พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 486 การเชื้อเชิญของเธอ
ชิวมู่เฉิงมีความตื่นตัวเล็กน้อยจ้องมองไปยังเนี่ยเฟิง จากนั้นทำตายี๋แล้วทำตายี๋อีก
“แกน่าจะไม่ได้คิดว่าจะให้ฉันช่วยแกบริหารจัดการบริษัทมั้ง?”
“ผมไม่ได้อยากจะให้พี่ใหญ่ช่วยผมบริหารจัดการบริษัท แต่อยากจะให้บริษัทหลายแห่งแก่พี่ใหญ่คุณก็รู้ว่ากิจการอยู่ในมือมากไปแล้ว ก็อาจจะสับสนวุ่นวายยุ่งอุตลุดไปได้”
คำพูดเหล่านี้ของเนี่ยเฟิงพูดอย่างไม่มีความกดดันสักนิดจริงๆ แต่ว่าความสามารถที่จะพูดให้ยอมรับสักนิดก็ไม่มี ชิวมู่เฉิงก็ไม่ใช่คนโง่ เธอย่อมรู้ว่าเนี่ยเฟิงก็คืออยากจะยัดบริษัทให้กับตัวเธอเอง
“ไม่ใช่มีกิจการมากมายอยู่ในมือของพวกแกสำนักมังกรเหรอ? ลักษณะท่าทีดูแล้วล้วนไม่เหมือนจะสับสนวุ่นวายยุ่งอุตลุดสักนิดเลย แต่ก่อนมีรูปแบบอะไร งั้นก็ทำตามรูปแบบอย่างนั้นก็พอแล้ว”
ได้ยินชิวมู่เฉิงปฏิเสธตัวเขาเองอย่างใจเย็นขนาดนั้น เนี่ยเฟิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจหนึ่งที
“พี่ใหญ่ คุณก็รู้น้ำจิตน้ำใจของผมเช่นกัน ตลอดเวลาพวกคุณล้วนคิดเพื่อผมอยู่ ไปวิ่งเต้นบากบั่นเพื่อผมหลายปีขนาดนั้น ตลอดเวลาก็ไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้ในการตามหาผม ดังนั้นผมรู้สึกผิดมาก ผมหวังว่าผมจะสามารถทำการชดเชยสักหน่อย”
เนี่ยเฟิงพูดอยู่สัตย์ซื่อจริงใจมากๆจ้องมองไปยังชิวมู่เฉิง “พี่ใหญ่ไม่ยอมรับปากการร้องขอเล็กๆอย่างนี้ของผมเลยเชียวเหรอ? หรือว่าพี่ใหญ่รู้สึกว่าการบริหารจัดการบริษัทเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากเรื่องหนึ่งล่ะ?”
