พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 562 งานประมูล
เด็กหลายคนนั้นงุนงงเหลือเกิน ไม่รู้ว่าตกลงที่เนี่ยเฟิงพูดหมายความว่าอะไรกันแน่ พวกเขากระทั่งไม่รู้อะไรเรียกว่ารังสี
“พวกแกไม่ได้รู้สึกว่าร่างกายไม่สบายเลยเชียวเหรอ?”
แน่นอนเนี่ยเฟิงได้สังเกตถึงเด็กๆหลายคนในนี้มีบางคนได้ประสบกับรังสี ร่างกายไม่แข็งแรงแล้ว
เพียงแค่เด็กๆเหล่านี้ทุกวันล้วนกินไม่อิ่มใส่ไม่อุ่น ในยามปกติร่างกายก็ไม่สบายอยู่แล้ว นี่ก็เป็นเรื่องปกติมากเช่นกัน
พวกเด็กๆสบตากันไม่เข้าใจความหมายของพี่ชายคนนี้ แต่ว่าพี่ชายคนนี้ดูแล้วเป็นคนดีคนหนึ่ง พวกเขาจ้องมองเงินที่อยู่ในมือของเนี่ยเฟิงตาปริบๆอยู่ เนี่ยเฟิงส่งเงินเข้าไปให้เด็กๆหลายคนนี้
“เอาไปซื้อของกินสักหน่อยเถอะ ค่อยไปซื้อรองเท้าคู่หนึ่งอีก พวกแกรู้จักเมืองกู่ปาไหม?”
เด็กๆหลายคนนั้นพยักหน้าทันที พวกเขาย่อมรู้อยู่แล้ว เพราะว่าพวกเขาผ่านมาหลายเมืองก็แค่เพื่อที่จะขอข้าวกินสักมื้อ แต่ว่าพวกเขาแม้แต่ข้าวล้วนมักจะไม่ได้กินบ่อยๆ
“ในเมื่อรู้จักเมืองกู่ปา งั้นพรุ่งนี้ในเวลานี้พวกแกก็มาหาผมที่คลินิกแพทย์แผนจีนในเมืองกู่ปาเถอะ ผมจะให้พวกแกมีข้าวกินนะ”
เด็กๆหลายคนนี้พอได้ยินเนี่ยเฟิงพูดเช่นนี้ ตาทั้งคู่เปล่งแสงสว่าง เห็นแล้วดูเหมือนเต็มไปด้วยการเฝ้ารอคอย
รังสีสำหรับร่างกายคนสามารถพูดได้ว่าไม่มีทางแก้ เพราะว่าร่างกายรับรังสีกัมมันตรังสีที่น่ากลัวแบบนี้ไม่ไหวเลยสักนิด
อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ เซลล์ของร่างกายคนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นมะเร็ง ไม่นานคนก็จะตายไป เด็กๆหลายคนนี้เห็นได้ชัดเกิดการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นมะเร็งแล้ว
ถ้าหากเป็นคนอื่นอาจไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ แต่เนี่ยเฟิงไม่เหมือนกัน ความสามารถของเนี่ยเฟิงเลิศล้ำ ทั้งสืบช่วงฝีมือการรักษาโรคของคุณตาเขาอีก บวกกับก่อนที่เขาจะออกเดินทาง ยังเคยอ่านหนังสือเคล็ดลับวิชาเหล่านั้นของคุณตามาก่อน ข้างในก็ยังมีหนังสือแพทย์มากมายเช่นกัน
ความรู้เหล่านี้เขาล้วนแกะสลักอยู่ในสมอง
เนี่ยเฟิงรู้ว่าทั้งหมดนี้ย่อมเป็นเจ้าเมืองเมืองกู่ปาแอบวางแผน อย่างแน่นอน ตั้งแต่แรกเจ้าเมืองเมืองกู่ปาคิดว่าเขาเป็นนักล่าเงินรางวัล หลังจากรอเขาออกไป เขาหาเวลาที่เหมาะเจาะ ตั้งใจหลอกคนมาถึงถิ่นทุรกันดารแถวชานเมืองนี้ แยกชายหญิงพาไปหมดเลย สติฟั่นเฟือนจริงๆเลย
แต่ว่าในเวลานี้ถ้าเนี่ยเฟิงไปหาเจ้าเมืองเมืองกู่ปา เขาย่อมจะมีการระวังตัวอย่างแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกกับตนเองว่าเขาส่งอะเดค่าไปที่ไหน ไอ้คนนี้เพราะว่าเรื่องของลูกชายเขายังเคียดแค้นอยู่ในใจ
ถ้าหากต่อสู้กันจนตกตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย เนี่ยเฟิงจะหาอะเดค่าเจอก็อาจจะค่อนข้างยากลำบากแล้ว เนี่ยเฟิงคิดแล้วคิดอีกหยิบมือถือออกมาโทรหาลิซ่าเลย
ลิซ่าเห็นเนี่ยเฟิงโทรมามีความรู้สึกตื่นตะลึงเล็กน้อย ยามปกติเนี่ยเฟิงล้วนจะไม่โทรมานะ น้อยมากที่จะเป็นฝ่ายติดต่อเธอเอง
“ก็ไม่รู้ว่าวันนี้ลมอะไรพัดมา คุณถึงขนาดโทรหาฉัน วันเดียวไม่เจอคุณก็คิดถึงฉันขนาดนั้นเลยเชียวเหรอ?”
