พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 522 คุณแพ้แล้ว
“หวางต้าฉิว!รีบลุกขึ้นสิ!”
ทุกคนตะโกน หวางต้าฉิวเห็นว่าทุกคนใช้สายตาที่โมโหมองตนเอง เขาก็ก้มหน้า และคิดว่าตนเองขายขี้หน้ามาก!
ความรู้สึกแบบนี้ เขาไม่เคยมีมาก่อน ก่อนหน้านี้เขามีตำแหน่งสูงเหนือใคร มีแต่คนมาคอยประจบสอพลอ มีหรือจะเหมือนตอนนี้?
แต่ตอนนี้ พวกนั้นมองตนเองด้วยสายตาโมโห หวางต้าฉิวก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เขามองเนี่ยเฟิง ตอนนี้เนี่ยเฟิงก็มองต่ำลงไปมองที่เขา สายตาคู่นั้นเย็นชา ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกอะไร
ตอนนี้หวางต้าฉิวรู้สึกว่าตนเองเหมือนตกลงไปเหวลึก เขารู้สึกว่าใจตนเองสั่นมาก คนคนนี้ไม่ใช่คน แต่เป็นปีศาจที่ผุดออกมาจากขุมนรกงั้นหรือ?
จริงๆ แล้วหวางต้าฉิวเป็นทหารกองหนุนของทหารพันธมิตร ยังไม่ได้เข้าไปในกองทหารพันธมิตรจริงๆ แต่เพราะว่าเขามีความสามารถโดดเด่น ดังนั้นเลยมักถูกมองว่าเก่ง
ดังนั้นหวางต้าฉิวก็เลยได้สัมผัสกับสงครามเป็นตายมาหลายครั้ง แม้แต่ในสงคราม หวางต้าฉิวก็ไม่เคยรู้สึกกลัวเลย เขามีหัวใจที่กล้าหาญดั่งเสือ
หวางต้าฉิวก็รู้สึกว่าตนเองมีความกล้ามากเหมือนกัน ไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้ และไม่มีใครทำให้เขารู้สึกกลัวได้ แต่ตอนนี้หวางต้าฉิวได้รับรู้แล้ว ว่าอะไรที่เรียกว่าความกลัว
การจับจ้องแห่งความตายนั้น ราวกับเขาสามารถตายได้ในทุกวินาที
หวางต้าฉิวและเนี่ยเฟิงประลองกันแค่สองกระบวนท่า ครั้งแรกเนี่ยเฟิงโจมตีเขา กระดูกข้อมือทั้งสองข้างของเขาก็แตกละเอียด ครั้งที่สองเขาโจมตีเนี่ยเฟิง เดิมทีเขายังมีความมั่นใจว่าจะชนะ แต่ก็ถูกเนี่ยเฟิงเล่นงานจนสิ้นท่าเสียนี่!
เนี่ยเฟิงไม่ได้ออกหมัดมาเลย ก็ทำให้เขาแพ้ได้แล้ว
หวางต้าฉิวจะมีความกล้าที่ไหนไปสู้อีกได้ ต่อให้มีสายตาจับจ้องเขาอยู่ที่ลานประลองนั้นก็ตาม แต่หวางต้าฉิวไม่มีความกล้าแล้วจริงๆ
เขากลัวตาย ความกลัวนี้มันได้ผุดขึ้นมาในใจของเขา เขาไม่อาจจะมองหน้าของเนี่ยเฟิงตรงๆได้ ได้แต่ก้มหน้าลง แล้วก็ค่อยพูดๆ พูดออกมาสามคำ “ผมยอมแพ้…….”
ใบหน้าของเนี่ยเฟิงก็เผยรอยยิ้มที่สดใสออกมา ราวกับมีลมแห่งฤดูใบไม้ผลิพัดผ่าน ให้ความรู้สึกถึงช่วงน้ำแข็งละลายในฤดูใบไม้ผลิ “ไอ้หนุ่ม คุณทำถูกแล้ว นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกที่สุดในชีวิตคุณ”
เนี่ยเฟิงสะบัดฝุ่นบนเสื้อผ้าตนเอง แล้วก็หันไปมองกรรมการผู้ตัดสิน แต่ตอนนี้กรรมการผู้ตัดสินก็กำลังอึ้งจนพูดอะไรออกมาไม่ออก
กรรมการผู้ตัดสินก็เลียรมฝีปากที่แห้งกร้านของตนเอง แล้วประกาศว่า “เนี่ยเฟิงชนะ!”