ชิวมู่เฉิงอยู่ด้านทำธุรกิจการค้ามีฝีมือของตนเองอย่างแท้จริง อีกทั้งถึงแม้ว่าไม่พึ่งพาอาศัยหน้าตาที่งดงาม เธอก็สามารถอาศัยพลังความสามารถทำให้วิสาหกิจพัฒนาขยายขึ้นมาได้เช่นกัน
“ถ้าหากพี่ใหญ่ไม่รับปากล่ะก็ งั้นผมก็ให้วิสาหกิจเหล่านี้ล้วนโยกย้ายไปเลยเถอะ ให้พนักงานเหล่านี้ไปเกิดเองตายเองด้วยตนเองเถอะ”
เนี่ยเฟิงพูดอยู่แม้แต่ข้าวก็ไม่กินแล้ว ลักษณะท่าทีดูแล้วเหมือนดั่งจิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่ายแบบนั้น ในใจชิวมู่เฉิงคิดอยู่ว่าไอ้หนุ่มนี่ช่างเจ้าเล่ห์มากนะ
“ฉันสามารถบริหารจัดการบริษัทหลายแห่งแทนแก แต่ว่าแกเอาบริษัทเหล่านั้นวางไว้ใต้ชื่อฉันไม่ได้”
ความคิดเดิมของเนี่ยเฟิงคิดที่จะเอาทรัพย์สมบัติเหล่านั้นล้วนโอนไปไว้ใต้ชื่อของชิวมู่เฉิง อย่างนี้ชิวมู่เฉิงก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกคนที่ร่วมกิจกรรมถือเอาเงินทุนต่างๆมาเป็นเงื่อนไขขู่เข็ญต่างๆนานา
แต่ว่าชิวมู่เฉิงฉลาดจริงๆ แม้ว่าเธอรับปากเนี่ยเฟิงแล้ว แต่ตามความจริงรับปากช่วยเนี่ยเฟิงบริหารจัดการบริษัทเท่านั้น
แท้ที่จริงแล้วนี่ก็ดีมากเช่นกัน อย่างน้อยชิวมู่เฉิงยอมถอยอีกก้าวหนึ่ง เนี่ยเฟิงก็รู้สึกดีใจมาก
หลังจากทั้งสองคนกินอาหารเช้าเสร็จ เนี่ยเฟิงได้รับบัตรเชิญฉบับหนึ่ง บัตรเชิญฉบับนี้ดำมืดไปหมด ใช้ตัวอักษรสีทองสวยงามเขียนอยู่ข้างบนว่า “เชื้อเชิญคุณเนี่ยเฟิงคืนนี้เดินทางไปยังวิลล่าดอกกุหลาบอย่างสัตย์ซื่อจริงใจ หลันเฟิงหลิง”
ตอนที่เนี่ยเฟิงเห็นบัตรเชิญฉบับนี้ หัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง ดูแล้วผู้หญิงคนนี้จะระงับอารมณ์ไม่ไหวแล้วจริงๆ ถึงยังไงพวกเขาก็ได้ประสบกับความเสียหายอย่างยับเยินเช่นนี้
ตอนนี้หอการค้าทั่วไปสูญเสียซ้ำสองในครั้งเดียวเลย เดิมทีหลันเฟิงหลิงคิดที่จะวางแผนทำร้ายเนี่ยเฟิง แต่นึกไม่ถึงถูกเนี่ยเฟิงถึงขนาดพลิกกลับวางแผนทำร้ายไปก่อน ในปัจจุบันนี้หอการค้าใกล้จะยุบ
ไม่ว่าเป็นคนของลิ่วซานเหมินหรือว่าคนของสิบอันดับยักษ์ใหญ่หรืออาจจะป็นมหาเศรษฐีที่มีมหาอำนาจครองถิ่นหนึ่งในแต่ละเมืองแต่ละเขต ปัจจุบันนี้ล้วนตกอยู่ในความหวาดกลัวไม่เป็นสุข อีกทั้งเป็นเพราะว่าวิสาหกิจส่วนใหญ่ล้วนถูกสำนักมังกรรับซื้อไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้มณฑลซานเจียงคลุมเครือกลายเป็นโลกหล้าของสำนักมังกรแล้ว
