พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 578 จ้างตนเอง
“คนคนหนึ่งถ้าหากอยากจะแข็งแกร่งขึ้น อย่างงั้นความเร็วกับแรงพลังล้วนขาดแคลนไม่ได้ นอกจากต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งแล้ว ยังต้องมีสมองที่คล่องแคล่วว่องไวอีก”
เนี่ยเฟิงรู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ได้เชื่อตนเองเต็มร้อย แต่นี่ก็ไม่เป็นไร เพราะถ้าหากว่าพวกเขาหน้ามืดตามัวติดตามตนเองไม่มีแนวคิดกับความเห็นของตนเองขนาดนั้นแล้วจริงๆล่ะก็ นั่นนี่ก็นับไม่ได้ว่าเป็นคนแล้ว
“ผมเปิดค่ายมวยแห่งนี้คืออยากจะสอนพวกคุณให้เรียกใช้ร่างกายของตนเองได้ยังไง เพราะว่าร่างกายของทุกคนล้วนมีจุดได้เปรียบกับเงื่อนไขที่แน่นอน ถ้าประยุกต์ใช้ได้ดีล่ะก็ งั้นก็สามารถที่จะช่วยพวกคุณอีกแรงหนึ่ง แต่พวกคุณต้องรู้ด้วยว่า ในโรงเรียนนี้หากอยากจะเข้าร่วมชมรมใดๆล้วนต้องเสียค่าสมัครนะ”
เนี่ยเฟิงตรงๆไม่อ้อมค้อม ศิษย์ทั้งหลายสบตากันหนึ่งที มีความตกตะลึงพรึงเพริดเล็กน้อย
“แต่ประธานโฆษณาที่ติดอยู่ข้างนอกของพวกคุณ ทั้งๆที่บอกว่าไม่เก็บค่าสมัครใดๆ ในเวลานี้ทำไมพูดว่าจะเก็บอีกแล้วล่ะ?”
ถึงแม้ว่าเงินเหล่านี้สำหรับคนมีเงินมากล่าวนับไม่ได้เป็นอะไร แต่ค่าใช้จ่ายที่เก็บอยู่ในโรงเรียนผู้ดีเมืองจันทร์ราคาแพงจริงๆ ไม่ใช่ใครล้วนสามารถแบกภาระขึ้นมาไหวเลย ถึงแม้ว่าพวกเขามีเงินแต่พวกเขาก็ไม่แน่ที่จะมีเงินมากๆจริงๆ
ค่าเทอมที่ราคาแพงทำให้พวกเขาเหนื่อยมากแล้ว ปัจจุบันนี้เพิ่มค่าสมัครอีกก้อนหนึ่ง ทุกคนต่างคนต่างอยากถอนตัวออก
แต่แน่นอนอยู่แล้ว มีบางคนที่หน้ามืดตามัวเสาะหาความเร็วกับแรงพลังไม่ได้เอ่ยปากอะไรเลย เพราะว่าพวกเขารู้สึกว่านี่สำหรับพวกเขามากล่าวนับไม่ได้เป็นอะไร
“ใช่ ไม่เก็บค่าสมัครจริงๆ แต่คนที่จะกลายเป็นลูกศิษย์ค่ายมวยเฉิงเฟิงของผม จะต้องฟังการวางแผนของผม พวกคุณต้องกลายเป็นกำลังแรงงานของผม”
เนี่ยเฟิงตรงๆไม่อ้อมค้อม ทุกคนสบตากันหนึ่งทีล้วนมีความตกตะลึงพรึงเพริดเล็กน้อย พวกเขาไม่รู้ว่าคำพูดของเนี่ยเฟิงนี้ตกลงหมายความว่าอะไรกันแน่
“นี่พวกคุณก็ไม่ต้องสนใจมากขนาดนั้นแล้ว ตอนนี้จะแจกหนังสือสัญญาให้ พวกคุณทำการฝึกอบรมตามอาจารย์ สิ่งที่ตรงกัน พวกคุณก็ต้องทุ่มเทกำลังแรงงานบ้าง แต่ผมให้สัญญาทำการฝึกอบรมไปหนึ่งสัปดาห์ก็มีผลลัพท์ที่เลิศล้ำแล้ว!”