แล้วเนี่ยเฟิงก็เดินลงเวทีไปอย่างภูมิใจ เขาเดินไปทางพานฉางอัน แล้วก็ยื่นมือออกมา “เอาโทรศัพท์มาคืนพี่ได้แล้ว”
พานฉางอันก็ค่อยๆ เอาโทรศัพท์คืนเขาไปอย่างมีมารยาท จากนั้นเนี่ยเฟิงก็เดินไปหาลิซ่า แล้วเขาก็พูดอย่างยิ้มไม่หุบว่า “เหมือนว่าจะชนะแล้ว”
ลิซ่าก็ยิ้มแบบมีเลศนัย “ไม่ใช่เหมือนจะชนะ แต่คุณชนะแล้ว ฉันรู้ว่าคุณลงเดิมพันไปด้วย100ล้าน เดี๋ยวสักพักมาหาฉันที่ห้องทำงานประธานนักเรียนแล้วกัน”
ลิซ่าพูดจบ ก็เดินลงที่นั่งผู้ชมไป แล้วเธอก็เหลือบไปมองหวางต้าฉิวที่ยืนนิ่งอยู่บนเวที แล้วก็พูดว่า “ยกเลิกชมรมเทควันโดเสีย”
ถึงแม้หวางต้าฉิวจะมีพื้นที่ใหญ่อย่างวิทยาเขตA แต่ว่าพวกนี้อยู่ภายใต้การดูแลของสภานักเรียน แต่ทางสภานักเรียนมีอำนาจตัดสินว่าใครมีความสามารถหรือไม่ จากนั้นก็คิดค่าเช่าที่
บางคนก็ได้เช่าฟรีๆ
หวางต้าฉิวได้ยินลิซ่าพูดแบบนี้ เขานั่งลงไปที่บนเวทีประลอง อย่างไม่สนใจความเจ็บปวดของตนเอง แล้วก็ร้องตะโกนว่า “ลิซ่า!คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!”
“หือ? ทำไมล่ะ?” ลิซ่ายิ้มถาม
“ผมเป็นคนของทหารพันธมิตร!” ประเทศที่หวางต้าฉิวสร้างมาอย่างยากลำบาก จะพังไปแบบนี้ได้อย่างไร?
“บางทีตอนนี้อาจจะยังอยู่” ลิซ่าผ่อนหัวไหล่ แล้วก็เดินหน้าต่อไป ทิ้งไว้เพียงเรือนร่างอันเอวบางร่างน้อยชวนให้คนคิดลึก
หวางต้าฉิวแพ้ให้กับคนที่ไม่มีอำนาจใดๆ เลย คนคนนี้แทบจะไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปเลยด้วยซ้ำไป
ถ้าทหารพันธมิตรรู้เรื่องนี้ แล้วจะรับหวางต้าฉิวอยู่อีกหรือ?
และในตอนนี้ คนที่เข้าร่วมชมรมเทควันโดของหวางต้าฉิวก็พากันเดินเข้ามา พวกเขาไม่ได้เป็นห่วงอาการบาดเจ็บของหวางต้าฉิว แต่มาเอาเงินค่าสมัครคืนจากหวางต้าฉิว
เพราะถึงอย่างไร การจะได้เข้าร่วมกับชมรมเทควันโด จะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากพอสมควร
หวางต้าฉิวได้เอาเงินจำนวนนั้นไปลงเดิมพันหมดแล้ว เขายังจะมีเงินไปคืนให้กับคนพวกนี้ได้อย่างไรกัน?
