พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 496 เมืองที่ไม่หลับใหล
หลังจากหอการค้าทั่วไปถูกเนี่ยเฟิงทำร้ายไป ไอ้คนเหล่านี้ก็ขนชิปวิ่งหนีเลย
เขตทหารทุกเขตที่อยู่ในประเทศล้วนจับกุมคดียาห้ามใช้ไว้ได้ ทำลายจุดซ่อนหลายแห่ง ปัจจุบันนี้โดยพื้นฐานกวาดล้างองค์กรที่ผลิตยาห้ามใช้ในประเทศให้หมดสิ้นแล้ว
และหัวหน้าองค์กรยาห้ามใช้ที่ถูกทำลายเหล่านั้นให้ปากคำว่าพวกเขาไม่ได้ถือชิปเลย เพราะว่าชิปถูกบังคับเก็บกลับไปแล้ว
นี่ก็ตรงกันกับก่อนหน้านั้นที่เนี่ยเฟิงคาดคิดไว้ มิน่าล่ะพวกเขาจะยุ่งยากขนาดนี้สร้างคดีร้ายแรงในทะเลอีกครั้ง ก็เพื่อที่จะเก็บชิปกลับไป
ปัจจุบันสืบได้ว่าพวกเขาหนีไปยังเมืองจันทร์ทองคำ เมืองจันทร์ทองคำถูกทำให้แตกแยกกลายเป็นสามพันธมิตร ทุกพันธมิตรล้วนรวยจนมันเยิ้ม นอกจากสามพันธมิตรใหญ่นี้แล้ว ในแผ่นดินที่พิเศษนี้ยังมีประเทศเล็กๆไม่น้อย
พวกเขาส่วนมากเป็นประเทศมหาอำนาจด้านเทคโนโลยี ในมือจับกุมความรู้ที่คนอื่นไม่มีทางที่จะจับกุมได้อยู่
แม้ว่าภายนอกสันติภาพ แต่ตามความจริง ความวุ่นวายจากภัยสงครามไม่หยุดยั้ง เป็นสถานที่ที่ทั้งพิเศษทั้งขัดแย้งกันมากๆแห่งหนึ่ง คนกลุ่มนั้นจะวิ่งมาถึงที่นี่ หนึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าอยากจะทำการค้าขายยาห้ามใช้อยู่ที่นี่ สองก็อาจจะเพื่อมาหาที่พึ่งที่ไว้ใจได้
ถ้าหากพวกเขาพ่วงเส้นสายประเทศที่แข็งแกร่งในประเทศหนึ่งเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังมาได้ งั้นวันหลังอยากจะจัดการพวกเขาอาจจะต้องใช้ฝีมือมากหน่อยแล้ว
เนี่ยเฟิงลูบคางแล้วลูบคางอีก ในใจคิดว่ายังคงจะไปองค์กรข่าวกรองซื้อข่าวกรองก่อนสักหน่อยเถอะ
สำนักมังกรของเนี่ยเฟิงเป็นเป้าหมายที่ประเทศมากมายทั่วโลกแก่งแย่งกันประจบ อีกทั้งยังกดขี่การคงอยู่ของกลุ่มทหารรับจ้างทั้งหมด
แต่ถึงแม้ว่าเป็นอย่างนี้สถานที่บางส่วนยังเป็นเขตห้ามเหมือนเดิม แม้แต่พวกเขากลุ่มทหารรับจ้างก็ไม่สามารถเกี่ยวเนื่องไปถึง
กิจการของเนี่ยเฟิงที่อยู่ในเมืองจันทร์ทองคำไม่ถือว่ามีมากมาย เพราะว่าที่นี่ไม่ต้อนรับทหารรับจ้างและกลุ่มนักฆ่า
สามพันธมิตรใหญ่ร่วมมือก่อตั้งกำแพงป้องกันแห่งหนึ่งขึ้นมา พวกเขาแม้ว่าสู้กันเอง แต่ก็ใส่ใจเรื่องที่คนภายนอกจะเข้าแทรกเข้าร่วมประเทศของพวกเขามากๆเช่นกัน
