พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 515 ลูกน้อง
พี่สิ้นถูกเนี่ยเฟิงบีบคอไว้ แม้แต่หายใจก็หายใจไม่ออก เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะต่อต้านเนี่ยเฟิงได้อีก เห็นเพียงเขากลัวจนสั่นระริกๆ ยื่นของประดับที่อยู่ในมือออกไป หลังจากเนี่ยเฟิงรับของประดับไว้แล้ว โยนคนไปยังข้างประตูโดยตรง
พี่สิ้นชนไปยังประตูโดยตรง ชนจนประตูเปิดออกเลย และคนอื่นๆก็ทั้งกลิ้งทั้งคลาน คลานขึ้นมาจากพื้นโซซัดโซเซวิ่งออกไปเลย พวกเขาพยุงพี่สิ้นขึ้นจากพื้น พี่สิ้นหวาดกลัวจนเอามือปิดคอตนเอง เมื่อกี้เขาเกือบจะถูกเนี่ยเฟิงบีบจนขาดใจตาย
เขาหวาดกลัวไม่เป็นสุขจ้องมองไปยังเนี่ยเฟิง ในเวลานี้ มีคนมากมายรวมตัวกันอยู่นอกประตู คนเหล่านี้ล้วนอยากรู้อยากเห็นมองมายังฝั่งนี้ พี่สิ้นพวกเขาทั้งกลุ่มอยู่ที่นี่ก็ถือว่าหยาบคายไร้เหตุผลอยู่ ประเด็นหลักคือพวกเขามีความสัมพันธ์เล็กน้อยกับพันธมิตรที่หนึ่ง เป็นเพราะว่าเช่นนี้นั่นเอง ดังนั้นจึงมีฐานะในปัจจุบันนี้
แต่พวกคุณล้วนรู้เช่นกัน แท้ที่จริงพวกเขาก็แค่ทำงานให้กับพันธมิตรเท่านั้น ไม่มีอำนาจใหญ่มากอะไรเลย เพียงแค่คนอื่นๆก็ไม่กล้าล่วงเกินเช่นกัน
พี่สิ้นพวกเขาทั้งกลุ่มล้วนขายหน้าไปหมดแล้วจริงๆเลย “มองอะไร! พวกมึงหมูกลุ่มนี้!” พี่สิ้นโมโหร้องตะโกนเสียงหนึ่ง คนในหอพักชายก็ไม่กล้าจ้องมองไปยังพวกเขาเช่นกัน ถึงยังไงคนที่พักอยู่ในหอพักแท้ที่จริงไม่ถือว่ามีอำนาจอิทธิพลมากๆนะ
ถึงแม้ว่าพวกเขาก็เป็นคนในสังคมชนชั้นสูง เพียงแค่สังคมชนชั้นสูงก็แบ่งเป็นระดับชั้นต่างๆที่มากมายหลากหลายเช่นกัน คนที่พักอยู่ในหอพักมีการแบ่งเป็นที่พักระยะยาวกับที่พักระยะสั้น และคนที่พักระยะสั้นเหล่านี้เพียงแค่ขี้เกียจออกไปหาโรงแรมเท่านั้น
ถึงแม้ว่าพวกเขามีห้องอยู่ที่นี่ แต่ในหนึ่งเทอมก็ไม่เห็นที่จะอยู่ในห้องสักกี่วัน
พี่สิ้นบดฟันหลังบดแล้วบดอีก ในเวลานี้เขาเห็นเนี่ยเฟิงอยู่ในหอพัก พวกเขาอยู่นอกระเบียงทางเดิน ดังนั้นเขาจึงกลับมามีชีวิตอีกครั้ง “ไอ้หนุ่ม มึงอย่าหลงระเริง อย่าคิดว่ามึงมีกังฟูนิดๆหน่อยๆแค่นั้นก็เก่งมากแล้ว ตอนนี้กูก็จะออกไปหาคนมา!”
