พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 485 ฝีมือรวดเร็วรุนแรง
เนี่ยเฟิงบอกกับชิวมู่เฉิงว่าหมิงอี๋หานก็รู้สถานะเรื่องนี้ของตนเองเช่นกัน
ชิวมู่เฉิงรู้แจ้งกระจ่างในฉับพลัน “มิน่าล่ะฉันว่าทำไมน้องสี่จะปกปิดช่วยแก ที่แท้พวกแกทั้งสองสมรู้ร่วมคิดกันมานานแล้ว”
ในสายตาของชิวมู่เฉิงแฝงไว้ด้วยความตำหนิเล็กน้อย
เนี่ยเฟิงรู้สึกเขินลูบหัวตนเองลูบแล้วลูบอีก หลังจากเปิดเผยกับพี่ใหญ่แล้ว เนี่ยเฟิงรู้สึกตนเองโล่งอกไปที
ถึงแม้ว่ายังมีพี่ๆห้าคนที่ไม่รู้สถานะของเขา แต่นี่ก็ยังเป็นการเริ่มต้นที่ดี
“หอการค้าทั่วไปเอะอะโวยวายกลายเป็นแบบนี้ เมืองซานเจียงคาดว่าจะพัดกระพือบรรยากาศที่ฆ่าอย่างบ้าคลั่งแล้ว คนของตระกูลหลันไม่ได้แส่หาเรื่องง่ายขนาดนั้น”
ชิวมู่เฉิงจิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่ายเล็กน้อยจ้องมองเนี่ยเฟิง “แกคิดว่าจะทำยังไงล่ะ?”
“พี่ใหญ่ ผมให้สำนักมังกรรับมือวิสาหกิจเหล่านั้นไว้แล้ว เก็บพวกเขาไว้ผมก็รู้สึกว้าวุ่นใจ มิสู้ฆ่าล้างไปพร้อมกันเสียเลยดีกว่า ตระกูลหลันมีฝีมือเล็กน้อยจริงๆ แต่ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมแต่ปัจจุบันนี้พวกเขาล้วนซ่อนเร้นอยู่ในที่ลับ พวกเขาย่อมจะแก้แค้นผมอย่างแน่นอน ดังนั้นผมคิดว่าจะทำให้พวกเขาปรากฏตัวด้วยตัวเอง อย่างนี้ผมก็จะสืบตามเบาะแสได้ หาเบาะแสของชิปเจอได้แล้ว”
คิ้วที่งดงามของชิวมู่เฉิงขมวดขึ้นมาเลย “ถ้าแกจะทำเช่นนี้ล่ะก็ อันตรายมากเกินไปแล้วจริงๆ”
เนี่ยเฟิงก็รู้ว่าชิวมู่เฉิงย่อมจะเป็นห่วงตนเองแน่นอน ดังนั้นเขาส่งสายตาที่มั่นคงยืนหยัดมากๆให้กับชิวมู่เฉิงหนึ่งที “พี่ใหญ่ ผมสามารถสงบสุขรอดตายจากเสียงกองกำลังเป็นหมื่นๆพันๆ นั่นก็แสดงให้เห็นว่าผมมีฝีมือที่เหนือกว่าคนธรรมดาอยู่ พวกเขาคนกลุ่มนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมยิ่งกว่านั้นผมก็จะระมัดระวังให้มากกว่า จะไม่ให้พวกเขามีโอกาสทำร้ายผม พูดได้อีกว่าไม่เข้าถ้ำเสือไหนเลยจะได้ลูกเสือเล่า?”
ชิวมู่เฉิงกำกำปั้นไว้ จากนั้นจึงค่อยๆปล่อยออก
“ฉันรู้ความหมายของแกแล้ว งั้นแกก็วางใจไปทำเถอะ ไม่ต้องกังวล”
ได้รับการสนับสนุนและความเข้าใจจากชิวมู่เฉิง เนี่ยเฟิงรู้สึกดูเหมือนหัวใจดวงหนึ่งสว่างขึ้นเยอะเลย
“ในเมื่อฉันรู้ถึงสถานะของแกแล้ว งั้นฉันหวังว่าวันหลังถ้าแกมีเรื่องอะไรสามารถมาปรึกษาหารือๆกับฉันมากหน่อย และอย่าระวังตัวไว้เหมือนเช่นดั่งฉันเป็นคนนอกคนหนึ่ง จุดนี้แกน่าจะทำได้มั้ง?”
