พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 61 กลับดำเป็นขาว
บทที่ 61 กลับดำเป็นขาว
เนี่ยเฟิงก็หมุนตัวไปถามนางพยาบาลทันที แต่เวลานี้นางพยาบาลตกใจจนเสียขวัญไปแล้ว
นางพยาบาลกลืนน้ำลายลงหนึ่งอึกอย่างลำบาก รีบส่ายหน้า “หัวหน้าคะ คุณอย่าทำแบบนี้สิคะ!”
“เฮ้! คนของโรงพยาบาลคังหมิงอย่างพวกคุณทำเกินไปแล้วจริงๆ เรื่องแดงออกมาแล้ว คุณถึงกับยังคิดจะข่มขู่คนอื่นอีก?! ผมจะฟ้องคุณ เรื่องที่อาหารมื้อนี้ถูกวางยาพิษ คุณต้องรับผิดชอบทั้งหมด!”
“อย่ามัวแต่พูดมากเลย รีบพาคนไปส่งโรงพยาบาล!”
“เดี๋ยว!”
เนี่ยเฟิงเก็บสายตากลับ ยกมือขึ้นมาทันที “อาการของพวกเขาตอนนี้คงพาไปส่งโรงพยาบาลไม่ทัน ตอนนี้ทำได้เพียงต้องรักษาโดยเร่งด่วนเท่านั้น”
“คุณยังจะให้พวกเราเชื่อคุณอีกเหรอ?! เห็นๆ อยู่ว่าคุณนั่นแหละทำร้ายคน จนป่านนี้ยังจะมาเสแสร้งทำไมอีก?”
พูดได้ว่าเจิ้งเหวินหยู่เป็นพวกชอบชมความครึกครื้นแต่ไม่ชอบเรื่องใหญ่ เดิมทีเขาก็แค่อยากให้การกุศลครั้งนี้เละเป็นโจ๊กชามหนึ่งเท่านั้น เขาต้องการให้โรงพยาบาลคังหมิงเสียชื่อเสียง ไม่ว่าจะต้องเสียกำลังคนไปเปล่าๆ หรือไม่ ความวุ่นวายในครั้งนี้ก็จะต้องเกิดขึ้น!
เนี่ยเฟิงได้รับข่าวมาบ้าง แต่เขาไม่คิดว่าคนเหล่านี้จะถึงกับหลอกใช้ชีวิตคนอื่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตนเองอย่างไร้มโนธรรมเช่นนี้
เดิมทีคนอย่างเนี่ยเฟิงเป็นคนใจคออำมหิต แต่ต่อให้เขาใจคออำมหิตเช่นไร ก็ไม่เคยหลอกใช้คนบริสุทธิ์มาทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้
“เสี่ยวเฟิงพูดถูก อาการของเขาไปไม่ถึงโรงพยาบาลแน่ ตอนนี้จำเป็นต้องรักษาโดยเร่งด่วน”
เวลานี้เอง เงาร่างสีขาวสายหนึ่งก็ปรี่เข้ามาอย่างเร่งร้อน คนผู้นี้ก็คือหมิงอี๋หานที่มาถึงทีหลัง
หมิงอี๋หานหรี่ดวงตาคู่สวยลง เห็นคนหลายสิบคนกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น น้ำลายฟูมปาก ก็พลันขมวดคิ้วแน่นอย่างห้ามไม่อยู่ “เสี่ยวเฟิง เวลาไม่คอยท่า! เร็ว!”
เนี่ยเฟิงพยักหน้าหยิบซองชุดฝังเข็มออกมา
แม้คนเหล่านั้นที่ชมความครึกครื้นอยู่อยากจะห้าม แต่อย่างไรคณบดีของโรงพยาบาลคังหมิงก็มาถึงแล้ว พวกเขาจึงไม่กล้าบุ่มบ่าม
แต่ก็มีคนบ่นพึมพำอยู่ด้านข้างเช่นกัน “นี่คงจะไม่ใช่แผนการของพวกคุณหรอกนะ โรงพยาบาลคังหมิงเพื่อชื่อเสียงของตนเอง จึงวางยาคนอื่น ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สบาย พวกคุณค่อยออกหน้ารักษา จากนั้นก็ได้รับคำสรรเสริญไปเต็มๆ!”
“ใครจะไปโง่ขนาดนั้น หากทำอย่างนี้ เขาก็ควรวางยาในปริมาณน้อยๆ สิ ทำแบบนี้ถึงจะบรรลุเป้าหมายต่างหาก”
“แต่ไม่ว่าอย่างไร เรื่องในครั้งนี้ก็เป็นความประมาทของโรงพยาบาลคังหมิง หากครั้งนี้มีคนถึงแก่ชีวิต โรงพยาบาลคังหมิงจะต้องจบเห่แน่!”
