พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 561 อะเดค่าที่หายตัวไป
เนี่ยเฟิงมาถึงโรงเรียนแห่งนี้เป็นอาทิตย์แล้ว ก็ไม่รู้ว่าอะเดค่าฝั่งโน้นเป็นยังไงบ้างแล้ว บวกกับแท่งขนมพลังงานของเนี่ยเฟิงได้ใช้ไปพอสมควรแล้ว ดังนั้นก่อนจะไปกินข้าวบ้านลิซ่าวันหนึ่ง เนี่ยเฟิงก็กลับไปถึงเมืองกู่ปาเลย
เนี่ยเฟิงมาถึงหน้าประตูคลินิกแพทย์แผนจีนของคุณปู่อะเดค่าในเมืองกู่ปา ก็รู้สึกไม่ค่อยปกติเล็กน้อย เพราะว่ายิ่งกลายเป็นเงียบเหงาวังเวงมากขึ้น ตามหลักการมากล่าวแล้วมีใบสั่งยาที่เนี่ยเฟิงให้แก่พวกเขา ไม่ถึงจะกลับกลายเป็นลักษณะแบบนี้จึงจะถูก
เนี่ยเฟิงขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก มองไปยังสถานที่อื่นบนถนน มองแล้วมองอีก ดูเหมือนจะกลายเป็นยิ่งเงียบเหงาวังเวงมากขึ้นเช่นกัน เดิมทีคนเหล่านั้นที่ดีใจได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านตนเองต่อ ปัจจุบันนี้ล้วนไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว ทั้งถนนล้วนว่างเปล่าเลย
เนี่ยเฟิงเดินไปหนึ่งรอบ หาคนที่เหมาะสมจะมาถามไม่เจอ เนี่ยเฟิงนึกถึงร้านอาหารที่แต่ก่อนอะเดค่าเคยพาเขาไป ก็ไม่รู้ว่าพวกเขายังทำงานอยู่ที่นั่นหรือไม่ ดังนั้นเนี่ยเฟิงจึงเดินไปยังทิศทางของร้านอาหาร
หลังจากเนี่ยเฟิงมาถึงร้านอาหารพูดถึงเจตนาที่มาโดยตรง และผู้รับผิดชอบร้านอาหารบอกกับเนี่ยเฟิงว่า พวกเขาทั้งหมดถูกเจ้าเมืองเมืองกู่ปารับไปโรงงานแล้ว
“เจ้าเมืองเมืองกู่ปาเป็นคนที่ดีมาก ตอนนั้นเป็นลูกชายของเขาคิดเองเออเองที่จะก่อสร้างพระราชวัง ไม่ใช่ความคิดของเขาเลย เขามองเห็นทุกคนล้วนใช้ชีวิตลำบากยากแค้นมากๆ ดังนั้นตั้งใจรับพวกเขาไปยังโรงงานของตนเอง อีกทั้งยังมีหอพักให้พัก ดังนั้นคนเหล่านั้นล้วนไม่ได้พักอยู่ที่เดิมบนถนน ”
ตอนที่เถ้าแก่ร้านอาหารพูดอย่างนี้ เนี่ยเฟิงเพียงรู้สึกว่าหงุดหงิดใจ เพราะเนี่ยเฟิงไม่คิดว่าสิ่งที่เถ้าแก่ร้านอาหารพูดจะถูก เขาเคยเห็นเจ้าเมืองเมืองกู่ปามาก่อน คนคนนั้นพอเห็นก็รู้ว่าไม่ได้เป็นคนดีอะไร อีกทั้งเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ว่าลูกชายของตนเองบงการก่อสร้างพระราชวัง
สามารถเลี้ยงดูอบรมลูกชายที่โอหังเช่นนี้ออกมา เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะเป็นคนดีอีกล่ะ? เนี่ยเฟิงยิ่งคิดก็รู้สึกยิ่งแปลกประหลาด เขานึกถึงมือถือที่ทิ้งไว้ให้กับอะเดค่าเครื่องนั้น
นานขนาดนี้แล้วก็ไม่เห็นอะเดค่าโทรหาตนเองมาก่อน เขาก็ไม่รู้สภาพการณ์ของอะเดค่าฝั่งโน้น
“คุณรู้ว่าโรงงานที่เขาก่อสร้างอยู่ที่ไหนไหม?”