เพราะว่าเข้มงวดมากๆ ดังนั้นทุกคนที่มาเยี่ยมชมที่นี่ล้วนจำเป็นต้องลงทะเบียนด้วยชื่อจริง อีกทั้งพวกเขาอยู่ในรายชื่อนักฆ่าสามารถได้รับข่าวที่แน่นอน
สถานะของเนี่ยเฟิงหลากหลาย เขามาถึงที่นี่จะไม่ถูกสงสัยเลยสักนิด มิฉะนั้นเขาก็นับไม่ได้ว่าเป็นยอดนักฆ่าแล้ว
มาถึงเมืองจันทร์ทองคำอีกครั้ง เนี่ยเฟิงยังคงปลื้มใจมากอยู่ ครั้งที่แล้วมาถึงที่นี่ยังเป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อนเลย
“งั้นก็ไปบาร์ไป๋ตี้ดูสักหน่อยก่อนเถอะ”
บาร์ไป๋ตี้เป็นบาร์เป็นบาร์ที่มีชื่อเสียงอยู่ในเมืองจันทร์ทองคำ อีกทั้งทุกเขตล้วนมีสาขาย่อย
คนที่ไม่รู้มาถึงบาร์นี้เพียงแค่ดื่มเหล้าฆ่าเวลาอย่างเดียวจริงๆ แต่ตามความจริงบาร์นี้ไม่ใช่แบบนี้เลย
คนที่อยู่ในบาร์ไป๋ตี้สลับซับซ้อนมากๆ เครือข่ายข่าวกรองของเนี่ยเฟิงก็อยู่ในนั้นเช่นกัน
แต่ก่อนเขามาปฏิบัติภารกิจอยู่ที่นี่ก็จะมาที่บาร์ไป๋ตี้หาผู้ติดต่อของเจ้าหน้าที่ข่าวกรองเจอ เพียงแค่ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดนั้นแล้ว องค์กรข่าวกรองเหล่านี้ยังอยู่หรือไม่
ตอนเนี่ยเฟิงมาถึงบาร์ไป๋ตี้ก็เป็นช่วงที่ไฟสว่างมากๆแล้ว
เมืองจันทร์ทองคำก็ถูกเรียกว่าเป็นเมืองที่ไม่หลับใหล เศรษฐกิจที่นี่เจริญรุ่งเรือง ทั้งเพราะว่าตั้งอยู่ข้างทะเล เป็นประเทศท่องเที่ยวพักผ่อนที่มีชื่อเสียงมากๆ คนมีเงินที่อยู่ที่นี่มีมากมาย แทบจะทั่วทุกพื้นที่ ทุกหนแห่งในโลกคนที่เลื่อมใสในชื่อเสียงมามากจนนับไม่ถ้วน ถึงแม้ว่ามีความวุ่นวายจากภัยสงครามเกิดขึ้นบ่อย แต่ใครจะสามารถต่อต้านการยั่วยวนของเงินทองได้อีกล่ะ ?
การแต่งกายของเนี่ยเฟิงธรรมดามากๆ ดูแล้วไม่เตะตามาก ในมือของเขายังลากกระเป๋าเดินทางอีกใบหนึ่งอยู่ กระเป๋าเดินทางนี้ดูแล้วก็ธรรมดาๆเช่นกัน ไม่เหมือนลักษณะที่จะใส่เงินไว้
หลังจากเขาเข้าไปก็ไปเอาเหล้าแก้วหนึ่งที่หน้าเคาร์เตอร์ก่อน และพนักงานบริการหน้าเคาร์เตอร์ที่ผมสีบลอนด์ดวงตาสีเขียว หลังจากเห็นเนี่ยเฟิงพูดยั่วเย้าอยู่ว่า “คุณดูแล้วก็เยาว์วัยเกินไปแล้วมั้ง พวกเราไม่สามารถขายเครื่องดื่มให้กับผู้เยาว์”
เนี่ยเฟิงได้ยินสิ่งที่เธอพูดเป็นภาษาซี ดังนั้นก็ใช้การออกเสียงที่แท้ๆมาตรฐานมากๆ พูดกับเธอว่า “ผมดูแล้วค่อนข้างเยาว์วัย แต่ว่าผมเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ”
พนักงานบริการได้ยินอดไม่ได้ที่จะอึ้งชะงัก “ภาษาซีของคุณพูดได้ดีมากจริงๆนะ!”
