พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 492 ฝีมือการทำอาหารเก่งมาก
เนี่ยเฟิงรู้ว่าตาแก่ไป๋กำลังบอกเป็นนัยกับตนเองอยู่ แต่ว่าเขาไม่ได้พูดอะไร
หยูจิงหงปรึกษาหารือกับตาแก่ไป๋อีกรอบ จากนั้นจึงออกจากออฟฟิศของตาแก่ไป๋ หลังจากทั้งสองคนออกไปแล้วหยูจิงหงถามเนี่ยเฟิงว่า “เสี่ยวเฟิงเมื่อกี้ตาแก่ไป๋พูดอะไรกับแกเหรอ?”
“ก็แค่ถามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับยาถอนพิษของยาห้ามใช้บางอย่าง ช่วงนี้พวกเราล้วนค้นคว้าวิจัยสิ่งนี้อยู่โดยตลอด แต่ว่าไม่มีชิปที่สมบูรณ์ครบถ้วน พวกเรายังไม่ชัดเจนถึงส่วนประกอบหลักข้างในนี้ว่าคือวัตถุอะไร”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ งั้นช่างลำบากพวกแกแล้วจริงๆ” หยูจิงหงใช้สายตาที่ซาบซึ้งในบุญคุณจ้องมองไปยังเนี่ยเฟิง “ถ้าหากว่าไม่มีพวกแกก็ไม่รู้ว่าพวกเหยื่อทดลองที่โดนยาพิษเหล่านั้นควรจะทำยังไงดีล่ะ”
“นี่ก็เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำอยู่แล้ว” เนี่ยเฟิงแสยะปากยิ้มหนึ่งที “เพียงแค่นึกไม่ถึงว่าจะให้พวกเขาวิ่งหนีไปได้ อีกทั้งยังวิ่งหนีไปถึงสถานที่ที่มีความรู้สึกไวขนาดนั้น ปัจจุบันนี้พวกคุณอยากจะไล่ตามก็ไล่ตามไม่ได้แล้วใช่ไหม?”
หยูจิงหงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก “เป็นอย่างนี้จริงๆ ตอนนี้พวกเราไม่สามารถส่งคนไปถึงที่นั่น ถึงแม้ว่าเพียงแค่ไปดูสภาพการณ์พวกเราก็ดูไม่ได้เช่นกัน แกอยู่เมืองนอกก็น่าจะเคยผ่านเรื่องที่เมืองจันทร์ทองคำมาก่อนไม่น้อย นั่นเดิมทีเป็นประเทศที่ใหญ่แห่งหนึ่ง ต่อมาเพราะว่าความขัดแย้งทางทหารดังนั้นแตกแยกกลายเป็นสามพันธมิตร ปัจจุบันนี้สามพันธมิตรนี้ทั้งอยู่ในสภาวะไฟแห่งสงครามไม่หยุดยั้งตลอดทั้งปี ใครก็ไม่กล้าไปก้าวก่าย ถึงแม้ว่าพันธมิตรเป็นเนื้อติดมันชิ้นหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ที่ใครล้วนจะสามารถกลืนกินได้”
แค่คำสองคำของหยูจิงหงก็เล่าสภาพการณ์ในปัจจุบันนี้ของเมืองจันทร์ทองคำออกมาแล้ว ตามความจริงแต่ก่อนเนี่ยเฟิงก็รู้เรื่องของเมืองจันทร์ทองคำมานานแล้ว
“หวังว่าเรื่องนี้จะสามารถแก้ตกไปได้อย่างง่ายดาย”
“หวังว่าเป็นเช่นนี้เถอะ มา ฉันส่งแกกลับไปก่อน”
หยูจิงหงพูดอยู่ขึ้นรถเลย
เดิมทีเนี่ยเฟิงคิดจะกลับไปเอง แต่ไม่ว่ายังไงหยูจิงหงล้วนไม่ให้เนี่ยเฟิงกลับไปตัวคนเดียว
ตอนที่ใกล้ช่วงบ่ายรถกลับถึงอ่าวหยกเขียว เพิ่งจอดอยู่หน้าประตู พวกเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่ครึกครื้นรื่นเริงส่งมาจากข้างในพักหนึ่ง ทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะอึ้งชะงัก
“เป็นเรื่องอะไรที่ทำให้พวกพี่น้องหัวเราะจนดีใจขนาดนั้นล่ะ?” ในเวลานี้หยูจิงหงก็มีความอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อยเช่นกัน ทั้งสองคนสบตากันหนึ่งที ล้วนคิดที่จะเข้าไปดูสักหน่อย
หลังจากผลักประตูออก เนี่ยเฟิงเห็นคุณตาเลย ชั่วพริบตาเดียวเขานิ่งอึ้งไปแล้ว “คุณตา?!”