เนี่ยเฟิงลองโทรหาอะเดค่า แต่โทรศัพท์ของอะเดค่ากลับแสดงให้เห็นว่าปิดเครื่องไว้
แม้ว่าระดับการศึกษาของอะเดค่าไม่สูง แต่เนี่ยเฟิงรู้ว่าอะเดค่าใช้เป็นอยู่ เพราะว่าเนี่ยเฟิงก็เคยเห็นอะเดค่าแนะนำประโยชน์ใช้สอยของมือถือให้กับพวกน้องๆของตนเองมาก่อน
“ผมได้ยินว่าโรงงานที่เจ้าเมืองเมืองกู่ปาก่อสร้างจะอยู่เขตชานเมืองทางใต้ ฝั่งโน้นแม้ว่าไม่ร่ำรวยมั่งคั่ง แต่ว่าเป็นโรงงานของเจ้าเมืองเมืองกู่ปา พวกเขาน่าจะจ่ายค่าตอบแทนที่ค่อนข้างมหาศาลล่ะ? อะเดค่าก็พาพวกน้องๆไปยังโรงงานที่เจ้าเมืองเมืองกู่ปาก่อตั้งเช่นกัน เธอบอกว่าจะไปรักษาโรคให้กับคนในโรงงานฝั่งโน้น อย่างนี้ก็สามารถได้รับรายได้อีกก้อนหนึ่ง”
“ขอบคุณ”
หลังจากเนี่ยเฟิงพูดจบออกจากร้านอาหารโดยตรง เขายื่นมือเรียกรถคันหนึ่งมา มาถึงเขตชานเมืองทางใต้โดยตรง
ระหว่างทางเนี่ยเฟิงใช้ภาษาซีที่คล่องแคล่วมากๆพูดคุยกับคนขับรถอยู่ คนขับรถก็รู้สึกตื่นตะลึงเล็กน้อย นึกไม่ถึงภาษาซีของเนี่ยเฟิงจะพูดคล่องขนาดนั้น
“แต่ผมก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเขตชานเมืองทางใต้ฝั่งโน้นมีโรงงานอะไรล่ะ แต่ก่อนฝั่งโน้นเคยเกิดความวุ่นวายจากภัยสงครามมาก่อน ได้ยินว่าผืนดินฝั่งโน้นแม้แต่หญ้าล้วนไม่ขึ้นเลย ตามหลักการมากล่าวแล้วจะไม่ให้ก่อสร้างโรงงานจึงจะถูก คนที่ใช้ชีวิตอยู่ฝั่งโน้นคนที่ผมร่วงก็ผมร่วงคนที่เป็นมะเร็งก็เป็นมะเร็ง พื้นที่ผืนนั้นไม่มีคนพักอยู่นะ”
ยามปกติเนี่ยเฟิงไม่ชอบคุยเรื่อยเปื่อยกับคนอื่นเลย แต่หลังจากเขาพูดคุยกับคนขับรถในท้องถิ่นมาแล้ว ก็ได้รับข้อมูลยิ่งมากขึ้น ตอนนี้เนี่ยเฟิงติดต่ออะเดค่าไม่ได้ เขารู้สึกแปลกประหลาดมาก
บวกกับคนขับรถบอกกับเขาว่า ฝั่งโน้นไม่เหมาะที่จะให้คนพัก เจ้าเมืองเมืองกู่ปาจะไปก่อตั้งโรงงานอยู่ที่นั่นเหรอ?
คนขับรถส่งเนี่ยเฟิงมาถึงจุดหมายปลายทางที่เขาบอก กลับมีกำแพงทรุดโทรมไม่น้อย เพราะว่าประสบพบเจอกับสงครามมาก่อน อีกทั้งยังโดนระเบิดพิเศษจู่โจมมาก่อน ด้วยเหตุนี้พื้นที่แห่งนี้หญ้าไม่ขึ้นเลยสักนิด กระทั่งล้อมสายเตือนภัยไว้แล้ว
ถึงแม้ว่าเป็นเช่นนี้ ยังมีคนเร่ร่อนไม่น้อยใช้ชีวิตอยู่ในเขตชานเมืองแห่งนี้ เพราะว่าบ้านที่นี่ไม่ต้องจ่ายเงิน พวกเขาสามารถพักอยู่ที่นี่ ก็ไม่กลัวที่จะถูกคนไล่ออก เพียงแค่พักอยู่ที่นี่นานแล้วก็อาจจะมีชีวิตอยู่ไม่นาน
เนี่ยเฟิงเดินไปหนึ่งรอบ ก็ไม่เห็นโรงงานที่พูดมานั้น และยิ่งเข้าไปข้างในอีกหน่อยยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนเลย เนี่ยเฟิงจ้องมองเด็กๆหลายคนที่ดำปิ้ดปี๋ผอมแห้งจนเห็นกระดูกนั่งยองๆอยู่ข้างๆหนึ่งที
เด็กๆหลายคนนี้กำลังใช้สายตาที่หวาดกลัวจ้องมองเนี่ยเฟิงอยู่ พวกเขาดูเหมือนอยากรู้อยากเห็นมาก คนที่สวมใส่งดงามสดใสอย่างเนี่ยเฟิงแบบนี้ ทำไมมาที่นี่ล่ะ?
