พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 495 เรียนต่อต่างประเทศ
คางเมิ่งบ่นเสียงหนึ่ง บิดขี้เกียจหนึ่งที ค่อยๆลืมตาขึ้น นี่จึงพบเห็นว่าสิ่งที่อยู่ต่อหน้าถึงขนาดเป็นกล้ามเนื้อแขนที่แข็งแกร่งของเนี่ยเฟิง
ชั่วพริบตาเดียวคางเมิ่งก็ตื่นตะลึงเลย “ฉันอยู่นี่ได้ยังไงล่ะ? แกไอ้คนนี้ทำอะไรกับฉัน!”
เนี่ยเฟิงยิ้มแล้วยิ้มอีกอย่างจนใจ “ผมไม่ได้ทำอะไรกับคุณนะ กลับเป็นพวกคุณมายึดเตียงของผม”
ในเวลานี้คางเมิ่งจึงพบเห็นว่าพวกพี่ๆคนอื่นๆก็นอนเป็นก้อนอยู่บนเตียงกับเนี่ยเฟิง
“ตอนเด็กๆพวกคุณก็มีนิสัยเช่นนี้ นึกไม่ถึงโตแล้วก็ยังไม่แก้ไขอีก”
เนี่ยเฟิงนึกถึงตอนเด็กๆ พวกพี่ๆกลัวฟ้าร้อง เพียงแค่ลมแรงฟ้าร้อง พวกเธอก็จะวิ่งมาห้องนอนของตัวเขาเองมากองอยู่ด้วยกันกับตนเอง
ตอนนั้นเนี่ยเฟิงเบื่อมากนะ ถึงยังไงเตียงก็ใหญ่แค่นั้น ยังต้องเบียดเสียดอยู่ด้วยกันกับพี่ๆหลายคน ให้เขาอยากจะพลิกตัวล้วนทำไม่ได้
แต่ว่าตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว จ้องมองรูปร่างของพี่ๆหลายคนนี้เนี่ยเฟิงรู้สึกวางใจเหลือเกิน
“นี่เพิ่งกี่โมงล่ะ พวกคุณทำไมเอะอะโวยวายขนาดนั้น รีบนอนต่อเถอะ ง่วงนอนจะตายแล้ว…….”
โจวลี่ซือฉงนงงงวยคายคำพูดนี้ออกมา เวลานี้เธอจึงรู้สึกผิดปกติ เพียงเห็นเธอลืมตาขึ้นอย่างดุเดือด พบเห็นตนเองถึงขนาดหมอบอยู่ในอ้อมแขนของเนี่ยเฟิงไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่!
แน่นอนนี่ก็เป็นเช้าวันหนึ่งที่สับสนวุ่นวายตื่นตระหนกกันไปหมดอีก
คุณตานั่งดื่มน้ำชาอยู่บนโต๊ะอาหาร จ้องมองเด็กหญิงหลายคนนั้น สายตาเห็นได้ชัดว่ามีความหยอกล้อเล็กน้อย “ทำไมผมเห็นเช้าวันนี้พวกคุณออกมาจากห้องนอนของเสี่ยวเฟิง นี่เป็นเรื่องอะไรกันแน่ล่ะ?”
ใบหน้าของพวกพี่ๆแดงแล้วแดงอีก พวกเธออึดอัดจนโบกมือต่อๆกัน ตอบกลับอยู่ว่า “เมื่อคืนดื่มมากไปเดินผิดประตูพวกเราพี่น้องหลายคนใจตรงกัน”
คางเมิ่งลูบใบหน้าของตนเองลูบแล้วลูบอีก พูดอย่างอึดอัด
“ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะพี่เจ็ดนอนไปนอนมากลัวว่าในห้องนอนมีผี ดังนั้นจึงวิ่งมาหาผมที่นี่เป็นพิเศษล่ะ คุณตาท่านก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าตอนพี่เจ็ดเด็กๆขี้กลัวมากขนาดไหน”
“เสี่ยวเฟิง! ฉันไม่ได้ขี้กลัวล่ะ ตอนนี้ฉันกล้าหาญมาก แกอย่าพูดสุ่มสี่สุ่มห้า! แกระมัดระวังจะโดนฉันต่อย!”
คางเมิ่งรู้สึกโมโหมากๆกำกำปั้นขึ้นมา ดูลักษณะท่าทีก็กำลังจะชกไปยังเนี่ยเฟิง
เนี่ยเฟิงรีบกุมหัวไว้ ดูน่าสงสารมากพูดว่า “พี่! คุณเป็นแบบนี้ก็ไม่มีความเมตตามากเกินไปแล้วล่ะ ผมล้วนใกล้จะจากไปแล้ว คุณถึงขนาดยังจะตีผมเหรอ?”
“เสี่ยวเฟิง แกจะจากไปเหรอ? แกจะไปไหนล่ะ?”