นานมากขนาดไหนแล้วที่เขาไม่ได้เจอคุณตา นอกจากแค่ตอนที่กลับมาได้ไปเยี่ยมเยียนคุณตาสักครั้ง นานขนาดนี้แล้วแม้แต่โทรติดต่อคุณตาก็ไม่เคย ประเด็นหลักเป็นเพราะว่าเนี่ยเฟิงใจจดใจจ่อไปแก้แค้นอยู่โดยตลอด บวกกับไม่อยากทำให้คุณตาพัวพันไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นล้วนไม่ได้ติดต่อมาโดยตลอด
คุณตาล้วนอยู่ในภูเขาลึกๆมาโดยตลอดน้อยมากที่จะออกมา นึกไม่ถึงครั้งนี้ถึงขนาดลงจากภูเขาแล้ว! นี่ก็เป็นจุดที่ทำให้เนี่ยเฟิงรู้สึกประหลาดใจ
แต่ก่อนแม้ว่าคุณตาพักอยู่ในภูเขาลึกๆเช่นกัน แต่ยามปกติเขายังคงมีการติดต่อคนในบ้านอยู่ โดยเฉพาะมารดาของเนี่ยเฟิง
เขามีเพียงแค่ลูกสาวคนนี้คนเดียว ย่อมรักทะนุถนอมอย่างยิ่งอยู่แล้ว ยามปกติอยู่ในภูเขาลึกๆเก็บอาหารป่าได้บ้าง เขาล้วนจะเอาไปให้กับพ่อแม่เนี่ยเฟิง
ต่อมาเพียงแค่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมา คุณตาก็ซ่อนอยู่ในภูเขาลึกๆไม่เจอกับคนมาโดยตลอด
ในตอนต้นเนี่ยเฟิงยังคิดว่าคุณตาถูกคนเหล่านั้นฆ่าไปแล้ว ตอนที่หาคุณตาเจอ เนี่ยเฟิงตื่นเต้นเหลือเกิน
“เสี่ยวเฟิง! ไอ้หยะ แกไอ้หนู รีบมาที่ข้างกายคุณตา!”
คุณตาดีอกดีใจกวักมือแล้วกวักมืออีกต่อเนี่ยเฟิง
“คุณตา ทำไมท่านหามาถึงที่นี่ได้ยังไงล่ะ? พวกเราล้วนย้ายบ้านแล้ว”
“อั้ยย่ะ! ดูแกพูดแบบนี้ซิ แกคิดว่าตาเฒ่าอย่างผมอยู่ในบ้านไม่ดูข่าวเหรอ!”
คุณตาอดไม่ไหวที่จะเหลือบมองเนี่ยเฟิงหนึ่งที เขารู้ว่าความแค้นใหญ่ของเนี่ยเฟิงแก้แค้นไปได้พอสมควรแล้ว รู้ว่าอยู่ในมณฑลซานเจียงไม่มีคนสามารถคุกคามพวกเขาได้อีกแล้ว ดังนั้นคุณตาก็เลยลงจากเขามาอยู่พร้อมหน้ากันกับพวกเขาอีกครั้ง
“ผมเห็นพี่ๆหลายคนของแกเติบโตอย่างแข็งแรง ในใจผมก็รู้สึกดีใจเป็นพิเศษ ในตอนต้นคือคุณตาไม่ดีเองเอาพวกแกไปฝากฝังให้ผู้อื่นดูแล อีกทั้งผมก็ไม่ได้ติดต่อกับพวกแกมาโดยตลอดเช่นกัน ก็ไม่รู้ว่าสภาพการณ์ของพวกแกเป็นยังไงบ้าง ทำให้พวกแกพบเจอกับความทุกข์ยากลำบากมากมาย ขอโทษพวกแกจริงๆ”
คุณตาพูดถึงตรงนี้อดไม่ไหวที่จะเช็ดน้ำตาที่อยู่หางตาเขา พูดตามตรงเขาช่วยเด็กหญิงหลายคนนี้อบรมเลี้ยงดูจนโตก็ได้ทุ่มเทความรักเช่นกัน
ในปีนั้นในกายของเด็กหญิงหลายคนนี้โดนยาพิษประหลาด คุณตาใช้เวลานานมาก จึงขับไล่สารพิษที่อยู่ในร่างกายของพวกเธอออกไปได้
ถึงแม้ว่าฝีมือการรักษาโรคของคุณตาเลิศล้ำ ก็ใช้เวลามากเกือบครึ่งปีเช่นกันล่ะ
“คุณตาท่านไม่ต้องพูดเช่นนี้ อีกทั้งในเวลานั้นเหตุการณ์เลวร้ายอยู่ในจุดร้อนแรง ท่านวางแผนอย่างนี้สำหรับพวกเราสำหรับท่านมากล่าวแล้วล้วนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเลย”
คางเมิ่งส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก ในตาโตคู่นั้นเต็มเปี่ยมด้วยน้ำตา วันนี้เธออยู่ในกองถ่ายได้ยินพี่ใหญ่พูดถึงข่าวที่คุณตามา ชั่วพริบตาเดียวเธอรู้สึกเหลือเชื่อ กระทั่งล้วนไม่ทันที่จะบอกกับคนของกองถ่ายสักหน่อย เธอก็เลยรีบเร่งกลับถึงบ้านอย่างรีบร้อน
