พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 497 ถูกเกาะติดเลย
เนี่ยเฟิงจ้องมองกระเป๋าเดินทางที่ถูกค้นจนระเกะระกะ อารมณ์รู้สึกไม่ดีเล็กน้อย “ผมให้โอกาสคุณอย่างหนึ่ง คุณฟื้นคืนกระเป๋าเดินทางให้ผมเหมือนเดิม ผมสามารถปล่อยคุณไปได้”
หลังจากหัวขโมยได้ยิน ตาสว่างขึ้น เธอรีบเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปยังเนี่ยเฟิง ดวงตาคู่นั้นเป็นสีเขียวอยู่ ดูแล้วเหมือนเช่นดั่งอัญมณีที่เป็นมรกตเป็นพิเศษ
แต่เพราะว่าหัวขโมยคนนี้สวมใส่หน้ากากและหมวก ดังนั้นบังคับเห็นได้เพียงดวงตาคู่หนึ่ง
“จริงหรือปลอมล่ะ? คุณจะไม่โกหกคนนะ?”
“ผมก็ไม่เหมือนคุณ” เนี่ยเฟิงเชิดคางแล้วเชิดคางอีก จากนั้นปล่อยมือออกตอนนี้หัวขโมยคนนี้ก็ฉลาดขึ้นแล้ว ไม่กล้าลงมืออีกเลย เพราะว่าความสามารถในการตอบสนองของเนี่ยเฟิงเร็วมาก
เธอได้เพียงแต่นั่งยองๆลง จัดเก็บเสื้อผ้าเมื่อกี้ที่ถูกค้นจนระเกะระกะให้เรียบร้อย
“คุณทำไมต้องขโมยของผมล่ะ?” เนี่ยเฟิงจ้องมองหัวขโมยคนนั้นอยู่มุมสูง หัวขโมยคนนั้นเบ้ปากแล้วเบ้ปากอีก “จะขโมยของย่อมเพราะว่าอยู่รอดต่อไปอีกไม่ได้แล้ว พูดได้อีกว่า คนที่ไปบาร์คนไหนจะแบกกระเป๋าใหญ่ขนาดนี้อยู่ล่ะ ฉันยังคิดว่าพวกคุณทำการค้าขายอยู่ในบาร์ล่ะ ในกระเป๋านี้ล้วนเป็นเงิน ตอนที่หยิบมาได้ฉันก็น่าจะรู้ว่าตนเองคิดมากไปแล้ว เงินที่ไหนจะเบาขนาดนั้น ”
หัวขโมยทั้งพูดอยู่ทั้งจัดเก็บอย่างว่องไวขึ้นมา เธอน้อยเนื้อต่ำใจมากเบ้ปากแล้วเบ้ปากอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกทรมาน “วันนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ฉันขโมยของคนอื่น นึกไม่ถึงก็หกคะเมนอยู่ในมือของคุณแล้ว”
“มองออกได้ว่า ถ้าหากขโมยไปหลายครั้งล่ะก็ จะไม่โง่ขนาดนั้น”
หลังจากหัวขโมยได้ยินรู้สึกโมโหมากๆเงยหน้าขึ้น ใช้ดวงตาสีเขียวคู่นั้นเหลือบมองเนี่ยเฟิงหนึ่งที “คุณพูดอะไรนะ? อะไรเรียกว่าโง่เหรอ?”
“ย่อมโง่อยู่แล้ว เมื่อกี้ไอ้คนคนนั้นที่นั่งอยู่ข้างผมกระเป๋าเงินล้วนใกล้จะร่วงออกมาแล้ว คุณไม่ไปขโมยกลับจะลากกระเป๋าของผมไป อยู่ภายใต้สภาพการณ์แบบนั้นจะหยิบของเล็กๆจะไม่สะดุดตากว่าหยิบของชิ้นใหญ่ ยิ่งกว่านั้นจะขโมยของย่อมต้องรู้ว่ามีมูลค่าหรือไม่ กระเป๋านี้พอดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของที่มีราคาอะไรเลย และการแต่งกายของเจ้าของกระเป๋าก็ไม่เหมือนคนที่มีเงิน” เนี่ยเฟิงยักไหล่แล้วยักไหล่อีก พูดกับหัวขโมยแบบนี้
หลังจากหัวขโมยได้ยินแล้วใบหน้าแดงแล้วแดงอีก “ฉันไม่รู้จักยี่ห้อเหล่านั้น”
“นี่ฉันก็ดูไม่ออกเช่นกัน”
ถ้าหากหัวขโมยคนนี้จะมาลองทดสอบหยั่งเชิงเขาหรือว่าจะมาขโมยของจริงๆ เนี่ยเฟิงอาจจะจัดการเธอไปนานแล้ว เธอเงอะงะไม่เหมือนตั้งใจมาใกล้ชิดกับตนเองเลย อีกทั้งเมื่อกี้ตอนที่เข้าไป เนี่ยเฟิงได้สำรวจพนักงานของบาร์ไป๋ตี้โดยคร่าวๆมาก่อนแล้ว เพราะว่าเขาไปถึงที่นั่นไม่ใช่จะดื่มเหล้าเลย แต่เพื่อจะไปหาเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง
หัวขโมย ฮึ เสียงหนึ่ง จากนั้นยื่นกระเป๋าไป “ของฉันจัดเก็บเรียบร้อยแล้ว คืนให้คุณ! ตอนนี้ฉันไปได้แล้วใช่หรือไม่?”