ยังจะมีคนกล้าเป็นศัตรูกับสำนักมังกรที่ไหนล่ะ ถึงยังไงสำนักมังกรก็เป็นเป้าหมายที่แส่หาเรื่องไม่ง่ายจริงๆ
เนี่ยเฟิงไม่ได้เล่าเรื่องที่ได้รับบัตรเชิญฉบับนี้ให้กับชิวมู่เฉิงฟังเลย
ถ้าชิวมู่เฉิงรู้เรื่องนี้ย่อมจะกังวลเป็นพิเศษแน่นอน ยิ่งกว่านั้นคืนนี้หลันเฟิงหลิงเชื้อเชิญตัวเขาเองไปเข้าร่วมงานเต้นรำ ย่อมจะไม่มีเรื่องดีอะไรแน่นอน วิลล่าดอกกุหลาบเป็นกิจการของหลันเฟิงหลิง หลันเฟิงหลิงเชื้อเชิญเขาไปที่นั่น เกรงว่าจะเป็นการวางตาข่ายดักแน่นหนาแล้ว
เนี่ยเฟิงเริ่มตั้งแต่แรกก็ประชิดต่อหลันเฟิงหลิงทีละก้าวอย่างแน่น ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวลึกขนาดไหน เธอก็น่าจะถูกบีบจนร้อนใจแล้วเช่นกัน ปัจจุบันนี้ในมือไม่มีไพ่ตายอะไรที่จะหยิบออกมาใช้ได้เลย
เนี่ยเฟิงกลับอยากจะดูว่าหลันเฟิงหลิงตกลงคิดอยากจะทำอะไรกันแน่
ในเวลานี้หลันเฟิงหลิงสูญเสียพลังอย่างร้ายแรง หอการค้าทั่วไปใกล้จะยุบ หลันเฟิงหลิงได้ควักเงินก้อนใหญ่ออกมาจริงๆ
เดิมทีหลันเฟิงหลิงคิดว่าจะสามารถทำให้เนี่ยเฟิงได้รับความพ่ายแพ้ ใครจะรู้ว่าเนี่ยเฟิงมีฝีมือถึงขนาดนี้
แน่นอนอยู่แล้ว เป็นไปได้ยังไงที่หลันเฟิงหลิงผู้หญิงคนนี้จะปล่อยเนี่ยเฟิงไปได้อีกล่ะ?
“คุณนายบัตรเชิญผมส่งไปถึงแล้ว พวกเราจะลงมือคืนนี้เลยเหรอ? ไม่แจ้งคุณท่านพวกเขาเลยเหรอ?”
เลขาที่อยู่ข้างกายหลันเฟิงหลิงมาโดยตลอดคนนั้นสีหน้าหนักอึ้งจ้องมองไปยังเธอ ในเวลานี้หลันเฟิงหลิงส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก
“ไม่จำเป็นต้องบอกกับเขา นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นเกียรติยศอีก”
ตาคู่นั้นของหลันเฟิงหลิงที่สวยงามหย่อนลงมาเลย ตอนที่เธอหลับตาทั้งคู่สิ่งที่นึกถึงก็คือใบหน้าใบนั้นของเนี่ยเฟิง
เธอถอนหายใจออกอย่างหนักหน่วงหนึ่งที “เดิมทีก็พัวพันกันกับตระกูลพวกเขายุ่งเหยิงไปหมดอยู่แล้ว ปัจจุบันนี้สามารถทำการจบสิ้นได้พอดี เรื่องนี้คุณไม่จำเป็นต้องบอกกับสามีของฉัน ช่วงนี้เขายุ่งยากกับเรื่องจิปาถะทางโลกอยู่ อย่าให้เขาเป็นห่วงเรื่องของฉันอีก ฉันมีแผนการของฉันเอง”
เลขาพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก สายตาของเขามืดมนไม่ชัดเจน
เข้าสู่กลางคืน รถหรูหราขับอยู่บนถนนคดเคี้ยวอย่างรวดเร็ว ที่นี่ไม่มีรถผ่านคนน้อย กลับมีวิลล่าโออ่าหรูหราหลังหนึ่งปลูกสร้างตั้งอยู่ในป่าเขา
นอกวิลล่านี้ปลูกดอกกุหลาบแดงจำนวนมากมาย ด้วยเหตุนี้ก็ถูกเรียกว่าวิลล่าดอกกุหลาบอีก