เนี่ยเฟิงเก็บของประดับที่คางเมิ่งให้เขาขึ้นมา จากนั้นจ้องมองไปยังพี่สิ้น เขายิ้มเย็นชาอยู่พูดว่า “ได้สิ แต่ว่าตอนนี้ผมจะไปกินข้าวแล้ว ถ้าหากคุณจะมาหาผมล่ะก็ ไปหาผมที่โรงอาหารของโรงเรียนเถอะ”
หลังจากเนี่ยเฟิงพูดจบ “ปัง” เสียงหนึ่งปิดประตูไว้โดยตรงเลย พี่สิ้นที่อยู่นอกประตูโมโหแทบตาย “พวกมึงไอ้คนกลุ่มนี้ยังรออะไรอีกล่ะ? รีบพยุงกูขึ้นมาสิ!”
ลูกน้องเหล่านั้นพยุงพี่สิ้นขึ้นมาคนละไม้คนละมือทันที ที่ไหนพวกเขาจะยังมีหน้าอยู่ต่ออีกล่ะ ล้วนวิ่งหนีอย่างเศร้าหมองแล้ว
หลังจากเนี่ยเฟิงเก็บของเสร็จล็อกประตูเลย เขามาถึงโรงอาหารโดยตรง ต้องบอกว่าสิ่งของที่อยู่ในเมืองจันทร์ทองคำล้วนเพียบพร้อมหมด แม้แต่โรงอาหารล้วนเป็นร้านอาหารเกรดสูง เนี่ยเฟิงเข้าไปสั่งอาหารโดยตรงเลย
การเรียกร้องที่เขามีต่ออาหารไม่สูงมาก เขาสั่งสเต๊กเนื้อสันนอกชุดหนึ่ง จากนั้นสั่งไวน์แดงแก้วหนึ่งมาดื่มอีก
ก็อยู่ในเวลานี้ มีเด็กผู้ชายผมสีดำคนหนึ่งมาถึงฝั่งตรงข้ามของเนี่ยเฟิง
เนี่ยเฟิงทำตายี๋แล้วทำตายี๋อีก ในใจคิดอยู่ว่าไอ้คนนี้จะเป็นพวกเดียวกันกับพวกเขาเลยเชียวเหรอ?
“หลายทีนั้นของคุณเมื่อกี้หล่อมากเกินไปแล้วจริงๆ นี่ก็เป็นกังฟูหวาเซี่ยเลยเชียวเหรอ?!”
เด็กผู้ชายพูดอยู่ทำมือทำไม้สักหน่อย ที่แท้เมื่อกี้ตอนที่เนี่ยเฟิงชกพี่สิ้นนี้ เด็กผู้ชายคนนี้ก็จ้องมองอยู่ที่ตาแมว เพราะว่าพักอยู่ฝั่งตรงข้ามของเนี่ยเฟิง
แต่ว่าความกล้าของเด็กผู้ชายคนนี้ค่อนข้างน้อย มาถึงที่นี่ก็แค่เพื่อชื่อเสียงอันจอมปลอมถึงแม้ว่าคนในเมืองจันทร์ทองคำไม่ค่อยยินยอมที่จะเรียนหนังสือ แต่ว่ามีชื่อของโรงเรียนผู้ดีเมืองจันทร์ทองคำอยู่ อยากจะเข้าบริษัทอะไรล้วนไม่มีปัญหา
“ผมชื่อพานฉางอัน คุณชื่ออะไรเหรอ?”