ชิวมู่เฉิงจ้องมองไปยังเนี่ยเฟิงจริงจังมากๆ จากนั้นเธอพูดเสริมอีกคำว่า “ฉันรู้ว่าฉันอาจจะไม่สามารถช่วยเหลือแกมากเท่าไหร่ แต่ฉันก็หวังว่าถ้าแกมีอะไรอย่าแบกรับตัวคนเดียว”
เนี่ยเฟิงรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้เล็กน้อย “สำหรับผมมากล่าวแล้ว การคงอยู่ของพี่ใหญ่เป็นสิทธิพิเศษ คุณไม่ใช่ไม่มีประโยชน์อะไรกับผมเลย การคงอยู่ของพวกคุณสำหรับผมมากล่าวแล้วเป็นสิ่งที่พิเศษ”
เนี่ยเฟิงนึกถึงวันเวลาที่มืดฟ้ามัวดินในหลายปีนั้น เขาใช้ชีวิตอยู่ในความมึนชา ฆ่าคนยิ่งเยอะเขาก็ยิ่งไม่รู้ว่าการมีชีวิตต่อมีรสชาติอะไร
ถ้าหากไม่ใช่มีจิตใจที่อยากจะล้างแค้นกับมีคนที่กังวลอยู่ เป็นไปได้ยังไงที่เนี่ยเฟิงจะมีชีวิตอยู่ถึงปัจจุบันนี้ได้อีกล่ะ?
และหอการค้าทั่วไปในเวลานี้วุ่นวายจนเลอะเป็นโจ้ก ทั้งมณฑลซานเจียงล้วนตกอยู่ในความวุ่นวายที่น่ากลัว
ในเวลานี้พวกอยู่ชั้นบนที่บริหารจัดการมณฑลซานเจียงล้วนรู้เรื่องนี้แล้วเช่นกัน ดังนั้นเริ่มประชุมอย่างเร่งด่วน พวกเขาร่วมหารือว่าควรจะไปจัดการเรื่องนี้ยังไงอยู่
ก็อยู่ตอนที่พวกเขาร่วมหารือจนบรรยากาศคึกคักเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น มีสายโทรเข้ามาจากเขตทหาร
“เรื่องนี้ปล่อยไปไม่ต้องไปสนใจก็พอแล้ว ไม่ส่งผลกระทบต่อGDPของพวกเรามณฑลซานเจียง พวกคุณไม่ต้องเข้าแทรกเข้าร่วม”
ถึงแม้ว่าพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง แต่ว่าข้างบนล้วนพูดเช่นนี้แล้ว งั้นพวกเขาย่อมมีความสุขในความสบาย ถึงยังไงเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันจะให้พวกเขามาจัดการก็จะจัดการค่อนข้างยาก ปัจจุบันนี้ไม่ต้องให้พวกเขามาจัดการแล้ว พวกเขาดีใจยังไม่ทันล่ะ
ไม่มีการช่วยเหลือจากคนข้างบน ปัจจุบันนี้คนกลุ่มนี้ที่อยู่ในหอการค้าทั่วไปก็เหมือนเช่นดั่งแมลงวันที่ไม่มีหัวไม่มีทางที่จะขอความช่วยเหลือ ในยามปกติพวกเขาล้วนเป็นเด็กเส้นแต่ปัจจุบันนี้เส้นสายของพวกเขาล้วนใช้ไม่ได้แล้ว ล้วนไม่มีประโยชน์อะไร
คดีร้ายแรงบนทะเลฉากนั้นที่เกิดขึ้นไม่นานมีคนส่วนใหญ่เสียชีวิตไปแล้ว แม้ว่าคนเหล่านั้นล้วนเป็นไอ้คนที่ใจดำชอบปอกลอกคนอื่นเพื่อความร่ำรวย สามารถทำให้คนรู้สึกถึงความตื่นตระหนกตกใจ ปัจจุบันนี้หอการค้าทั่วไปก็ตกอยู่ในความวุ่นวายไปหมดนี่ยากที่จะไม่ทำให้คนคิดโยงไปถึง
ถ้าหากว่าเวลาที่เรื่องนี้ฮอตฮิตต่อไปค่อนข้างยาวล่ะก็ น่าจะจัดการค่อนข้างยาก แต่ทำให้คนตกใจก็คือ สมาชิกของหอการค้าทั่วไปต่างคนต่างถอนตัวออกจากหอการค้าทั่วไปพวกเขาล้มละลายระหกระเหินถึงขนาดใช้เวลาเพียงคืนเดียวเท่านั้น
และในคืนนี้มีคนมากมายคิดจนหัวแตกล้วนคิดไม่ออก พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องเกิดขึ้นถึงขั้นนี้แล้ว
วันรุ่งขึ้น เนี่ยเฟิงตื่นขึ้นมาตรวจดูมือถือสักหน่อย ข้างบนมีข้อความมากมายบอกกับเขาว่าสำนักมังกรได้รับซื้อบริษัทแห่งไหนแล้ว ปัจจุบันนี้ความคืบหน้าบรรลุถึงระดับใด ในข้อความล้วนทำการรายงานอย่างละเอียด