เนี่ยเฟิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก “งั้นคุณไปเถอะ”
หัวขโมยลุกขึ้นมา เพิ่งเดินไปสองก้าว เธออดไม่ไหวที่จะร้องเศร้าโศกเสียงหนึ่ง เนี่ยเฟิงพอดูก็รู้ว่าเมื่อกี้เธอรีบร้อนเกินไป ดังนั้นข้อเท้าแพลง ตอนนี้เดินก็ยังกะเผลกๆอยู่ แต่ว่าเห็นลักษณะท่าที กระดูกน่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บ
เห็นหัวขโมยคนนี้จับข้อเท้าของตนเองไว้ นั่งยองๆลงอย่างลำบาก เนี่ยเฟิงเห็นรูปร่างนั้นเขาอดไม่ไหวที่จะหัวเราะเสียงดัง
“คุณคนนี้มีมโนธรรมหรือไม่ล่ะ เห็นลักษณะท่าทีของฉันเป็นแบบนี้แล้ว คุณถึงขนาดยังหัวเราะเสียงดังได้อีก!”
หัวขโมยน้อยเนื้อต่ำใจมากๆเหลือบมองเนี่ยเฟิงหนึ่งที เนี่ยเฟิงเดินเข้าไปเลย “คุณข้อเท้าแพลงเป็นเพราะว่าจะขโมยของของผม ผมจึงเป็นผู้ถูกทำร้าย ผมทำไมต้องมีมโนธรรมให้กับหัวขโมยอย่างคุณคนนี้ล่ะ?”
“งั้นคุณก็พูดแล้ว ฉันข้อเท้าแพลงเป็นเพราะว่าคุณ งั้นคุณจะไม่แสดงความรับผิดชอบสักหน่อยเหรอ?”
หัวขโมยลูกตาหมุนหนึ่งที จากนั้นพูดแบบนี้บิดเบือนความจริง
“ฟังคำพูดจาของคุณฉลาดพูดเก่งมาก ทำไมจะทำมาหาเลี้ยงชีพให้รอดไปวันๆจนน่าเวทนาขนาดนั้นล่ะ?” เนี่ยเฟิงเห็นไอ้คนนี้ช่างสนุกจริงๆ ยิ่งกว่านั้นเธอกะเผลกๆก็เป็นเพราะว่าตนเองจริงๆ
“ช่างมันเถอะ สุภาพบุรุษอย่างผมคนนี้จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับผู้หญิงตัวเล็ก ผมก็ช่วยรักษาบาดแผลให้คุณเถอะ”
หลังจากเนี่ยเฟิงพูดจบนั่งยองๆลง ยกมือขึ้น จับเท้าของหัวขโมยไว้ทันที หัวขโมยไม่ทันตั้งตัวนั่งยองๆไม่นิ่งล้มนั่งอยู่กับพื้น “คุณทำอะไรล่ะ? คุณไอ้คนนี้มุทะลุดุดันมากไปแล้วจริงๆล่ะ!”
“อยากจะให้เท้าของตนเองหายดี ก็หุบปากเป็นเด็กดีไปเลย”
หัวขโมยอาศัยแสงข้างนอกซอยเห็นใบหน้าของเนี่ยเฟิงชัดเจน เห็นลักษณะที่เนี่ยเฟิงเยาว์วัยมาก ในใจเธอคิดอยู่ว่าครั้งนี้ขโมยของ ช่างขโมยผิดเป้าหมายแล้วจริงๆ
เนี่ยเฟิงจับข้อเท้าของหัวขโมยนั้นหนึ่งที หัวขโมยตกใจจนตัวสั่น โดยจิตใต้สำนึกอยากจะดึงเท้ากลับไป แต่นึกไม่ถึงเนี่ยเฟิงบิดหมุนฉับพลันในทันที หัวขโมยนั้นอดไม่ไหวที่จะเปล่งเสียงร้องเศร้าโศกออกมาเสียงหนึ่ง
“อ่า! คุณไอ้เหี้ยคนนี้ คุณตั้งใจทำใช่ไหม ฉันเจ็บจนแทบตายแล้ว รีบปล่อยฉัน!”