พานฉางอันเป็นคนที่เพิ่งเจอกันก็เป็นกันเองคนหนึ่ง เพิ่งเข้ามาก็แนะนำตนเองทันที เดิมทีเนี่ยเฟิงคือไม่อยากจะไปสนใจพานฉางอัน แต่พานฉางอันไอ้คนนี้ก็เจี้ยวๆจ้าวๆอยู่ข้างๆโดยตลอด
เนี่ยเฟิงคิดอยู่ว่าตนเองแม้แต่อาหารมื้อหนึ่งล้วนกินไม่ราบรื่น ดังนั้นได้แต่ตอบกลับคำหนึ่งว่า “ผมชื่อเนี่ยเฟิง”
“ชื่อนี้เท่ห์มากเลยนะ! กังฟูมวยของคุณในเมื่อกี้ก็เหมือนเช่นดั่งลม ซูเปอร์ร้ายกาจนะ! แท้ที่จริงสายเลือดที่อยู่บนกายผมมีหนึ่งส่วนสี่เป็นชาวต่างชาติ ตั้งแต่เด็กจนโตผมก็เติบโตอยู่ในเมืองจันทร์ทองคำ บิดาของผมเป็นข้าราชการเล็กๆที่อยู่ในเมืองจันทร์ทองคำคนหนึ่ง ผมก็ไม่มีฝีมือมากเท่าไหร่เช่นกัน ดังนั้นบิดาผมก็ส่งผมมาถึงที่นี่ จะได้ให้ผมคบหากันกับบุคคลที่มีอำนาจมีอิทธิพลได้บ้าง แต่ว่านิสัยของผมคนนี้ชอบเก็บตัวไม่ค่อยกล้าแสดงออกกว่า ดังนั้นผมก็พูดคุยกับพวกเขาไม่ได้”
เนี่ยเฟิงฟังพานฉางอันพูดเป็นต่อยหอยอยู่ เขาอดไม่ไหวที่จะหัวเราะขึ้นมา “แต่ผมรู้สึกว่านิสัยอย่างคุณนี้ดูแล้วล้วนไม่เหมือนลักษณะท่าทีที่ชอบเก็บตัวไม่ค่อยกล้าแสดงออกสักนิด”
พานฉางอันรู้สึกเขินลูบหัวของตนเองลูบแล้วลูบอีก “ไอ้…….นี่ไม่ใช่พบเจอกับเพื่อนฝูงแล้วเหรอ! ยามปกติคุณให้ผมพูดคุยอยู่ต่อหน้าชาวต่างชาติเหล่านั้น ผมแม้แต่ตดสักทีก็ไม่ออก ผมล้วนไม่อยากที่จะคบหากันกับคนที่นี่สักนิด เพราะผมรู้สึกว่าพวกเขาล้วนอาศัยอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงคนอื่นไปทั่วทั้งวัน ตำแหน่งข้าราชการของบิดาผมไม่ได้ใหญ่มาก ดังนั้นผมอยู่ที่นี่ก็จะไม่ใช่คนที่ได้รับความสนใจคนนั้น อยู่ที่นี่เหมือนเช่นดั่งพีระมิด คนที่ยืนอยู่ส่วนยอดของพีระมิด ล้วนเป็นคนที่มีความสัมพันธ์กับท่านหัวหน้าพันธมิตรอย่างสนิทสนมเหล่านั้น”
พานฉางอันพูดอยู่ยกมือขึ้น “พนักงานเสิร์ฟ! ช่วยผมสั่งอีกชุดหนึ่งที่เช่นดั่งคุณผู้ชายคนนี้!”
เนี่ยเฟิงรู้ว่าพานฉางอันคือคิดที่จะกินข้าวโต๊ะเดียวกันกับตนเองแล้ว เนี่ยเฟิงก็ไม่มีวิธีที่จะไล่พานฉางอันไป พานฉางอันคนนี้ดูแล้วธรรมดาสุดขีด หน้าตาผิวขาวเนียนสะอาดสวมใส่แว่นตาอันหนึ่ง ดูแล้วอ้วนเล็กน้อย คิดว่าน่าจะอยู่แต่ในห้องนอนไม่ก้าวออกประตูบ่อยอย่างนั้น
ได้เห็นนิ้วของพานฉางอันมีผิวหนังด้านอีก นิ้วที่มีผิวหนังด้านน่าจะกดคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์บ่อย
บวกกับเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่บนกายพานฉางอัน ล้วนเป็นแบบสองมิติอย่างนั้น เนี่ยเฟิงวิเคราะห์ไปหนึ่งรอบก็รู้ว่าพานฉางอันเป็นชายที่หมกตัวอยู่ในบ้านทั้งวันคนหนึ่ง
“พี่เฟิง? ผมสามารถเรียกคุณว่าอย่างนี้ไหม? ผมเลื่อมใสศรัทธาคุณมากเกินไปแล้วจริงๆ เมื่อกี้คุณชกคนกลุ่มนั้นยกหนึ่ง ช่างหล่อมากเกินไปแล้วจริงๆ! ประเด็นหลักคือคนเหล่านั้นอาศัยว่าตนเองมีความสัมพันธ์เล็กน้อยกับท่านหัวหน้าพันธมิตร ดังนั้นพวกเขาหยาบคายไร้เหตุผล มักจะรังแกคนอยู่ที่นี่!”