ในเวลานี้พานฉางอันก็ติดตามเข้ามา สิ่งที่อยู่ในมือเขาคือหนังสือสัญญาที่ถ่ายเสร็จแล้ว ทุกคนคิดอยู่ว่ายังไงก็ไม่ต้องจ่ายเงินเพียงแค่ติดตามเนี่ยเฟิงไปทำงานเท่านั้น นี่ก็นับไม่ได้ว่าเป็นอะไร ดังนั้นพวกเขาก็เลยวางใจลง ต่างคนต่างเซนต์หนังสือสัญญาชุดนี้ ประเด็นหลักคือฉากที่เนี่ยเฟิงเอาชนะหวางต้าฉิวนั้น ทำให้ตื่นตะลึงมากเกินไปแล้ว ตอนนี้พวกเขายังจำได้อยู่
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผมก็สาธิตสักรอบ ฝึกฝนร่างกายถึงสุดขีด จะได้มีแรงพลังและความแข็งแกร่งทรหดยังไง”
นี่ก็นับได้ว่าเป็นสวัสดิการที่ให้กับพวกเขาเช่นกัน แต่ก่อนพวกเขาเฟยหลงได้พบเห็นรู้จักมาก่อน ดังนั้นสามารถพูดได้ว่า เลื่อมใสศรัทธาต่อเนี่ยเฟิงอย่างสุดจิตสุดใจเหลือเกิน
สิ่งที่เนี่ยเฟิงเป็นจะมากกว่าที่พวกเขาจินตนาการเยอะเลย ทุกคนตั้งอกตั้งใจจ้องมองเนี่ยเฟิงอยู่ และในเวลานี้เนี่ยเฟิงไม่พูดแม้แต่คำเดียวเดินไปถึงหน้าโต๊ะที่อยู่ข้างๆ
โต๊ะตัวนี้เป็นโต๊ะหนังสือไม้มะฮอกกานีที่หนาแน่นมากๆ ยามปกติวางอยู่ที่นี่ให้คนงานพักผ่อนและทำงาน
หลังจากชมรมของพวกเขาหวางต้าฉิวถูกปิด นานขนาดนั้นแล้ว โต๊ะตัวนี้ล้วนไม่เคยมีคนเช็ดมาก่อน ดังนั้นข้างบนมากน้อยล้วนมีฝุ่นบางๆอยู่ชั้นหนึ่ง
แต่นี่ไม่เป็นไรเลย หลังจากเนี่ยเฟิงเดินเข้าไปกวักมือแล้วกวักมืออีกกับพวกสมาชิก พวกเขาล้อมรอบเข้ามาเป็นกลุ่ม
“ถ้าหากพวกคุณโจมตีโต๊ะไม้มะฮอกกานีตัวนี้ พวกคุณรู้สึกว่าโต๊ะไม้มะฮอกกานีนี้จะสร้างการกระทบกระเทือนให้กับพวกคุณแบบไหน และพวกคุณจะทิ้งร่องรอยแบบไหนไว้ล่ะ?”
เนี่ยเฟิงซักถามไปหนึ่งรอบ ปฏิกิริยาแรกของทุกคนก็คือมือทุบไปบนโต๊ะก็จะรู้สึกถึงความเจ็บปวด และโต๊ะตัวนี้แข็งมากเกินไปแล้วจริงๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะทิ้งร่องรอยไว้ข้างบนล่ะ
“ล้วนรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้กระเทือนถูกไหม?”
เนี่ยเฟิงพูดอยู่ยกมือของตนเองขึ้นมา มือของเขาดูแล้วมีพลังเหลือเกิน แต่ก็เพียงแค่ดูแล้วเท่านั้น เพราะว่าร่างกายของผู้ชายไม่เหมือนกันกับผู้หญิง กระดูกส่วนมือของพวกเขาเพียบพร้อมด้วยแรงดึงจริงๆอีกทั้งก็เต็มไปด้วยเส้นเลือดเขียว
“สิ่งที่พวกเราต้องทำคือรวบรวมแรงพลังถึงมือข้างนี้ แรงระเบิดที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียวสามารถทำร้ายศัตรูได้ ลองจินตนาการดูว่าศัตรูของคุณสวมใส่เสื้อเกราะที่แข็งแกร่งอยู่ ระดับของความแข็งแกร่งนี้ก็เหมือนเช่นดั่งโต๊ะหนังสือไม้มะฮอกกานีนี้ คุณจะนั่งรอความตายไม่รู้จักต่อต้านเลยเชียวเหรอ? ถ้าหากเป็นเช่นนี้งั้นก็มีแต่ทางตายทางเดียวแล้ว”
เพียงแค่สมาชิกของที่นี่ส่วนมากล้วนเป็นบุตรผู้ประเสริฐที่ใช้ชีวิตอยู่ดีกินดีหรือว่าเป็นพวกคุณชาย พวกเขาไม่เคยพบเจอกับสภาพการณ์แบบนี้มาก่อนนะ
คนเหล่านี้สบตากัน และเวลานี้อยู่ดีๆเนี่ยเฟิงใช้หมัดหนึ่งทุบอยู่บนโต๊ะไม้มะฮอกกานีเลย โต๊ะตัวนี้ถึงขนาดทิ้งรอยกำปั้นที่ลึกๆไว้อันหนึ่ง โต๊ะก็แตกเป็นเสี่ยงๆอยู่ต่อหน้าพวกเขาเลยเช่นกัน!
คนทั้งหลายตื่นตระหนกร้องเสียงหนึ่ง พวกเขาล้วนสงสัยว่าโต๊ะตัวนี้อาจจะเป็นอุปกรณ์การแสดง มีคนกระทั่งเข้าไปตรวจดู แต่โต๊ะตัวนี้แข็งแกร่งจริงๆนะ ไม่ใช่อุปกรณ์การแสดงเลย อีกทั้งเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหล่านี้ พวกเขาก็ไม่สามารถทำให้กระเทือนเช่นกัน
เมื่อกี้พวกเขายังสงสัยพลังความสามารถของเนี่ยเฟิงอยู่ แต่ตอนนี้พวกเขาล้วนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว มีความเร็วที่เร็วขนาดนั้น มีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งขนาดนั้น ใครสามารถสู้เขาได้ล่ะ?