ลิซ่าหยอกล้อเนี่ยเฟิงไปทีหนึ่ง เนี่ยเฟิงกลับตัดคำของลิซ่าไปเลย
“ผมมีเรื่องหนึ่งอยากให้คุณช่วยผมสืบสักหน่อย”
ลิซ่ามีความผิดหวังอย่างมาก “ฉันยังคิดว่าคุณหาฉันจะทำอะไรล่ะ ที่แท้คือจะให้ฉันสืบเรื่องล่ะ งั้นคุณพูดเถอะ ถึงยังไงคุณอยู่กับฉันที่นี่จะมีสิทธิสูงสุดเชียวนะ”
“ช่วงนี้เจ้าเมืองเมืองกู่ปาดูเหมือนจะขจัดคนกลุ่มหนึ่งไป ผมได้ยินว่าผู้หญิงถูกขายไปที่งานประมูล ผมอยากรู้ว่างานประมูลหมายความว่าอะไร”
ลิซ่ากะพริบตาแล้วกะพริบตาอีก ย้อนนึกถึงเมืองกู่ปา เมืองกู่ปาเป็นเมืองที่ค่อนข้างลำบากยากแค้นของพวกเขาฝั่งโน้น และอยู่ในเมืองแห่งนี้ล้วนเป็นคนแก่เด็กคนป่วยคนพิการและเด็กกำพร้าจากสงครามบ้างเล็กน้อยทั้งหมด
เนี่ยเฟิงถึงขนาดมีความเกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้ นี่ช่างน่าสนุกแล้วจริงๆ
“แม้ฉันไม่รู้ว่าคุณรู้จักคนของเมืองกู่ปาฝั่งโน้นได้ยังไง แต่ว่าเมืองที่เหมือนอย่างนี้มีมากมาย พวกเขาลำบากยากแค้นมาก คนส่วนใหญ่ที่มีรูปร่างหน้าตาดีเล็กน้อยล้วนจะดึงดูดใจคนด้วยรูปร่างหน้าตา อย่างนี้สามารถนำผลประโยชน์ให้กับพวกเขา และสามารถรักษาชีวิตให้คงอยู่ต่อไปในช่วงเวลาหนึ่ง และคนเหล่านี้่ส่วนใหญ่หลอกง่าย…..ก็เหมือนดั่งที่คุณพูด พวกเจ้าเมืองเพื่อที่จะขับไล่คนเหล่านั้น มักจะใช้เหตุผลต่างๆนานาหลอกล่อพวกเขาออกไป”
ลิซ่ารู้ว่าวิชาชีพเหล่านี้ชั่วร้ายมากๆ ตัวเธอเองก็รู้สึกว่าเหี้ยมโหดมากเช่นกัน แต่นี่จะมีประโยชน์อะไรอีกล่ะ? เธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพการณ์แบบนี้ในปัจจุบันได้
เธอหวังว่ากลุ่มพันธมิตรที่สี่จะสามารถก่อตั้งขึ้นมาได้ อย่างนี้ก็จะได้เปิดประเทศใหม่อีกแห่งหนึ่ง
เพียงแค่ไม่รู้ว่าเนี่ยเฟิงจะเป็นคนที่มีอุดมการณ์ตรงกันกับเธอหรือไม่ แต่ว่า ผ่านการสำรวจของเธอในช่วงเวลานี้ เธอยิ่งเข้าใจเนี่ยเฟิงคนนี้มีพลังความสามารถมากๆ ถ้าหากสามารถดึงเนี่ยเฟิงมาเป็นพวก งั้นเรื่องก็จะกลายเป็นง่ายขึ้นมากเลย
นี่ก็เป็นสาเหตุที่เคลต์บิดาของเธอทำไมต้องให้เธอพาเนี่ยเฟิงไปกินข้าวที่บ้าน
ตาเนี่ยเฟิงขึงลับลง “กล่าวโดยทั่วไปการประมูลต้องใช้เวลามากขนาดไหน?”
