พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 589 อัญมณี
เดิมทีรถที่โคนิกเซ็กก์ผลิตออกมาแพงอยู่แล้ว และเนี่ยเฟิงก็อยากได้รถรุ่นนี้ มีขายเฉพาะในพื้นที่เมืองจันทร์ทองคำ อีกทั้งยังมีจำนวนจำกัดสามคันเท่านั้น
รถรุ่นใหม่ที่โคนิกเซ็กก์ผลิตออกมานั้นทำจากวัสดุพิเศษ รถคันนี้สามารถส่องแสงเป็นประกายภายใต้แสงอาทิตย์ และสามารถสะท้อนแสงได้เหมือนกับเพชร ดังนั้นรถคันนี้จึงมีชื่อเรียกอย่างอื่นว่าอัญมณี
เพราะรถคันนี้ราคาสูงมาก เพราะฉะนั้นราคาขายจึงอยู่ที่หนึ่งร้อยล้านเหรียญ
เซลล์ขายรถที่ได้ยินว่าพานฉางอันอยากซื้อรถคันนี้ เขาจึงรู้สึกตกใจมาก
“ขอโทษนะครับคุณผู้ชาย เพราะรถอัญมณีคันนี้พึ่งเข้าร้านมาวันนี้ ตามกฎแล้ว รถโคนิกเซ็กก์จะถูกประมูลเมื่อมันมาถึงร้าน คนที่ให้ราคาสูงที่สุดถึงจะสามารถได้ครอบครองมันไปครับ”
ราคาหนึ่งร้อยล้านเป็นเพียงแค่ราคาขายผิวเผินเท่านั้น รถหรูคันนี้ส่วนใหญ่จะทำการประมูล เพราะมีคนจำนวนมากนิยมสะสมรถหรู ก็เหมือนกับรถสปอร์ตหรูคันนี้ที่ต้องนำไปประมูล ดังนั้นพวกเขาจึงให้ลองขับไม่ได้
ก่อนหน้านี้เนี่ยเฟิงเคยเดินทางไปหลายประเทศ เขาก็เคยได้ยินเกี่ยวกับความเคยชินเช่นนี้มาก่อน เนี่ยเฟิงจึงไม่สนใจอะไร กำลังครุ่นคิดว่าจะประมูลก็ประมูลไปสิ งั้นเขาไปซื้อรถอีกคันก็แล้วกัน
เขาไม่คิดจะร่วมประมูลด้วยหรอก ถึงอย่างไรสำหรับเขาแล้วรถก็ใช้มาขับเท่านั้น จะเก็บสะสมอะไรเขาไม่สนใจหรอก เขาชอบเก็บสะสมเครื่องบิน รถถัง เรือประจัญบานทหาร และเรือบรรทุกเครื่องบินมากกว่า
พานฉางอันหันกลับไปถามอย่างเขินๆ แล้วมองไปที่เนี่ยเฟิง พูดกับเนี่ยเฟิงด้วยความรู้สึกผิดไปว่า“พี่เฟิงครับขอโทษด้วยนะครับ เราไปดูรถคันอื่นกันเถอะครับ?”
