พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 58 ความเลวทราม
บทที่ 58 ความเลวทราม
สิ่งที่เนี่ยเฟิงทำในนามการแพทย์แผนจีน แต่เขาไม่ได้ต่อสู้เพื่อการแพทย์แผนจีน แต่เพื่อโรงพยาบาลคังหมิง
ด้านหลังของเนี่ยเฟิงคือตู้ยาของยาจีน นอกจากนี้ยังมีชุดฝังเข็ม
ในขณะนี้ จูเย่าเหวินกำลังใช้อุปกรณ์ระดับไฮเอนด์เพื่อตรวจสอบหนู
เนี่ยเฟิงวางหนูทดลองไว้บนโต๊ะ และหันกลับมาคุ้ยหาอะไรบางอย่าง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจว่าหนูทดลองตัวนี้จะตายหรือไม่
ทุกคนก้มคอมองดู หมอหลายคนมองไปที่เขา หลังจากนั้นสักพักก็ส่ายหัว ด้วยท่าทีของเนี่ยเฟิงคงไม่มีทางช่วยชีวิตหนูทดลองได้แน่ๆ
“อ้อ! ที่แท้ก็อยู่นี่เอง”
เนี่ยเฟิงคุ้นหาเจอถุงฝังเข็ม เมื่อหันกลับไปก็พบว่าหนูเกิดฟองรอบปากและดูเหมือนว่ามันกำลังจะขึ้นสู่สวรรค์
“โอ้โฮ แบบนี้เขาไม่สามารถช่วยชีวิตหนูทดลองตัวนี้ได้แน่ๆ เลย!”
“ใช่! หมิงอี๋หานหาผู้ช่วยแบบนี้มาได้ยังไงล่ะเนี่ย? แล้วเมื่อกี้ยังกล้าพูดว่าไม่มีใครเทียบฝีมือทางการแพทย์ของเขาได้!”
“เป็นเรื่องตลกระดับโลกเลยจริงๆ!”
คนเหล่านี้ดูคึกคักจนไม่ทันระแวงเรื่องใหญ่ หนึ่งหรือสองก็จะเริ่มหมดอำนาจ
แต่หมิงอี๋หานที่อยู่ล่างเวทีแล้วไขว้มือไว้ด้านหลัง เธอเหล่ตาคู่สวยดั่งตาหงส์ มองไปที่เนี่ยเฟิง
ตอนเด็ก ๆ เธอกับเนี่ยเฟิงแข่งขันกันเพื่อหายาสมุนไพร และเธอไม่เคยเอาชนะเนี่ยเฟิงได้เลย
เนี่ยเฟิงมองไปที่แผนภาพร่างกายมนุษย์เพียงครั้งเดียว เขาก็รู้ว่าจุดฝังเข็มแต่ละจุดของร่างกายมนุษย์อยู่ที่ใด และยังรู้ว่าควรใช้แรงแบบไหน แล้วจะให้ผลแบบใด
เนี่ยเฟิงออกไปพบเจอกับความยากลำบากต่าง ๆ ตั้งนาน ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บมาก็เยอะ ในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ เขาจะสามารถไปหาหมอทันทีได้อย่างไร?
ดังนั้นมีความเป็นได้อย่างเดียว นั่นก็คือเนี่ยเฟิงต้องช่วยชีวิตตัวเอง
มีคำกล่าวที่ว่า คนเป็นหมอไม่ช่วยชีวิตตัวเอง แม้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถในการช่วยชีวิตผู้อื่น แต่ถ้าร่างกายตัวเองมีปัญหาคงไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตตัวเองได้
แต่เนี่ยเฟิงที่สามารถรอดชีวิตจากอันตรายมากมายมาได้ ก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่าทักษะทางการแพทย์ของเขาดีกว่าคนอื่นๆ
เธอเชื่อในตัวเนี่ยเฟิง!
ความจริงเนี่ยเฟิงไม่ฟังข่าวซุบซิบพวกนั้นจากคนรอบข้างอยู่แล้ว แต่ทว่าอีกด้านหนึ่งเขาก็เดินผ่านไปพร้อมกับฮัมเพลง
เขาคลี่ถุงฝังเข็มออกอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ จากนั้นก็เจาะหนูทดลองด้วยเทคนิคที่รวดเร็วมาก
ไม่นาน บนตัวของหนูทดลองก็เต็มไปด้วยเข็มสีเงิน
“เจ้าหมอนี่กำลังทำอะไรอยู่น่ะ? เขาจะทำให้หนูทดลองตัวนี้กลายเป็นเม่นเหรอ?”