แม้ว่าอากาศเย็นลงแล้ว แต่กุหลาบที่อยู่บนภูเขากลับเบ่งบานอยู่
รถหรูหราสีดำจอดอยู่ข้างๆ มีวัยรุ่นคนหนึ่งเดินลงมาจากรถ เห็นเพียงเขาเดินไปยังข้างหน้าอย่างสงบสบาย บนใบหน้าไม่มีสีหน้าใดๆ
ย่างก้าวของเขาเบาไวมาก ไม่นานก็มาถึงหน้าประตูของวิลล่าดอกกุหลาบ และในวิลล่าดอกกุหลาบไฟสว่างมากก็เหมือนเช่นดั่งจัดงานราตรีกระทั่งยังส่งเสียงดนตรีวอลตช์มาเป็นระยะๆ
คนที่ไม่รู้ยังคิดว่าข้างในจัดงานเต้นรำอยู่ล่ะ แต่ว่าอยู่ในป่าเขาอย่างนี้ มีวิลล่าที่โออ่าหรูหราเช่นนี้ ก็เป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
เนี่ยเฟิงเก็บสายตากลับ เดินไปยังบันไดด้านข้าง เขาเดินเข้าไปเลย ประตูใหญ่เปิดอยู่ เขาเดินเข้าไปก็ได้เห็นผู้หญิงที่สวมใส่ชุดราตรีสีฟ้าคนหนึ่งกำลังเต้นรำอย่างว่องไวสง่างามอยู่ในห้องโถงใหญ่
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนอื่น เป็นหลันเฟิงหลิงนั่นเอง ในเวลานี้ยามนี้หลันเฟิงหลิงกำลังหมุนอยู่ตรงกลางฟลอร์เต้นรำ ต้องบอกว่า ถึงแม้เป็นหญิงวัยกลางคนแล้ว แต่ว่าเสน่ห์ผู้หญิงของหลันเฟิงหลิงกลับยังคงมีอยู่เหมือนเดิม
ดนตรีจบลง เนี่ยเฟิงอยู่ข้างบนปรบมือแล้วปรบมืออีก “คุณนายหลันช่างไม่ธรรมดาสามัญจริงๆนะ ในเวลานี้ถึงขนาดยังเต้นรำอยู่เหรอ?”
หลันเฟิงหลิงเก็บมือกลับมา ใช้ตาที่ดำปิ้ดปี๋จ้องมองไปยังเนี่ยเฟิง
“ฉันช่างไม่รู้จริงๆ ที่แท้ฝีมือของคุณแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น”
“งั้นตอนนี้คุณรู้แล้ว แท้ที่จริงก็ไม่สาย ผมตามหาความจริงตามหานานขนาดนั้น ในที่สุดก็ตามหาถึงบนหัวพวกคุณแล้ว มีเรื่องหนึ่งอยากจะถามคุณสักหน่อยพอดี”
ในเวลานี้เนี่ยเฟิงอยู่ข้างบนบันได ดังนั้นเขาอยู่มุมสูงจ้องมองไปยังข้างล่าง
“คุณอยากจะถามว่าในปีนั้นคนที่วางแผนคดีร้ายแรงบนทะเลคนนั้นเป็นฉันใช่หรือไม่? ทำไมฉันต้องขุดรากถอนโคนตระกูลเนี่ยเหรอ?”
หลันเฟิงหลิงเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมากๆคนหนึ่งจริงๆ ตั้งแต่แรกเธอก็สังเกตถึงความคิดของเนี่ยเฟิงแล้ว
“ผมรู้ว่ายาห้ามใช้ที่พวกคุณผลิต และคุณก็น่าจะรู้ด้วยว่าครั้งก่อนเรื่องจุดซ่อนของพวกคุณถูกฝ่ายทหารทำลายผมก็ได้เข้าร่วมอยู่ในนั้น”
เนี่ยเฟิงทำตายี๋แล้วทำตายี๋อีก “เพราะว่าพัวพันถึงเรื่องของผลประโยชน์ ดังนั้นพวกคุณไม่อนุญาตให้คนของตระกูลเนี่ยมีชีวิตอยู่ต่อ จุดนี้ผมก็รู้เช่นกัน”