พานฉางอันพูดอยู่โล่งอกไปที แต่ต่อจากนี้บนใบหน้าของพานฉางอันปรากฏสีหน้าที่กังวลอย่างหนึ่งขึ้นมา “เพียงแค่คนกลุ่มนั้นไม่ว่ายังไงล้วนเป็นคนที่มีอำนาจมีอิทธิพลนะ ผมมีความกังวลเล็กน้อย…….คุณชกหลี่สิ้นไอ้คนนั้นไปยกหนึ่ง เขาย่อมไม่ยอมปล่อยแน่ ถึงเวลานั้นย่อมจะมาหาคุณอีกแน่นอน”
ในเวลานี้ พนักงานเสิร์ฟยกสเต๊กเนื้อขึ้นมา เนี่ยเฟิงหยิบมีดซ้อมขึ้นมา หั่นสเต๊กเนื้ออยู่ “ไม่เป็นไร ตามใจพวกเขามาเถอะ”
“ก็ใช่! กังฟูของคุณร้ายกาจขนาดนั้น ไม่ต้องหวาดกลัวพวกเขา!”
พานฉางอันแสยะปากยิ้มหนึ่งที “แต่คุณไม่หวาดกลัวเหรอ? นี่ถ้าหากล่วงเกินพันธมิตรจริงๆแล้วจะทำยังไงดีล่ะ? สามพันธมิตรใหญ่คุณก็รู้อยู่หมายความว่าอะไร”
“คุณก็พูดแล้วไม่ใช่เหรอ? พวกเขาเพียงแค่จิ้งจอกอ้างบารมีเสืออาศัยอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงคนอื่นไปทั่วเท่านั้น ถ้าหากเพื่อเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างงั้นก็ขู่จะตีจะฆ่าล่ะก็ งั้นผมก็ไม่ถือสาอยู่ด้วยไปจนถึงที่สุดเช่นกัน”
เนี่ยเฟิงยักไหล่แล้วยักไหล่อีก ปัจจุบันนี้สามพันธมิตรใหญ่ล้วนอยู่ในสภาวะที่เป็นศัตรูต่อกัน พวกเขาจะไม่มีเวลาและแรงกำลังไปยุ่งกับสิ่งเหล่านี้ล่ะ
พวกเขาเพียงแค่อยากจะได้สิ่งที่มีผลประโยชน์สำหรับพวกเขาเท่านั้น
พานฉางอันก็ไม่เข้าใจด้วยว่าเนี่ยเฟิงทำไมมั่นใจในตนเองขนาดนั้น แต่เนี่ยเฟิงมั่นใจในตนเองขนาดนั้นดูเหมือนเป็นเรื่องดีเช่นกัน
“พี่เฟิง งั้นวันหลังผมติดตามคุณได้หรือไม่ล่ะ? ผมก็อยากจะเรียนรู้กังฟูเหล่านั้นของคุณสักหน่อย!” ตลอดเวลามาพานฉางอันล้วนถูกหลี่สิ้นคนกลุ่มนั้นรังแก เขาช่างกลืนความแค้นนี้ไม่ลงจริงๆ