“กล่าวโดยทั่วไปก็ต้องหลังจากหนึ่งสัปดาห์ เพราะว่าคนเหล่านี้ล้วนใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ค่อนข้างลำบากยากแค้น ถ้าหากพรสวรรค์คุณสมบัติไม่เลวล่ะก็ คาดว่าสองวันนี้ก็จะจัดวางทำการประมูลแล้ว”
น้อยมากที่เนี่ยเฟิงจะถามคำถามเหล่านี้ ลิซ่าครุ่นคิดอยู่ว่าคนเหล่านั้นในเมืองกู่ปาสำหรับเนี่ยเฟิงมากล่าวแล้วน่าจะค่อนข้างสำคัญล่ะ?
“ต้องการให้ฉันไปช่วยคุณสืบหาสักหน่อยไหม? เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของพวกเราที่นี่ไม่นานก็จะให้คำตอบคุณได้”
“ได้”
เนี่ยเฟิงรอไม่นานมาก เจ้าหน้าที่ขององค์กรข่าวกรองฝั่งโน้นก็มีฟีดแบคให้แก่เขาทันทีเลย
เนี่ยเฟิงจ้องมองห้างประมูลที่อยู่บริเวณใกล้เคียงและทิศทางการไหลของเจ้าหน้าที่หนึ่งที
“ที่นี่มีร่องรอยในการไหลเข้าของเจ้าหน้าที่เมืองกู่ปา”
เจ้าหน้าที่ข่าวกรองตั้งใจระบุไว้ให้เนี่ยเฟิงดู เนี่ยเฟิงเห็นข้างบนเขียนไว้ว่าห้างประมูลไป๋อิ๋น
เนี่ยเฟิงใส่มือถือไว้ในกระเป๋า จากนั้นเรียกรถคันหนึ่ง มุ่งไปยังห้างประมูลไป๋อิ๋นโดยตรง
ห้างประมูลไป๋อิ๋นสมดั่งเปิดโดยคนมีเงิน ที่นี่โออ่าหรูหรามากๆ แม้แต่ผู้รับผิดชอบของห้างประมูลก็ยังไม่เหมือนกันไปหมด
ผู้รับผิดชอบเงยหน้ามองเห็นเนี่ยเฟิงเข้ามาแล้ว อารมณ์ไม่ดีพูดว่า “จะมาจำนำอะไรที่นี่?”
อยู่ในสายตาของผู้รับผิดชอบ เนี่ยเฟิงดูแล้วก็ไม่เหมือนเป็นคนที่มีเงิน คนที่ไม่มีเงินมาที่นี่ล้วนเอาของต่างๆนานามาจำนำ
“ผมไม่ใช่จะเอาของมาจำนำ ผมอยากจะรู้ว่าช่วงนี้พวกคุณมีงานประมูลหรือไม่ คือทำการประมูลทาสของเมืองกู่ปา”
เนี่ยเฟิงก็ไม่ได้อ้อมค้อมเช่นกัน ซักถามอย่างตรงๆไม่อ้อมค้อมแบบนี้
ในเวลานี้ผู้รับผิดชอบใช้สายตาที่สงสัยงงงวยจ้องมองเนี่ยเฟิงอยู่ ลักษณะท่าทีของเนี่ยเฟิงก็ไม่เหมือนที่จะมาเข้าร่วมงานประมูล ก็ไม่รู้ว่าจะวิ่งมาหาคนถึงที่นี่หรือไม่ล่ะ เรื่องแบบนี้มักจะเกิดขึ้นบ่อย ดังนั้นผู้รับผิดชอบส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก
“ผมไม่รู้คุณอย่ามาถามผม ถ้าหากไม่ใช่จะเอาของมาจำนำก็รีบไสหัวออกไปเถอะ อย่ามาขวางหูขวางตาอยู่ที่นี่”
เนี่ยเฟิงทำตายี๋แล้วทำตายี๋อีก ได้ยินคำพูดเหล่านี้ของผู้รับผิดชอบ ทั้งเห็นสีหน้าที่หงุดหงิดของผู้รับผิดชอบอีก เขาก็รู้แล้วว่าผู้รับผิดชอบไม่ได้คิดจะบอกที่ไปของทาสเมืองกู่ปาให้กับเขาเลย
“งั้นผมสามารถซื้อบัตรเข้างานประมูลกับพวกคุณใบหนึ่งได้หรือไม่?”
“ขอโทษจริงๆ อยากจะเข้างานประมูลของพวกเรา คุณยังไม่มีสิทธิ์พอ มีเพียงตระกูลผู้ดีจึงจะสามารถเข้าไปได้ พอเห็นคุณแล้วก็รู้ว่าไม่ใช่ตระกูลผู้ดี!”
ในเวลานี้ผู้รับผิดชอบโมโหมากแล้ว เพียงเห็นเขาตบอยู่บนโต๊ะทั้งร้องตะโกนว่า “อย่ามากวนคนอยู่ที่นี่ ผมเคยพูดมาก่อนแล้ว ไสหัวออกไป!”
“คนที่อยู่ในห้างประมูลไป๋อิ๋นของพวกคุณล้วนจะโอหังขนาดนั้นเหรอ?”