“ฉันไม่เคยได้ยินวิธีและไม่เคยเห็นทักษะการใช้เข็มแบบนี้มาก่อน กลัวว่าเขาจะเป็นพวกเพ้อฝันล่ะมั้ง?”
ตอนนี้จูเย่าเหวินได้ตรวจสอบหนูทดลองเรียบร้อยแล้ว เขามองไปที่เนี่ยเฟิง และอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะเย้ย
ดูเหมือนว่าทักษะอันน้อยนิดของเนี่ยเฟิงคงใช้หมดแล้วสินะ? บางทีอาจไม่ต้องรอให้เขาทำการรักษาเสร็จสิ้น หนูทดลองของเนี่ยเฟิงก็คงตายไปแล้ว
“เสร็จแล้ว!”
แต่อย่างไรก็ตามไม่คิดถึงเลยว่าในวินาทีต่อมาเนี่ยเฟิงจะพูดว่าเสร็จแล้ว?!
จูเย่าเหวินตกใจเป็นอย่างมาก “เสร็จแล้ว?”
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่มีข้อสงสัยแบบนี้ ยังมีทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่และดร.หยาง
ดร.หยาง ฟังหูไว้หูแล้วรีบมองไปที่หนูทดลองบนโต๊ะ ปากของหนูทดลองกำลังพ่นฟองเบาๆ มันไม่เหมือนมีชีวิตเลย
“เด็กน้อย! หนูทดลองตัวนี้ของนายตายไปแล้วนะ!”
ดร.หยางมองไปที่เนี่ยเฟิงอย่างไม่แยแส “ฉันไร้เดียงสามากที่คิดว่านายมีความสามารถจริง ๆ แต่คิดไม่ถึงว่านายแค่หลอกพวกเราเล่น!”
“ไหน ๆ ก็แพ้แล้ว งั้นโรงพยาบาลคังหมิงของพวกเธอก็ต้องถอนตัวออกจากแพทยสมาคมตลอดไป และหลังจากนี้ส่วนแบ่งและสวัสดิการทั้งหมด จะไม่มีส่วนแบ่งของพวกเธอ!”
เมื่อกี้จูเย่าเหวินยังคงมีความกังวล ตอนนี้ความกังวลกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย เนี่ยเฟิงไม่มีความสามารถเลยจริง ๆ!
“อย่าเพิ่งพูดมากเลยครับ”
หลังจากที่เนี่ยเฟิงพูดจบ เขาก็ค่อยๆ ดึงเข็มเงินออกมา ทุกคนต่างตกใจ เพราะหนูทดลองบนโต๊ะกระตุกขึ้นมา!
“ก็แค่เส้นประสาทเคลื่อน!”
จูเย่าเหวินไม่เชื่อว่าเขาจะช่วยชีวิตหนูทดลองตัวนี้ได้
เนี่ยเฟิงมองไปที่จูเย่าเหวินด้วยความสงสาร จากนั้นเขาก็หยิบเข็มเงินทั้งหมดออก
หนูทดลองที่กำลังจะตาย ในตอนนี้ได้พ่นน้ำสีดำออกมาเต็มปาก จากนั้นมันก็พลิกตัวไปมาบนโต๊ะ ดูเหมือนว่ามันต้องการหาทางหนี
เนี่ยเฟิงรีบคว้าหนูทดลองไว้ในมือ “คุณต้องการตรวจสอบหน่อยไหม ไม่ใช่ว่าพวกคุณมีเครื่องมือที่แม่นยำที่สุดหรอกเหรอ?”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้! แกทำอะไรลงไปกันแน่!”
จูเย่าเหวินรีบตะครุบทันที เขาต้องการที่จะคว้าหนูทดลองตัวนั้น
“เฮ้ จูเย่าเหวิน ทำไมคุณถึงรีบร้อนแบบนั้นล่ะ? หรือว่าคุณอยากจะฆ่ามัน?”
เนี่ยเฟิงก้าวถอยหลังแล้วชี้ไปที่ด้านข้างของเขา “คุณดูหนูทดลองของคุณสิ ไม่ใช่ว่ามันตายไปแล้วนะ?”
จูเย่าเหวินหันกลับมาทันที และเขาเพิ่งพบว่าหนูทดลองของเขาตายไปแล้วจริง ๆ
“แกวางแผนใส่ฉันเหรอ?!”
เนี่ยเฟิงยักไหล่ “จูเย่าเหวิน คุณต้องยอมรับว่าคุณไม่ชำนาญเท่าคนอื่น ๆ อย่าพูดว่าคนอื่นวางแผนขุดหลุมให้คุณกระโดดลงไป ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเป็นคนไข้ที่นอนในโรงพยาบาทเพื่อรอการรักษาฉุกเฉินจริง ๆ คุณก็คงจะเพิกเฉยต่อเขาเพียงเพื่อดูความตื่นเต้นแบบนั้นเหรอ?”