หลังจากเนี่ยเฟิงอ่านดูสองทีก็ไม่ได้อ่านอีกต่อไปเลย การจัดการเรื่องของกลุ่มผู้บริหารสำนักมังกรเขายังคงวางใจมาก พูดได้อีกว่า สำหรับเขามากล่าวแล้ว วิสาหกิจเหล่านั้นล้วนเพียงแค่วิสาหกิจขนาดเล็กบางส่วนเท่านั้น พวกเขาไม่ได้สร้างผลประโยชน์ที่มากกว่าให้กับสำนักมังกรเลย
แต่สำนักมังกรกลับสามารถมอบแรงกำลังที่มหัศจรรย์ให้กับพวกเขา
คืนเดียวเศรษฐกิจของมณฑลซานเจียงประสบเจอการขึ้นลงอย่างมาก อันดับแรกคือนักธุรกิจเหล่านั้นล้วนถอนตัวออกจากหอการค้าทั่วไป อีกทั้งการล้มละลายของพวกเขานำความเสียหายให้กับเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างมากจริงๆ
แต่เวลาของความเสียหายนี้ต่อกันเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ไม่นานผลประโยชน์ที่ใหญ่หลวงมืดฟ้ามัวดินบุกเข้ามาเลย
ผู้คนอุทานด้วยความตื่นตะลึงพบเห็นว่า หุ้นของบริษัทที่ถูกรับซื้อเหล่านั้นหลังจากเปิดตลาดหุ้นในเช้าวันนี้นับวันจะเจริญรุ่งเรือง
ความเร็วนั้นกับเมื่อก่อนล้วนไม่สามารถทัดเทียมได้ ชั่วพริบตาเดียวตลาดหุ้นแดงเป็นส่วนใหญ่ นี่เหมือนเช่นดั่งโปรยเงินจริงๆ
ผู้เชี่ยวชาญในการคาดการณ์หุ้นล่วงหน้าทั้งหมดตั้งแต่เช้าก็ถูกสภาพที่อยู่ต่อหน้าทำจนตลึงตาค้างเลย
พวกเขาไม่ได้คาดเดาถึงว่าจะมีสภาพการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเลยสักนิด
คนที่ได้ซื้อหุ้นเหล่านี้พอดี ตอนนี้ล้วนดีใจจนเบิกบานแล้ว เพราะว่าพวกเขาได้เงินก้อนหนึ่้งอย่างโหดร้าย
และเช้าวันนี้วิสาหกิจที่ถูกรับซื้อเกือบจะหกร้อยกว่าแห่งทำการเปลี่ยนเถ้าแก่ใหม่แล้ว และเถ้าแก่ใหม่เหล่านี้ล้วนเป็นสมาชิกในทีมระดับเอก,โท,ตรี,จัตวาในสำนักมังกรของเนี่ยเฟิง
เนี่ยเฟิงวางแผนตามขนาดใหญ่เล็กของวิสาหกิจให้กับพวกเขา
อีกทั้งทำการปลอบโยนพนักงานที่อยู่ภายใต้ให้ดีๆ ล้วนเพิ่มเงินเดือนให้กับพวกเขาพร้อมกัน ทำให้พวกเขาเหมือนเช่นดั่งกินยาเสริมความมั่นใจอุทิศตนเองเพื่อบริษัทต่อไป
สำหรับพนักงานมากล่าวแล้ว เงินเดือนย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่แล้ว
เดิมทีชิวมู่เฉิงยังกังวลมาก วิสาหกิจเกือบจะหกร้อยกว่าแห่งประกาศล้มละลายจะเกิดความยุ่งยากอย่างมากหรือไม่
เพียงนึกไม่ถึงความยุ่งยากกลับไม่ได้เกิดขึ้น แถมยังตรงกันข้ามกันพวกเขายังนำเศรษฐกิจในพื้นที่พุ่งขึ้นอย่างมาก
ถ้าหากว่าไม่ใช่การออกแถลงการณ์ประกาศล้มละลายยังวางไว้อยู่ที่นั่น ชิวมู่เฉิงก็จะคิดว่าเป็นการวางฉากของนายทุนอีกแล้ว
ชิวมู่เฉิงรู้ว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเนี่ยเฟิงทำ ดังนั้นสายตาที่เธอจ้องมองไปยังเนี่ยเฟิงกลายเป็นไม่ธรรมดามากเช่นกัน หลังจากเนี่ยเฟิงสังเกตถึงสายตาของชิวมู่เฉิง เขาเงยหน้าขึ้นยิ้มอยู่ถามว่า “พี่ใหญ่ ทำไมใช้สายตาแบบนี้จ้องมองผมล่ะ? บนใบหน้าของผมมีของอะไรอยู่เชียวเหรอ?”
“บนใบหน้าของแกไม่มีของอะไร เพียงแค่ฉันรู้สึกว่าแต่ก่อนฉันล้วนประเมินค่าแกต่ำไปแล้ว นึกไม่ถึงแกถึงขนาดมีฝีมือเช่นนี้”
เนี่ยเฟิงอดไม่ได้ที่จะแสยะปากยิ้มหนึ่งที “แท้ที่จริงนี่ก็ไม่มีอะไร เพียงแค่ใช้วิธีของคนนั้นไปลงโทษตัวคนนั้นเองเท่านั้น พวกเขาทำความชั่วไว้มากมาย ตามหลักควรได้รับกรรมตามสนอง เพียงแค่บริษัทมากมายขนาดนั้น ผมบริหารไม่ไหวจริงๆ”