พี่ๆหลายคนจับประเด็นสำคัญไว้ พวกเธอซักถามพร้อมกัน
“เสี่ยวเฟิง! แกตัดสินใจออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมไม่ปรึกษาหารือๆกับพวกพี่ๆล่ะ?”
แม้ว่าล้างแค้นไปแล้ว แต่ว่าเนี่ยเฟิงจะจากไป……พวกเธอยากที่จะเฝ้าคอยจนเนี่ยเฟิงกลับมาได้ ถ้าหากเขาจะไปแล้ว งั้นพวกเธอจะทำยังไงดีล่ะ?
“เป็นอย่างนี้ล่ะ ผมรู้สึกว่าวุฒิการศึกษาของผมยังไม่พอ ผมคิดวางแผนการจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศสักระยะหนึ่ง รอหลังจากได้รับประกาศนียบัตรผมก็จะกลับมา”
เนี่ยเฟิงแสยะปากยิ้มหนึ่งที ตอบกลับเช่นนี้
มือที่หยูจิงหงถือตะเกียบหยุดชะงักแล้วหยุดชะงักอีก เธอก้มหหน้าดื่มโจ้กคำหนึ่ง เห็นได้ชัดรู้ว่าเนี่ยเฟิงย่อมไม่ใช่จะไปเรียนต่อต่างประเทศแน่นอน แต่คือจะไปตามหาชิป
เป็นอย่างที่คิดไว้วันนั้นตาแก่ไป๋ได้พูดกับเนี่ยเฟิงอะไรบางอย่างจริงๆ ดังนัั้นเนี่ยเฟิงจึงจะทำการตัดสินใจแบบนี้ออกมาล่ะ?
หมิงอี๋หานก็เข้าใจตามสถานะแบบนี้ของเนี่ยเฟิงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศ เนี่ยเฟิงล้วนได้ปริญญาเอกมาหลายใบแล้ว ตอนนี้เขายังเป็นระดับศาตราจารย์อีก เขายังต้องไปเรียนต่อต่างประเทศเหรอ?
คิ้วของชิวมู่เฉิงขมวดขึ้นมา พี่น้องคนอื่นๆล้วนไม่รู้สถานะที่แท้จริงของเนี่ยเฟิงเลย ชิวมู่เฉิงเข้าใจ เนี่ยเฟิงจะไปหาชิป
“ตอนนี้ต่างประเทศเกิดการจลาจล อาจเป็นไปได้ที่จะมีอันตรายมาก ถ้าหากแกไปพบเจอกับอันตรายจะทำยังไงดีล่ะ?”
แม้ชิวมู่เฉิงเข้าใจว่าเนี่ยเฟิงจะไปหาชิป แต่ความเห็นแก่ตัวของเธอยังคงอยากจะให้เนี่ยเฟิงอยู่ต่อ เธอนึกไม่ถึงเนี่ยเฟิงถึงขนาดจะจากไปรวดเร็วขนาดนั้น
“ครั้งนี้ผมจะไปเรียนต่อต่างประเทศอย่างเป็นทางการ แล้วจะเจอกับอันตรายได้อย่างไรล่ะ? พี่ใหญ่ก็ไม่ต้องกังวลเลย”
เนี่ยเฟิงรู้ว่าชิวมู่เฉิงกำลังกลุ้มใจอะไรอยู่บ้าง
พี่ๆสามคนที่รู้จักความจริงเงียบสนิทไม่พูด และพี่ๆอีกสี่คนยังตัดใจทิ้งเนี่ยเฟิงไม่ลงมากๆ แต่ก็รู้ว่านี่สำหรับเนี่ยเฟิงมากล่าวแล้วจะเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง
“สามารถเรียนต่อต่างประเทศล่ะก็ วันหลังอยู่ในประวัติส่วนตัวก็จะดูดีมากกว่า แม้ว่าแกไม่ต้องออกไปทำงาน แต่คนยังคงต้องมีการแสวงหาล่ะ”
คางเมิ่งทั้งพูดอยู่ ทั้งยื่นมือออกไป ตบไหล่ของเนี่ยเฟิงตบแล้วตบอีก เนี่ยเฟิงยิ้มอยู่พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก อาหารเช้ามื้อนี้ถือว่ากินไม่ค่อยอร่อยเลย
หลังจากกินอาหารเช้ามื้อนี้เสร็จ ชิวมู่เฉิงตั้งใจเรียกเนี่ยเฟิงมาที่ห้องนอนของตนเอง
“แกแน่ใจแล้วที่จะต้องไปทำเหรอ? ฉันรู้ว่าตอนนี้ฉันเกลี้ยกล่อมแกจะไม่ใช่เป็นการเลือกที่ฉลาดปราดเปรื่องอย่างหนึ่งจริงๆ แต่ว่าคนอย่างฉันนี้ยังคงค่อนข้างเห็นแก่ตัว ฉันเพียงแค่อยากจะให้แกมีชีวิตอยู่ต่อ นอกเหนือจากนี้ไม่ขออย่างอื่นอีกเลย”