เนี่ยเฟิงยื่นมือหยิบแท่งขนมพลังงานออกมาหลายแท่งส่งเข้าไป เด็กๆหลายคนนี้มีความลังเลเล็กน้อย
เนี่ยเฟิงก็เลยใช้ภาษาท้องถิ่นบอกกับพวกเขาว่า “ไม่เป็นไร กินเถอะ นี่เป็นของที่สามารถเสริมกำลังกาย”
พวกเด็กๆหิวมากแล้วจริงๆ ยามปกติแม้แต่อาหารที่กินเหลือพวกเขาล้วนไม่สามารถได้รับ เห็นแท่งขนมพลังงานนี้ก็สนใจไม่ได้มากขนาดนั้นแล้ว กินไปสองคำเด็กๆเหล่านี้รู้สึกอิ่มท้องทันที ร่างกายก็เต็มเปี่ยมด้วยพลังเช่นกัน
เนี่ยเฟิงหยิบกระเป๋าเงินออกมาให้ธนบัตรหลายใบแก่พวกเขา จากนั้นซักถามว่า “ผมมีคำถามบางอย่างอยากจะถามพวกแก ถ้าหากพวกแกตอบตามความจริง อย่างนั้นเงินเหล่านี้ที่อยู่ในมือผมก็เป็นของพวกแกแล้ว”
ตาของเด็กๆเหล่านั้นสว่างขึ้น พวกเขาเหมือนดั่งหมาป่าจ้องมองธนบัตรที่อยู่ในมือของเนี่ยเฟิง แต่น่าเสียดายพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเนี่ยเฟิง เนี่ยเฟิงก็เข้าใจว่าเด็กๆกลุ่มนี้ไม่มีเจตนาร้าย พวกเขาเพียงแค่หิวจนสุดขีดยากแค้นจนกลัวแล้ว
ธนบัตรที่อยู่ในมือเนี่ยเฟิงสำหรับพวกเขามากล่าวจะเป็นเสบียงอาหารสำหรับสัปดาห์ถัดไป กระทั่งเป็นสองสัปดาห์
“พวกแกพักอยู่ที่นี่นานขนาดไหนแล้ว?”
“คุณผู้ชาย พวกเราพักอยู่ที่นี่มาหลายสัปดาห์แล้ว”
เพราะว่าไม่มีสถานที่พัก ดังนั้นพวกเขาได้แต่มาทำมาหากินที่นี่ กลางวันพวกเขาแอบไปขอทานที่ในเมืองบ้าง เพราะว่าเด็กสกปรกอย่างพวกเขาแบบนี้ ไม่ให้เข้าในเมืองหลัก ในเมืองหลักที่โน่นมีเพียงคนที่งดงามสดใส แม้แต่คนขอทานก็ยังแต่งตัวทันสมัย
“งั้นพวกแกอยู่ในสัปดาห์นี้เคยเห็นเรื่องที่แปลกประหลาดอะไรมาก่อนไหม?” เนี่ยเฟิงซักถามอีก
เด็กๆหลายคนนั้นสบตากันหนึ่งที ดูเหมือนพยายามหวนคิดอยู่ หลังจากผ่านไปนาน เด็กๆหนึ่งในนั้นดูเหมือนนึกอะไรออก
“วันก่อนมีคนกลุ่มหนึ่งมาถึงที่นี่ พวกเขามองซ้ายแลขวาอยู่ที่นี่ดูแล้วเหมือนงุนงงมาก จากนั้นพวกเขาถูกจัดสรรไปยังบนรถที่ต่างกันอีก”
“ใช่ ใช่ ใช่ มีเรื่องอย่างนี้จริงๆ ตอนนั้นพวกเราหิวมากเกินไปแล้ว เห็นคนเหล่านั้นสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ พวกเราก็อยากจะเข้าไปดูว่ามีของกินไหม ผมดูเหมือนได้ยินพวกเขาพูดเรื่องนี้……”
“ตอนนั้นพวกเราตกใจจนแย่แล้ว เพราะว่าพวกเขาคิดที่จะเอาผู้หญิงไปขายที่งานประมูล รายละเอียดเป็นยังไงผมก็ไม่ค่อยชัดเจนเช่นกัน”
เด็กๆหลายคนนั้นก็ได้ยินเพียงคร่าวๆ
พายุทรายที่นี่แรงไปหน่อย ดังนั้นเมื่อกี้เนี่ยเฟิงเดินไปหนึ่งรอบก็ไม่เห็นร่องรอยประเภทรอยล้อรถแบบนั้น แต่ว่าเขามองเห็นเศษบุหรี่หลายชิ้น
บุหรี่เหล่านี้ดูแล้วราคาก็ไม่ถูกเช่นกัน คนมีเงินจะวิ่งมาสูบบุหรี่ในถิ่นทุรกันดารแถวชานเมืองนี้ได้ยังไงล่ะ?
เนี่ยเฟิงลูบคางแล้วลูบคางอีก จากนั้นพูดกับเด็กๆหลายคนนั้นว่า “พวกแกรู้ไหมว่าสถานที่แห่งนี้มีรังสีไหม?”