ถ้าราคาขายหนึ่งร้อยล้านเหรียญ พานฉางอันยังพอควักออกมาจ่ายได้ เนื่องจากเนี่ยเฟิงให้ตนเองมาตั้งหนึ่งร้อยล้านเหรียญ แต่ถ้าหากประมูลล่ะก็ ราคาก็จะสูงขึ้นมาเรื่อยๆ พานฉางอันไม่มีปัญญาควักเงินจำนวนนี้ออกมาได้จริงๆ
เนี่ยเฟิงคิดแบบนี้เช่นกัน เขาจึงชี้ไปที่รถคันข้างๆ แล้วถามกับเซลล์ขายรถว่า
“มีรถอะไรที่สามารถซื้อได้เลยไหม ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมประมูล”
“รถส่วนนี้สามารถซื้อได้ตามราคาที่เสนอเบื้องต้น ไม่จำเป็นต้องร่วมการประมูล แต่รถพวกนี้จะค่อนข้างธรรมดา”
เซลล์ขายรถเก็บรอยยิ้ม เดิมคิดว่าจะพบเข้ากับเศรษฐีใหญ่ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนจน
ดังนั้นเซลล์ขายรถจึงพาพวกเขาไปสถานที่ที่ราคาค่อนข้างถูก แต่ถึงแม้จะราคาถูก รถพวกนี้ก็มีราคาหลายล้านไปจนถึงหลายสิบล้าน
ความเป็นจริงแล้วเซลล์ขายรถที่นี่ก็ไม่ใช่คนรวยอะไร เขาทำงานที่นี่เพื่อหารายได้เท่านั้น คนที่รวยจริงๆคือเถ้าแก่ที่เปิดแหล่งขายรถ
แต่เซลล์ขายรถก็ดูแปลกจริงๆ เขาทำงานที่นี่เคยเห็นคนรวยมามาก ดังนั้นเซลล์ขายรถจึงคิดว่าตัวเองก็เป็นคนมีฐานะเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงดูถูกคนที่ไม่มีเงินเหล่านี้เป็นพิเศษ
ถึงแม้เนี่ยเฟิงพวกเขาจะซื้อรถราคาหลายล้านหรือหลายสิบล้าน เขาก็สามารถได้รับเงินค่าคอมมิชชั่นที่สูงมาก แต่รถที่เข้าประมูล เขาจะได้รับค่าคอมมิชชั่นที่สูงกว่า
โดยปกติพานฉางอันจะค่อนข้างอ่อนไหว เมื่อก่อนเขาถูกนักเรียนในโรงเรียนกลั่นแกล้งมาก่อน ดังนั้นพานฉางอันจึงสังเกตสายตาของผู้อื่นเป็นพิเศษ พานฉางอันสามารถสังเกตได้ว่า ทัศนคติของเซลล์ขายรถแตกต่างออกไป ถึงแม้ในใจของเขาจะอึดอัดแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถพูดออกมาได้
ทั้งๆที่พวกเขามาใช้จ่าย แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกเซลล์ขายรถคนหนึ่งดูถูก นี่มันตลกเกินไปแล้ว
เนี่ยเฟิงไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะเนี่ยเฟิงไม่ใส่ใจกับสายตาของคนอื่น ขาเดินไปดูรถหลายคัน รถพวกนี้ไม่ได้ดูสวยงามเท่ารถอัญมณีที่เขาเห็นในแวบแรก
แต่รถบางคันก็ถือได้ว่าไม่เลวเลย เนี่ยเฟิงคิดจะไปลองขับดู
เขาเลือกรถราคายี่สิบล้าน ในตอนที่กำลังจะเข้าไปลองนั่งนั้น คิดไม่ถึงว่าเวลานี้เองจะมีลูกเศรษฐีคนหนึ่งเดินเข้ามา
“เซลล์อยู่ไหน?รีบไสหัวออกมาซะ!ถ้าละเลยต่อเจ้าเมืองน้อยของเราพวกแกรับผิดชอบไหวไหม?!”
ลูกสมุนที่อยู่ข้างลูกเศรษฐีตะโกนไปหนึ่งครั้ง หลังจากที่เซลล์ขายรถได้ยินก็รีบพุ่งตัวออกมาทันที แล้วทิ้งเนี่ยเฟิงกับพานฉางอันไป
พานฉางอันตกใจมาก เขาพูดพึมพำขึ้นมาว่า
“ร้านใหญ่ขนาดนี้ หรือว่าจะมีเซลล์ขายรถแค่คนเดียว ถึงได้ไม่มีใครมาให้ความช่วยเหลือเรา……”
เนี่ยเฟิงขมวดคิ้ว เพราะถ้าไม่มีเซลล์ขายรถล่ะก็ งั้นพวกเขาก็จะไม่ได้รับกุญแจมาลองขับ