เนี่ยเฟิงเห็นสายตาของชิวมู่เฉิงมั่นคงยืนหยัดจ้องมองมายังตนเอง เขาค่อยๆกำกำปั้นอย่างแน่น ในใจคิดอยู่ว่าสภาพการณ์ของพวกพี่ๆคับขัน ตอนนี้ชีวิตอยู่ได้เพียงแค่หนึ่งปี
แต่ว่าพี่ๆกลับยังคิดเพื่อเขาอยู่ เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะให้ตนเองอยู่รอดคนเดียวได้อีกล่ะ? ถ้าไม่ทำลายล้างคนกลุ่มนั้น เขาจะกลืนความแค้นนี้ไม่ลงอย่างเด็ดขาด
“พี่ใหญ่ ผมรู้ความคิดที่อยู่ในใจของคุณ แต่มีบางเรื่องผมจำเป็นต้องไปทำ คนเหล่านี้ผมก็จำเป็นต้องหาออกมาให้ได้”
ชิวมู่เฉิงค่อยๆถอนหายใจหนึ่งที “ในเมื่อแกรู้สึกว่าเป็นเช่นนี้ งั้นก็ไม่มีทางอื่นแล้ว แกก็ไปทำเรื่องที่แกรู้สึกถูกเถอะ ทุกอย่างไม่ต้องกังวล เบื้องหลังมีฉันอยู่”
เนี่ยเฟิงทำการแน่ใจเรื่องที่จะออกจากต่างประเทศแล้ว ในใจพี่ๆหลายคนแม้ว่ายังตัดใจทิ้งไม่ลง แต่ยังคงเคารพความคิดของเนี่ยเฟิง
เนี่ยเฟิงกำชับสมาชิกของสำนักมังกรที่อยู่ในประเทศเป็นพิเศษ จะต้องดูแลพี่ๆหลายคน ให้พี่ๆหลายคนนี้และคุณตารับการทำร้ายไม่ได้ คนทั้งหลายล้วนต้องเชื่อฟังการวางแผนของคุณตา
ถ้าเขาไม่พูด คุณตาก็คือรองบัญชาการ
พวกสมาชิกของสำนักมังกรล้วนเชื่อฟังคำสั่ง
หลังจากกำชับเรื่องเหล่านี้จบ เนี่ยเฟิงก็เลยติดตามเครื่องบินของโจวลี่ซือมาถึงต่างประเทศแล้ว
“เมืองจันทร์ทองคำที่นี่มีโรงเรียนที่ไม่เลวจริงๆ ทั้งยังมีทรัพยากรที่ดีมากๆจริงๆ แต่สถานที่แห่งนี้มักจะเกิดการจลาจล ในใจฉันยังคงกังวลมาก ถ้าจะพูดยังเป็นในประเทศปลอดภัยกว่า ในประเทศก็มีโรงเรียนที่ดีเช่นกัน ไม่งั้นแกพิจารณาๆอีกล่ะ?”
เครื่องบินของโจวลี่ซือบินไปทุกที่ สถานที่อะไรล้วนเคยไป เป็นเพราะเช่นนี้นี่เอง โจวลี่ซือจึงกังวลล่ะ
“ไม่เป็นไรล่ะ ผมเพียงแค่ไปเรียนเท่านั้น เพียงแค่ไม่ไปแส่หาเรื่องคนที่นั่นก็พอแล้ว รอหลังจากผมไปรายงานตัวที่โรงเรียน ผมจะโทรหาพวกคุณบ่อยๆนะ!”
หลังจากเนี่ยเฟิงลงจากเครื่องบิน ลาโจวลี่ซือเลย
ในมือของเขาถือกระเป๋าเดินทางใบหนึ่ง และกระเป๋าเดินทางใบนี้ยัดของที่พวกพี่ๆเตรียมไว้ให้เขาจนเต็ม
เขารู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้เล็กน้อย ยามปกติเขาเดินทางแม้แต่กระเป๋าสะพายหลังสักใบล้วนไม่พก แต่ตอนนี้กลับต้องถือกระเป๋าเดินทางใบหนึ่ง
เนี่ยเฟิงย่อมไม่โยนกระเป๋าเดินทางทิ้งอยู่แล้ว ข้างในนี้กองเต็มไปด้วยความรักที่พวกพี่ๆให้กับตนเองนะ
หลายปีก่อนเนี่ยเฟิงล้วนใช้ชีวิตอยู่เมืองจันทร์ทองคำมาโดยตลอด ครั้งนี้คือเดินเที่ยวสถานที่เก่าใหม่อีกครั้ง แต่ว่าในเวลานั้นสถานะของเขาเป็นพิเศษ เป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงมาที่นี่ก็เพียงแค่ปฏิบัติภารกิจอย่างเดียวเท่านั้น
ต้องบอกว่าสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์นี้ก็คือไม่เหมือนกัน เพิ่งผ่านไปไม่กี่ปีก็เปลี่ยนรูปโฉมแล้ว