นอกจากนี้แล้วยังมีพี่ๆคนอื่นๆหลายคนก็เป็นเช่นกัน เพียงหนึ่งเดียวที่ไม่ได้รับแจ้งก็คือเนี่ยเฟิงกับหยูจิงหง
ประเด็นหลักเป็นเพราะว่าฐานลับที่นั่นมีเครื่องตัดสัญญาณ ใช้เพียงสัญญาณเฉพาะของเขตทหารจึงจะสามารถรับข้อความได้ นอกจากนี้แล้วมือถือโทรศัพท์ทั้งหมดต่างๆล้วนไม่สามารถรับสัญญาณได้
“เมื่อกี้พี่ใหญ่โทรหาพวกแกบอกว่าโทรไม่ติด ฉันครุ่นคิดอยู่พวกแกน่าจะยุ่งอยู่ น่าจะอีกสักครู่ก็กลับมาแล้ว เป็นอย่างที่คิดไว้ใช่จริงๆนะ”
ก็เห็นได้ชัดว่าขอบตาเย่หรูเสว่แดงเช่นกัน เวลาห่างไกลหลายปีขนาดนั้นในที่สุดก็ได้เจอกับคุณตาอีกครั้ง เห็นคุณตาปลอดภัยร่างกายแข็งแรง พวกเธอก็ดีใจมากเช่นกัน
“ครั้งนี้ผมออกจากภูเขาเอาอาหารป่ามาให้กับพวกแกไม่น้อย! เสี่ยวเฟิง! ได้ยินว่าฝีมือการทำอาหารของแกเก่งมาก แกรีบจัดการๆทำอาหารโต๊ะหนึ่งให้กับพวกเราเถอะ คืนนี้พวกเราก็มากินข้าวหวนกลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน!”
ดูออกได้ว่าคุณตาดีใจมากๆ
เนี่ยเฟิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกอย่างรีบเร่งมาก เขามาหาเนี่ยเหล่าสี่ เนี่ยเหล่าสี่รู้ถึงว่าคุณตาของเนี่ยเฟิงมา ก็ตกใจมากๆเช่นกัน “คุณท่านยังมีชีวิตอยู่เหรอ?!”
พอเนี่ยเหล่าสี่พูดคำนี้ออกมา ทันใดนั้นเขาสังเกตถึงว่าตนเองย่อมพูดผิดแล้วแน่นอน
“คุณจะคิดเช่นนี้ก็เป็นเรื่องปกติมาก คนทั้งหลายล้วนคิดว่าคนของตระกูลหลักตระกูลเนี่ยตายไปหมดแล้ว พวกเราอย่าเพิ่งพูดสิ่งเหล่านี้ก่อนเลย คุณไปให้คนส่งวัตถุดิบอาหารที่ดีๆมา ผมเขียนรายการเรียบร้อยแล้ว ไปซื้อตามนี้ก็พอแล้ว”
เนี่ยเหล่าสี่รีบพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก หลังจากหยิบรายการก็ออกไปเลย วินาทีเดียวเขาก็ไม่กล้าล่าช้าเช่นกัน ส่วนเนี่ยเฟิงและคนอื่นๆนั่งอยู่ในห้องรับแขกพูดคุยเป็นเพื่อนกับคุณตา
“คุณตาท่านเอาของอะไรมาล่ะ? ทำไมเยอะขนาดนั้นล่ะ?”
ในเวลานี้คางเมิ่งชี้ไปยังกล่องหลายอันที่วางอยู่ข้างประตูชี้แล้วชี้อีกอย่างดื้อด้าน ก็ไม่รู้ว่าชายชราอย่างคุณตาหิ้วกล่องเหล่านี้มาได้ยังไงล่ะ
พอคางเมิ่งนึกถึงคุณตาเดินเหินเตาะแตะถือกล่องใหญ่หลายอันนี้ ทันใดนั้นก็เม้มปากเลย “คุณตาถือของเหล่านี้มาย่อมเหนื่อยมากเลยใช่ไหม?”
คุณตาจ้องมองกล่องหลายอันนั้นหนึ่งที ยิ้มอยู่โบกมือแล้วโบกมืออีก “ไม่เหนื่อย ไม่เหนื่อย ผมให้คนส่งมาก่อนตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อกี้ผมให้คนขับสามล้อช่วยผมลากเข้ามา ไม่ได้เสียแรงกำลังอะไร!”
นึกไม่ถึงคุณตาถึงขนาดยังส่งไปรษณีย์เป็น คางเมิ่งพ่นเสียงหัวเราะออกมาเลย “งั้นตกลงว่าเป็นอะไรกันแน่ล่ะ?”
“เป็นหนังสือเคล็ดลับวิชาที่ผมเก็บสะสมมาหลายปี ผมครุ่นคิดอยู่ว่าพวกแกล้วนเติบโตแล้ว ก็สามารถฝึกฝนหนังสือเคล็ดลับวิชาเหล่านี้ได้แล้ว ดังนั้นผมเอาเข้ามาหมดเลย!”
คุณตาหัวเราะ ฮึๆ เดินเข้าไป เปิดกล่องออก เยี่ยมมาก ชั่วพริบตาเดียวฝุ่นละอองกระจายไปทั่ว!