หัวขโมยทั้งพูดอยู่ทั้งดึงเท้าของตนเองกลับไปกระโดดขึ้นมา ฉับพลันในทันทีถอยหลังหลายก้าว จ้องมองไปยังเนี่ยเฟิงอย่างระวังตัว
“เห็นลักษณะท่าทีน่าจะหายดีแล้ว คุณลองเดินอีกสองก้าวดูสิ”
หัวขโมยทำตายี๋แล้วทำตายี๋อีก พอก้มหัวดูจึงพบเห็นว่าข้อเท้าของตนเองไม่เจ็บแล้วจริงๆด้วย อีกทั้งก็เช่นดั่งตอนที่ดีๆอยู่ ก้าวอย่างคล่องแคล่วแข็งแรง!
“ไอ่! วิเศษจริงๆเลย! เท้าของฉันทำไมหายดีแล้วล่ะ?”
หัวขโมยรีบเงยหน้าขึ้นเห็นเนี่ยเฟิงถือกระเป๋าหมุนตัวก็จะจากไป ในเวลานี้หัวขโมยไล่ตามเข้าไปทันที รีบถอดหมวกของตนเองออก ผมสีดำทั้งหัวของเธอเช่นดั่งน้ำตกตกลงมาเลย “เมื่อกี้เป็นความผิดของฉัน ฉันขอโทษ! ตกลงว่าคุณทำได้ยังไงล่ะ? บิดเท้าของฉันสักหน่อย เท้าของฉันก็หายดีแล้ว!”
เนี่ยเฟิงเหลือบตามองหัวขโมยหนึ่งที ยิ้มอยู่ส่ายหัว “อันนี้ไม่อาจจะบอกเล่าได้นะ”
หัวขโมยเบ้ปากแล้วเบ้ปากอีก “ไม่บอกกับฉันก็แล้วไป! พวกเราก็ถือว่าไม่ชกต่อยกันจะไม่รู้จักกันแล้ว ฉันชื่ออะเดค่า คุณชื่ออะไรล่ะ?”
“เนี่ยเฟิง”
เนี่ยเฟิงไม่หลีกเลี่ยงเลยสักนิด บอกชื่อของตนเองกับหัวขโมยคนนี้โดยตรง
“คุณเป็นคนประเทศไหนเหรอ? คุณมาที่นี่คิดอยากจะทำอะไรล่ะ? ฉันพักอยู่ที่นี่ได้เวลานานมากแล้ว ที่นี่สำหรับฉันมากล่าวแล้วคุ้นเคยมากๆ! คุณอยากจะมีผู้นำทางไหม?”
อะเดค่าพูดอยู่ตบหน้าอกของตนเองตบแล้วตบอีก “ฉันทำได้หมด!”
เนี่ยเฟิงจ้องมองอะเดค่าหนึ่งที “แต่ทำยังไงดีล่ะ? ลักษณะท่าทีของคุณดูแล้วเหมือนไว้ใจไม่ได้มาก”
พออะเดค่าถูกเนี่ยเฟิงพูดแบบนี้ มีความโมโหเล็กน้อยแล้ว “ฉันไว้ใจไม่ได้ยังไงล่ะ แม้ว่าเมื่อกี้ขโมยของคุณเป็นความผิดฉัน แต่นี่ก็ถูกบีบบังคับอย่างจนปัญญา ฉันล้วนใกล้…….”
อะเดค่าเพิ่งพูดคำเหล่านี้จบ ในท้องเล็กๆของเธอก็ส่งเสียง จ้อกๆ ออกมาพักหนึ่ง
“อะแฮ่ม เมื่อกี้นั้นเป็นเสียงอะไรล่ะ? แปลกประหลาดมากเลย!”
เนี่ยเฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วยิ้มอีก เขาก็ไม่ได้สนใจเด็กผู้หญิงต่างประเทศที่เจี้ยวๆจ้าวๆคนนี้ เดินไปยังร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่อยู่ข้างๆโดยตรง
สิ่งที่ที่นี่จัดหาให้ก็ล้วนเป็นแฮมเบอร์เกอร์, เฟรนช์ฟรายส์, ไก่ทอด, นักเก็ตไก่ สิ่งของเหล่านี้
แท้ที่จริงเนี่ยเฟิงไม่ชอบกินสิ่งเหล่านี้นะ แต่หลังจากลงจากเครื่องบินจนถึงตอนนี้เขาล้วนยังไม่ได้กินอะไรมาก่อน ก็แค่ดื่มเบียร์ไปคำหนึ่ง ดังคำกล่าวที่ว่าคนไม่กินไม่ได้กินให้อิ่มจึงจะมีแรงกำลัง บวกกับเนี่ยเฟิงเป็นคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ ย่อมต้องกินมากกว่าหน่อยอยู่แล้ว
เขาเดินเข้าไปร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดสั่งเฟรนช์ฟรายส์บ้างเล็กน้อยกับแฮมเบอร์เกอร์หลายอัน ทั้งสองตาของอะเดค่าปรากฏแสงสีเขียวจ้องมองอยู่ข้างๆ
“อย่ายืนอยู่เลย นั่งลงเถอะ” เนี่ยเฟิงพูดจบผลักแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นหนึ่งไปให้อะเดค่า