ถ้าไม่ถูกยึดที่คืนล่ะก็ บางทีหวางต้าฉิวก็อาจจะมีโอกาสรอด แต่ตอนนี้ชมรมเทควันโดของเขาถูกสภานักเรียนยึดไปแล้ว งั้นก็หมายความว่าหวางต้าฉิวไม่มีโอกาสที่จะได้เงินอีกแล้ว
ทุกคนก็สาปแช่งหวางต้าฉิว หลักๆ ก็เป็นเพราะว่าพวกนั้นได้ลงเดิมพันไปว่าหวางต้าฉิวจะชนะ แต่หวางต้าฉิวกลับทำให้พวกเขานั้นต้องขาดทุนไปมากมาย หวางต้าฉิวก็เลยจะถูกคนมากมายเอาเรื่อง
และในตอนนี้คนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งอย่างหลี่สิ้น พอเห็นทุกอย่างแล้ว ก็กำลังอยากจะหนีไปจากตรงนั้น
แต่ว่าตอนนั้นเองหลี่สิ้นรู้สึกว่ามีสายตาอะไรบางอย่างกำลังจับจ้องตนเองอยู่ หลี่สิ้นหันไปมองยังสายตานั้นที่ส่งมา และเห็นว่าเป็นสายตาของเนี่ยเฟิง
“บัญชีของพวกเรา เอาไว้วันหลังค่อยคิด”
หลี่สิ้นรู้สึกว่าตัวเองตัวสั่นขึ้นมาทันที เขาถอยหลังไปโดยสัญชาตญาณ แล้วก็วิ่งหนีไปไม่เห็นฝุ่น ราวกับหนูเห็นแมว
เนี่ยเฟิงเก็บสายตากลับมา ตอนนี้อลิซก็วิ่งเหยาะๆ เข้ามา เนื่องจากเธอดีใจมาก แล้วก็พูดอย่างหน้าแดงแจ๋ว่า “นี่ ทำไมนายมาเรียนที่นี่ด้วยล่ะ?”
“แล้วผมต้องรายงานคุณด้วยหรือไง?” เนี่ยเฟิงทำท่าผ่อนหัวไหล่
“เหอะ บอกฉันหน่อยไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ขี้หวง!แต่ว่าเมื่อครู่นี้นายเท่มากเลยนะ นายทำได้อย่างไรกันแน่?”
พออลิซคิดว่าเนี่ยเฟิงใช้แค่สองกระบวนท่าก็สามารถเอาชนะฝั่งตรงข้ามได้ ก็รู้สึกว่าเนี่ยเฟิงเท่เป็นบ้าเลย!
“นี่เป็นความลับของตระกูลผม ผมบอกคุณไม่ได้หรอก แต่ว่าถ้าคุณยอมมีอะไรมาแลกเปลี่ยนล่ะก็ บางทีผมอาจจะช่วยชี้แนะคุณได้บ้างนะ” เนี่ยเฟิงยิ้มยิงฟัน
อลิซก็บืนปาก “ฉันไม่สนใจเสียหน่อย!ในเมื่อนายก็มาเรียนที่นี่แล้ว แล้วนายอยู่วิทยาเขตไหนล่ะ? เรียนอะไร?”
นี่ก็ทำให้เนี่ยเฟิงแปลกใจมาก เธอถามออกมารวดเดียวแบบนี้เลย
“คุณจะถามไปทำอะไรกันล่ะ? หรือว่าอยากจะสืบข้อมูลผม?”
เนี่ยเฟิงก็มองขวางใส่อลิซ “หรือว่าคุณตกหลุมรักผมเข้าแล้วห้ะ?”
อลิซก็ปลื้มเนี่ยเฟิง เพราะว่าเนี่ยเฟิงช่วยชีวิตตนเองในตอนคับขันไว้ เจ้าชายขี่ม้าขาวในใจของอลิซก็เหมือนกับเนี่ยเฟิงเลย
ดังนั้นโดยรวมแล้ว เนี่ยเฟิงก็ถือว่าไม่เลว แต่ว่าอลิซก็จะไปยอมรับเลยก็ไม่ได้ เธอทำไม่ได้
“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลยนายอะ แค่ครั้งก่อนช่วยฉันไว้ ฉันก็แค่อยากจะขอบคุณก็เท่านั้นเอง! ครั้งนี้นายทำให้ฉันชนะแล้วเงินมาไม่น้อย เอาอย่างนี้ คืนนี้ฉันจะไปจองโต๊ะที่พับเยว่สื้อ พวกเรามาดื่มกันหน่อย ถือว่าฉันเลี้ยงขอบคุณนายแล้วกัน!”
อลิซก็แกล้งทำเป็นไอกลบเกลื่อน แล้วก็พูดเสริมว่า “คืนนี้3ทุ่ม!ไม่เจอไม่กลับ!”
พอพูดออกไป อลิซก็ลากเพื่อนของตัวเองจากไป
พานฉางอันก็พูดแซวเนี่ยเฟิงว่า “บ๊ะ พี่เฟิง ถ้าผมมองไม่ผิดล่ะก็ ผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นนายหญิงของเมืองทองเชียวนะ!ไม่เบาเลยนะเนี่ย!ไปรู้จักเธอตอนไหนล่ะ?”
“ปากมาก” เนี่ยเฟิงมองขวางใส่พานฉางอัน “ห้องทำงานประธานสภานักเรียนไปทางไหน? พาไปที”