“เพราะว่าผมตั้งใจเรียนมาก่อน” เนี่ยเฟิงแสยะปากยิ้มหนึ่งที พนักงานบริการยิ้มแล้วยิ้มอีก ก็เลยให้เบียร์แก้วหนึ่งแก่เนี่ยเฟิง
เนี่ยเฟิงเพิ่งดื่มเบียร์ไปคำหนึ่ง กิจกรรมเต็นโชว์ในบาร์ก็เริ่มแล้ว
กิจกรรมเต้นโชว์ในบาร์ไป๋ตี้จะดำเนินการด้วยนักเต้นระบำเปลื้องผ้าชายที่รูปหล่อแบกนักเต้นระบำเปลื้องผ้าหญิงที่สวยเหมือนดอกไม้ไว้ นี่ก็อาจจะเป็นเอกลักษณ์พิเศษของบาร์ไป๋ตี้มั้ง
คนที่นี่สับสนปนเปกันยุ่งไปหมดลักษณะแบบไหนก็มี แสงไฟมืดสลัวมากๆ สีสันสดใสมากมายสาดส่องทุกคนที่มาดื่มเหล้าที่นี่เสียงดนตรีดังมาก แทบจะถึงขั้นที่เสียงดังกึกก้อง
เนี่ยเฟิงนั่งอยู่บนเคาร์เตอร์บาร์ก็แทบจะถูกเบียดเสียดลงไปเช่นกัน เขามีความรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้เล็กน้อย นึกไม่ถึงบาร์ไป๋ตี้ผ่านไปนานขนาดนั้นแล้ว ยังมีลักษณะแบบนี้อยู่
แต่ก็อยู่ในเวลานี้เนี่ยเฟิงสังเกตถึงความผิดปกติ พอเขาก้มหัวดู เหมือนอย่างที่คิดมีมือข้างหนึ่งแอบยื่นเข้ามา จับกระเป๋าเดินทางของตนเองไว้ ก็ลากออกไปเลย!
เนี่ยเฟิงทำตายี๋แล้วทำตายี๋อีก ยื่นมือออกอยากจะล็อกฝ่ายตรงข้ามไว้ แต่ในเวลานี้กลับมีนักเต้นระบำเปลื้องผ้าหญิงหลายคนมาเบียดเสียดเต้นระบำอยู่ข้างกายเนี่ยเฟิง พวกเธอใช้สายตาที่ยั่วยวนจ้องมองเนี่ยเฟิงอยู่
เนี่ยเฟิงคิดจะไล่ตามเข้าไปเห็นได้ชัดว่าไม่ทันแล้ว ถ้าหากว่าเป็นกระเป๋าธรรมดา เนี่ยเฟิงจะไม่ใส่ใจขนาดนั้น แต่สิ่งที่ใส่ในกระเป๋านี้ล้วนเป็นของที่พวกพี่ๆล้วนเตรียมไว้ให้กับเขา
เนี่ยเฟิงปัดนักเต้นระบำเปลื้องผ้าหญิงกลุ่มนี้ออก เดินออกไปเลย
คนที่อยู่ในบาร์ไป๋ตี้มากเกินไปแล้วจริงๆ เขาอยากจะหาคนเจอยังต้องใช้เวลาหน่อยจริงๆ
ในเวลานี้ยามนี้ มีเงากายเงาหนึ่งมาถึงซอยมืด ในมือคนนั้นหิ้วกระเป๋าใหญ่ใบหนึ่ง
ไอ้คนนี้ดึงกระเป๋าเปิดออกมาดูด้วยความดีใจเต็มอก พบเห็นสิ่งที่ใส่อยู่ข้างในก็แค่เสื้อไม่กี่ตัวขนมและของเล่นอื่นๆบางอย่าง
“ของเหี้ยอะไร! ถึงขนาดแค่ใส่ของเหล่านี้ไว้!”