“ขอโทษท่านประธานเมื่อกี้พวกเรายังสงสัยคุณ ตอนนี้เห็นพลังความสามารถแล้ว ผมรู้สึกว่าความกังวลที่พวกเรามีล้วนเป็นส่วนเกิน ขอคุณสั่งสอนพวกเราทำการฝึกอบรมเถอะ ไม่ว่าคุณให้พวกเราไปทำอะไรพวกเราล้วนยินยอมไปทำ จากนี้ไปพวกเราก็คือสามาชิกที่จงรักภักดีที่สุดของคุณแล้ว!”
พานฉางอันเห็นพวกเขาเปลี่ยนสีหน้าทันที เขารู้สึกภูมิใจเหลือเกิน ในใจคิดอยู่ว่าต่อจากนี้เขาก็คือศิษย์พี่ใหญ่แล้ว จะสอนศิษย์น้องเหล่านี้ทำการฝึกอบรม
เนี่ยเฟิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกนิดๆ “มีความสำนึกตัวเช่นนี้ไม่เลวจริงๆ”
หนึ่งหมัดนี้ของเนี่ยเฟิงก็ทำให้ค่ายมวยเฉิงเฟิงดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทุกคนล้วนแค้นเคืองมากๆ ทำไมพวกเขาเป็นคนของวิทยาเขตอื่นๆล่ะ? เพราะว่าชมรมของวิทยาเขตนี้มีแต่คนของวิทยาเขตนี้เข้าร่วมได้ คนของวิทยาเขตอื่นไม่สามารถเข้าร่วมได้ล่ะ คนของวิทยาเขตอื่นได้แต่จ้องมองอยู่ตาปริบๆ
เนี่ยเฟิงใช้เวลาเพียงแค่วันเดียว ก็ได้รับลูกศิษย์มากมายแล้ว แน่นอนลูกศิษย์เหล่านี้เขาล้วนต้องผ่านการคัดเลือก แน่ใจว่าคนที่เหมาะสมในการฝึกกังฟูจึงจะสามารถอยู่ต่อได้ ถ้าหากไม่เหมาะสมล่ะก็ เนี่ยเฟิงก็จะตักเตือนให้ลาออก
หลังจากจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จ เนี่ยเฟิงให้ภารกิจแก่พวกเขาหนึ่งสัปดาห์ ให้พวกเขาทำการฝึกอบรมตามภารกิจในตารางภารกิจ พวกสมาชิกต่อสิ่งนี้ย่อมเชื่อมั่นมากไม่สงสัยอยู่แล้ว ถึงยังไงเนี่ยเฟิงอยู่ในใจของพวกเขาก็เช่นดั่งเทพสงคราม
ตลอดจนถึงกลางคืน เนี่ยเฟิงจึงถอดชุดกังฟูออก ไปอาบน้ำสักหน่อยเปลี่ยนใส่ชุดทักซิโด้ที่สวยและแพง
พานฉางอันเห็นลักษณะท่าทีที่เนี่ยเฟิงสวมใส่ชุดทักซิโด้อดไม่ได้ที่จะเบิกตาโพลง เพราะว่าหล่อมากๆจริงๆ เดิมทีเนี่ยเฟิงหน้าตาก็ไม่เลวอยู่แล้ว ทั้งรูปร่างดีมากอีก สวมใส่ชุดทักซิโด้นี้เห็นได้ชัดว่ายิ่งดูมีชีวิตชีวาและหล่อมากขึ้น ให้คนเห็นแล้วก็เหมือนลูกผู้ดีมีเงินที่สง่างดงามเด่นกว่าเพื่อน น่าเสียดายจริงๆเลย ผมของเนี่ยเฟิงค่อนข้างสั้น
“ถ้าเนี่ยเฟิงใส่วิก งั้นก็เป็นบุตรผู้ประเสริฐตัวจริงแล้ว!”
เนี่ยเฟิงจัดแต่งเสื้อที่อยู่บนกายสักหน่อย เขาส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก ไม่ชอบชุดที่ราคาแพงแบบนี้เลย เพราะว่าเสื้อเหล่านี้ดูแล้วสวยแต่รูปจูบไม่หอม ถ้าหากจะใช้วิชามวยจริงๆ จะปัดแข้งปัดขาจริงๆนะ
เนี่ยเฟิงไม่ได้พูดกับพานฉางอันมากเลย เพราะว่ารถที่ลิซ่าส่งมารออยู่ข้างนอกแล้ว
ช่วงเวลานี้เดิมทีเนี่ยเฟิงคิดจะไปซื้อรถคันหนึ่ง แต่ไม่ว่างมาโดยตลอด หลังจากรองานเต้นรำฉากนี้จบสิ้นแล้ว เขาค่อยไปดูสักหน่อยเถอะ