ตอนนี้เซลล์ขายรถเหมือนผีเสื้อตัวหนึ่งยังไงอย่างนั้น รีบประจบลูกเศรษฐีคนนั้น เขารู้จักลูกเศรษฐีผู้นี้ดี นี่คือเจ้าเมืองน้อยของเมืองหยกวิศิษฏ์
เมืองหยกวิศิษฏ์มีความหมายตามชื่อ เมืองของพวกเขาผลิตและขายหยกวิศิษฏ์ ดังนั้นจึงได้ชื่อนี้มา
และเมืองหยกวิศิษฏ์ก็คือเมืองที่แอนโทนี่แอบให้การคุ้มครอง เจ้าเมืองของเมืองหยกวิศิษฏ์เป็นสมุนของแอนโทนี่ ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก แต่คนภายนอกไม่มีใครรู้ พวกเขาสองคนยังคงระมัดระวังเรื่องนี้มาก
มีการปกป้องของแอนโทนี่ เจ้าเมืองของเมืองหยกวิศิษฏ์จึงทำงานอย่างราบรื่น สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ หลายปีมานี้เจ้าเมืองของเมืองหยกวิศิษฏ์เจริญก้าวหน้ามา กลายเป็นหนึ่งในสิบเมือง กระทั่งสามารถสู้กับเมืองจันทร์ทองคำได้
และเจ้าเมืองของเมืองหยกวิศิษฏ์ก็ทำอะไรราบรื่น มีลูกชายสามคน ลูกชายคนสุดท้องหยิ่งยโสมาก นั่นก็คือคนที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขามีชื่อว่าคอนสแตนติน
คอนสแตนตินวันๆไม่ทำอะไร สิ่งที่เขาชอบที่สุดนั่นก็คือการซื้อรถหรู เข้าร่วมการประมูลเพื่อชมการแข่งรถ แสวงหาความตื่นเต้นเร้าใจและการเที่ยวเล่นกับผู้หญิง
คอนสแตนตินได้ยินว่าที่ร้านมีรถสปอร์ตของโคนิกเซ็กก์เข้า เขาจึงไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินทางมาทันที อีกทั้งยังบอกกับคนโดยรอบว่า ห้ามแย่งประมูลกับเขา
ทุกคนต่างอยากประจบคอนสแตนติน เพราะหลังจากที่ได้รับความโปรดปรานจากคอนสแตนติน ธุรกิจของพวกเขาก็จะประสบความสำเร็จราบรื่น ได้สานสัมพันธ์กับเจ้าเมืองน้อยแล้ว มันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก
ถึงคนที่นี่จะมีคนรวยเยอะ แต่ตำแหน่งไม่เหมือนกัน ฐานะของพวกเขาก็ไม่เหมือนกัน ทุกคนต่างมีชีวิตอย่างในวงล้อมของเส้นสาย วันนี้ วันนี้คุณไม่ได้ใจ พรุ่งนี้เขาก็ต้องได้ใจ ไม่มีความสามารถสูงสุด ใครจะจงใจทำให้คนอื่นขุ่นข้องหมองใจกัน ทุกคนต่างรู้ตัวดี
“เจ้าเมืองน้อยอยากดูก็เชิญดูได้เลยครับ ครั้งก่อนผมให้เบอร์โทรศัพท์คุณไปแล้วไม่ใช่หรอครับ?คุณโทรหาผมได้เลย จะให้ผมส่งกุญแจไปให้คุณถึงคฤหาสน์ ก็ยังได้เลยครับ!”
ในปากของคอนสแตนตินเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ พอได้ยินเซลล์ขายรถพูดเช่นนั้น เขาก็ยกเท้าขึ้นมาด้วยความโกรธ แล้วถีบไปที่เซลล์ขายรถจนหงายหลังกระเด็น เซลล์ขายรถรู้สึกเจ็บมาก ใบหน้าเหยเก เขาไม่รู้ว่าทำไมคอนสแตนตินถึงได้ถีบตัวเอง?
“แกบอกว่าให้เบอร์โทรศัพท์กับฉัน หรือฉันต้องโทรหาแกด้วยตัวเองล่ะห้ะ?คนอย่างแกจะล้อเล่นทั้งทีไม่เจียมกะลาหัวขอแกหน่อยหรอ”
คอนสแตนตินมองไปที่เขาอย่างเย็นชา เซลล์ขายรถรีบลุกขึ้น แล้วโค้งคำนำกล่าวขอโทษขอโพย
“ขอโทษครับเจ้าเมืองน้อย ผมคิดไม่รอบคอบเอง!”
ในใจของเซลล์ขายรถถึงจะไม่พอใจอย่างไร แต่ก็รู้ดีว่าไม่ควรยั่วยุเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งองค์นี้ ถ้าเขาเกิดโมโหขึ้นมา ตำแหน่งของตัวเองก็จะรักษาไว้ไม่ได้อีกต่อไป