ฝ่ายตรงข้ามบ่นอยู่พูดแบบนี้
“งั้นช่างขอโทษจริงๆ สิ่งของเหล่านี้ไม่เข้าตาคุณ”
ก็อยู่ในเวลานี้ เสียงต่ำเสียงหนึ่งที่เต็มเปี่ยมด้วยเสน่ห์ดังขึ้นมาเลย เทพไม่รู้ผีไม่เห็นเนี่ยเฟิงเดินมาถึงข้างหลังไอ้คนคนนั้นแล้ว คนนั้นเห็นได้ชัดตื่นตกใจหนึ่งที โดยจิตใต้สำนึกก็อยากจะวิ่งหนี แต่กลับถูกเนี่ยเฟิงดึงคอเสื้อไว้กระชากกลับมาทันที
“ปล่อยฉันไป!”
รูปร่างของฝ่ายตรงข้ามเล็กเหลือเกิน พอได้ยินเสียงก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เห็นแล้วก็เป็นคนอ่อนแอคนหนึ่งเช่นกัน ไม่มีเรี่ยวแรงอะไร หลังจากถูกเนี่ยเฟิงดึงไว้อยากจะหนีก็หนีไม่ได้แล้ว
“ผมจะปล่อยคุณไปได้ยังไงล่ะ? คุณขโมยของของผมนะ”
เนี่ยเฟิงส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก จ้องมองกระเป๋าที่ถูกค้นจนระเกะระกะ เขาขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก
“ขอโทษคุณผู้ชาย ฉันผิดไปแล้ว แต่ฉันหิวมากเกินไปจริงๆ ของอะไรฉันล้วนไม่เคยกินมาก่อน ฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอร้องคุณอย่าคุณอย่าฆ่าฉันเลย! ขอร้องคุณล่ะ!”
หัวขโมยคนนั้นคุกเข่าลง ฟุ้บ เสียงหนึ่ง ศักดิ์ศรีล้วนไม่มีสักนิด
ก็อยู่ในวินาทีนั้นที่เนี่ยเฟิงปล่อยมือ สาวขโมยดูเหมือนรีบจับฉวยโอกาส เพียงเห็นเธอจู่โจมไปยังเนี่ยเฟิงอย่างดุเดือด!
แต่ว่ามือของเธอยังไม่ทันเตะเนี่ยเฟิงได้ล่ะ ก็ถูกเนี่ยเฟิงปราบได้อีกครั้งแล้ว
“คุณช่างไม่เป็นเด็กดีจริงๆ” เนี่ยเฟิงทำตายี๋แล้วทำตายี๋อีก มือของเขาค่อยๆจับแน่นขึ้น “ดูแล้วหากไม่ซ้อมคุณอย่างโหดร้ายสักหน่อยคุณจะไม่รู้จักผิด”
หัวขโมยร้องอย่างเจ็บปวดเสียงหนึ่ง ไม่ว่าเธอดิ้นรนยังไงล้วนไม่สามารถหลุดออกจากการคุมขังของเนี่ยเฟิง
“ฉัน ฉันรู้จักผิดแล้วจริงๆ! ฉันไม่กล้าแล้ว!”
“แม้ว่าคุณพูดแบบนี้ แต่ว่าผมไม่ค่อยเชื่อคุณ”