียงแค่ทางตายทางเดียวแล้ว”
พอเนี่ยเฟิงพูดคำนี้ออกมา คนทั้งหลายล้วนพุ่งไปยังเวที ล้อมรอบหลันเฟิงหลิงไว้
พวกเขาโมโหร้องตะโกนพูดอยู่ว่า “พวกเราจะถอนตัวออกจากหอการค้าทั่วไป รีบดำเนินการขั้นตอนการถอนตัวออกจากหอการค้าทั่วไปให้กับพวกเรา!”
พูดเล่นไป อยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ของทีม ผลประโยชน์ส่วนตัวของพวกเขาจึงจะสำคัญยิ่งกว่า เป็นเพราะว่าผลประโยชน์ของทีมสามารถนำมาซึ่งผลประโยชน์ส่วนตัวที่ยิ่งมากกว่าให้กับพวกเขานั่นเอง พวกเขาจึงได้เข้าร่วมหอการค้าทั่วไป แต่ปัจจุบันนี้พวกเขากลับถูกหอการค้าทั่วไปทำให้ต้องเดือดร้อนไปด้วย เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะใช้ชีวิตของตนเองและทั้งครอบครัวไปต่อสู้
ในใจหลันเฟิงหลิงคิดอยู่ว่าเนี่ยเฟิงไอ้คนนี้เป็นบ้าแล้วแน่ๆ แต่ ตกลงว่าเนี่ยเฟิงเป็นอะไรกันแน่? ทำไมเขาสามารถทำเช่นนี้ได้ล่ะ?!
แต่ในปัจจุบันหลันเฟิงหลิงไม่มีทางออกแล้ว เพราะว่าเธอถูกคนเหล่านี้ล้อมรอบไว้ พวกเขาต้องการทวงเอาความยุติธรรมสักหน่อย
ไม่มีนักธุรกิจเหล่านี้หอการค้าทั่วไปเป็นเหี้ยอะไรก็ไม่ใช่ และทรัพยากรในมือของหอการค้าทั่วไปก็ถูกตัดไปพอสมควรแล้ว
เนี่ยเฟิงทำตายี๋แล้วทำตายี๋อีก เขาแอบออกจากบนเวที มาถึงข้างกายของชิวมู่เฉิง ในเวลานี้ชิวมู่เฉิงถูกฉากที่อยู่ต่อหน้านี้ทำให้ตื่นตะลึงแล้ว แม้แต่พูดเธอก็พูดไม่ออก
“เสี่ยวเฟิง นี่ตกลงเป็นเรื่องอะไรกันแน่ แกทำได้ยังไงล่ะ?”
ชิวมู่เฉิงนึกถึงก่อนหน้านั้นสิ่งเหล่านั้นที่เนี่ยเฟิงเคยทำมา แม้ว่าอธิบายไปได้ แต่ว่ายังคงเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก
ถึงแม้ว่าเนี่ยเฟิงบอกกับเธอ คนที่ทำเรื่องเหล่านี้เป็นเพื่อนของบิดาเขาและเพื่อนของคุณปู่ แต่ปัจจุบันนี้ดีดนิ้วหนึ่งทีก็ทำลายวิสาหกิจแห่งหนึ่งไป ฝีมือเช่นนี้ไม่ใช่ใครก็จะมีได้นะ!
เนี่ยเฟิงเห็นเหตุการณ์ของที่นี่วุ่นวาย ก็เลยคิดว่าจะพาชิวมู่เฉิงออกไปก่อน ดังนั้นเขาพูดเสียงอ่อนโยนว่า “พี่ใหญ่พวกเราออกจากที่นี่ก่อนเถอะ คุณดูพวกเขาเดือดแค้นเป็นอย่างยิ่งขนาดนั้น อีกสักครู่ถ้าหากมาระบายความโกรธกับพวกเรา ย่อมจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากไม่น้อยแน่นอน”
ชิวมู่เฉิงก็เข้าใจว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ได้พูดคุยกันที่ดีเลย เพราะว่าเอะอะโวยวายมากเกินไปแล้วจริงๆ ถึงแม้ว่าเธอเต็มไปด้วยความหวาดระแวง แต่ยังคงทำตามการวางแผนของเนี่ยเฟิง ทั้งสองคนออกจากหอการค้าทั่วไปก่อน
ในเวลานี้หอการค้าทั่วไปวุ่นวายจนเลอะเป็นโจ้กแล้ว คนทั้งหลายล้วนแย่งกันเฮโลอยากจะถอนออกจากหอการค้าทั่วไป
ถึงแม้ว่าหลันเฟิงหลิงฉลาดก็นึกไม่ถึงว่าสภาวการณ์จะเดินไปยังขั้นนี้ ประเด็นหลักคือหลันเฟิงหลิงคิดว่าเนี่ยเฟิงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นศรัตรูกับประเทศ เพราะว่าทำเช่นนี้จะทำให้กระเทือนถึงเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อGDP
แต่ว่าเนี่ยเฟิงไม่เพียงแค่ทำได้แล้ว ยังทำลายทั้งหอการค้าไปด้วย อีกทั้งคนที่ใกล้จะล้มละลายนับไม่ถ้วน พวกเขาล้วนเป็นคนที่คอยซ้ำเติมในตอนต้นเหล่านั้น
หลันเฟิงหลิงอยากจะหาเนี่ยเฟิงให้เจออย่างบ้าคลั่ง แต่เนี่ยเฟิงกับชิวมู่เฉิงทั้งสองคนได้ออกจากหอการค้าทั่วไปไปแล้ว พวกเขาทั้งสองคนกลับถึงโรงแรมแล้ว
ในเวลานี้ชิวมู่เฉิงนั่งอยู่บนโซฟาของห้องชุดใช้สายตาที่พิจารณาดูอย่างรอบคอบจ้องมองไปยังเนี่ยเฟิง
“เรื่องในครั้งนี้แกจะอธิบายยังไงล่ะ? ฉันรู้ว่าก่อนหน้านั้นอาจจะเป็นไปได้มากที่แกล้วนปกปิดบางอย่างอะไรกับฉันเช่นกัน ปัจจุบันนี้ฉันหวังว่าแกจะพูดออกมา”
เนี่ยเฟิงรู้ว่าตนเองทำเรื่องเช่นนี้ออกมา ย่อมจะทำให้ชิวมู่เฉิงรู้สึกสงสัยงงงวยอยู่แล้ว
อีกทั้งเพียงอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆก็ทำให้หกอันดับยักษ์ใหญ่ล้มละลาย ปัจจุบันนี้ยิ่งเป็นนักธุรกิจหกเจ็ดร้อยคนที่ใกล้จะล้มละลาย นี่ที่ไหนจะเป็นเรื่องที่คนธรรมดาสามารถทำได้ล่ะ?
ชิวมู่เฉิงรู้สึกว่านี่เหลือเชื่อมากเกินไปแล้ว
เนี่ยเฟิงกะพริบตาแล้วกะพริบตาอีก นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของชิวมู่เฉิง คิดแล้วคิดอีก จากนั้นเอ่ยปากพูดว่า “พี่ใหญ่ เรื่องนี้ผมปกปิดคุณไปนานมากแล้วจริงๆ เพราะผมไม่รู้ว่าควรเริ่มพูดจากตรงไหน”