จูเย่าเหวินมองดูผู้คนเหล่านั้นกระซิบกระซาบที่ล่างเวที ความโกรธรู้สึกก็ประดังเข้ารุมเร้าหัวใจของเขา “คนอย่างแกต้องทำอะไรสักอย่าง! ฉันต้องตรวจสอบหนูทดลองตัวนี้!”
“จะตรวจก็ตรวจสิ ทำไมคุณต้องอารมณ์เสียแบบนั้นด้วยล่ะ? งั้นก็ให้คณบดีหมิงกับดร.หยาง ทั้งสองคนตรวจสอบด้วยกันก็พอแล้ว”
เนี่ยเฟิงมองไปที่หมิงอี๋หานในกลุ่มผู้ชม หมิงอี๋หานมองเนี่ยเฟิงด้วยแววตาที่ชื่นชม จากนั้นเธอและดร.หยาง ก็ขึ้นไปบนเวทีด้วยกันและใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ตรวจสอบ
หลังจากการตรวจสอบ ดร.หยาง ก็พบว่ามันน่าเหลือเชื่อมาก “หนูทดลองตัวนี้กระโดดไปมาได้อย่างไร? ไม่มีปัญหาอะไรเลย…..”
เนี่ยเฟิงยกเข็มเงินในมือของเขาขึ้นมา “ผมรู้ว่าพวกคุณฉีดสารกำจัดศัตรูพืชที่มีฤทธิ์รุนแรงให้กับมัน ยาฆ่าแมลงถูกฉีดเข้าไปในหนูทดลองและไหลผ่านร่างกายเล็ก ๆ ของมัน แม้แต่คนก็ไม่สามารถต้านฤทธิ์ยานี้ได้ นับประสาอะไรกับหนูทดลอง และเพราะว่ามันจะกระจายเข้าสู่กระแสเลือด การรักษาจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าแพทย์แผนจีน!”
“จูเย่าเหวิน คุณยินดีที่จะเดิมพัน ในเมื่อคุณแพ้แล้ว ก็ต้องถูกปลด แล้วอย่าก่อเรื่องวุ่นวายให้น่าอับอาย”
แม้ว่าหมิงอี๋หานจะไม่ได้สูงกว่าเขา แต่ดูเหมือนว่าออร่าจะก็พุ่งส่งสูงมาก
แม้ว่าจูเย่าเหวินจะไม่สามารถทนกับอารมณ์แบบนี้ได้ แต่ว่ามีสายตามากมายที่จับจ้องอยู่ “ดี! ดีมาก! พวกแกร่วมหัวกันหลอกฉัน! ฉันจะบอกให้นะ ฉันกับโรงพยาบาลคังหมิงไม่จบแค่นี้ และพวกเธอมันไม่จบแค่นี้แน่!”
จูเย่าเหวินพูดจบ เขาก็โยนหนูขาวตัวน้อยที่กระโดดวิ่งไปมาตัวนั้นลงพื้นอย่างแรง หนูขาวที่ถูกขวางลงพื้นตายทันที
เมื่อทุกคนเห็นท่าทางที่ดุร้ายของจูเย่าเหวิน พวกเขารู้สึกว่าภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนและสง่างามของจูเย่าเหวินนั้นเป็นสิ่งที่เขาแสร้งทำออกมา
จูเย่าเหวินเดินวางก้ามออกไป แต่ ดร.หยางยังต้องกัดฟันเป็นประธานในการประชุมนี้ต่อไป
“ก่อนที่โรงพยาบาลคังหมิงจะถอนตัว เมื่อถึงเวลาหุ้นจะถูกโอนเข้าบัญชีของเรา ฉันจำได้ว่าเป็นหุ้นทั้งหมด จากนี้ไปโรงพยาบาลคังหมิงของเราได้ถอนตัวออกจากแพทยสมาคม”
หมิงอี๋หานไม่ได้วางแผนที่จะอยู่ที่นี่อยู่แล้ว ถึงยังไงคนเหล่านี้ก็ประเมินเสี่ยวเฟิงของเธอต่ำไป
ดร.หยาง มีใบหน้าที่บูดบึ้ง แต่ภายใต้การจ้องมองของผู้คนมากมายที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้
หลังจากที่ทั้งสองคนขึ้นรถ หมิงอี๋หานถอนหายใจและพูดว่า “พี่รู้นะว่าแกมีทักษะทางการแพทย์ติดตัว