เจิ้งเหวินหยู่เห็นภาพเช่นนี้ ก็อดลอบยินดีอยู่ในใจไม่ได้ เพราะในโรงพยาบาลเหล่านี้มีคนของตนจัดวางอยู่ไม่น้อย ที่พวกเขาเอะอะโวยวายขึ้นมา ก็เพื่อทำให้เรื่องราวใหญ่โต
อีกทั้งมีคนเอาโทรศัพท์ออกมาบันทึกเหตุการณ์นี้แล้ว เพื่อเผยแพร่บนโลกโซเชี่ยล
เพียงพริบตาโลกโซเชี่ยลก็ร้อนแรงขึ้นแล้ว!
แต่เมื่อสักครู่มีคนบางส่วนที่ดื่มยาเข้าไปค่อนข้างน้อย ตอนนี้ได้โทรตามญาติของตัวเองมาแล้ว
ผ่านไปไม่นานญาติฝูงหนึ่งก็พากันยกโขยงมาที่นี่ ทุกคนดูท่าทางดุร้ายน่ากลัว
“โรงพยาบาลคังหมิงนี่มันยังไงกัน? ถึงกับเอาน้ำจับเลี้ยงหมดอายุมาให้คนในครอบครัวเราดื่ม!”
“จริงด้วย หรือคิดจะฆ่าลูกฉันให้ตายใช่ไหม!”
“แม่! แม่ไม่เป็นไรนะ รีบตามหมอมาเร็ว!”
หมิงอี๋หานรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้จะต้องไม่ชอบมาพากล วันนี้พวกเขาเพิ่งจะถอนตัวออกจากแพทยสมาคมได้ไม่นาน เวลานี้ก็มาเกิดเหตุร้ายแบบนี้อีกแล้ว
เพียงแค่เธอใคร่ครวญดูเล็กน้อยก็รู้ว่าจะต้องมีคนทำร้ายพวกเขาแน่
วันนี้เนี่ยเฟิงเพิ่งจะมารายงานตัวที่โรงพยาบาล หากเป็นการทำเพื่อเงินจริง อย่างนั้นเขาก็เอ่ยถึงเงินเดือนไปนานแล้วสิ
เธอเชื่อเนี่ยเฟิงโดยไร้เงื่อนไข เนี่ยเฟิงกับเธอปฏิบัติตามหลักผู้เป็นหมอต้องมีใจเมตตาของคุณตาอย่างขยันขันแข็งและจริงจังมาตลอด ไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อมนุษยธรรมใดๆ
ตอนนี้หมิงอี๋หานเองก็ไม่ได้คิดมากขนาดนั้นแล้ว ข้างหูเธอเป็นเสียงจ้อกแจ้กจอแจ แต่เธอยังคงต้องเพ่งสมาธิทำการรักษาเด็กและคนชราเหล่านี้
เนี่ยเฟิงเร่งความเร็วมากขึ้น ฝีมือการฝังเข็มที่เขาแสดงออกมาช่างทำให้คนตาลายหัวหมุนจริงๆ
เขาแทบจะใช้เวลาไม่ถึงสามสิบวินาที ก็ทำให้คนไข้อาเจียนออกมาจนหมด
หลังพวกเขาอาเจียนของที่กินเข้าไปออกมาแล้ว ร่างกายก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่สีหน้ายังคงไร้สีเลือด
หลังทำการรักษาเสร็จ เนี่ยเฟิงก็หยิบยาสมุนไพรบางส่วนออกมาแล้วใช้น้ำต้มสุกชงอย่างรวดเร็ว เขาเพิ่งคิดจะป้อนให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งทาน ก็ถูกพ่อของเธอปรี่เข้ามาผลักออกไป!
“ไอ้ฆาตกร! หลีกไปเดี๋ยวนี้ แกทำร้ายลูกสาวฉัน ตอนนี้ยังคิดจะเอายาพิษให้เธอกินอีกหรือ?!”
เนี่ยเฟิงค้างมือไว้ “นี่คือยาแก้พิษ ในร่างกายเธอยังมีพิษหลงเหลืออยู่ ต้องดื่มยาแก้พิษเท่านั้นถึงจะถอนพิษเหล่านี้ออกมาได้หมด”
“อย่าไปเชื่อเขา เป็นเพราะเขานั่นแหละที่ใช้ยาหมดอายุ ถึงทำให้คนมากมายขนาดนี้เกือบถึงแก่ชีวิต!” .
“จริงด้วย! ล้วนเป็นเพราะเขาเห็นแก่เงิน ไม่สนใจชีวิตคน!”
ทุกคนต่างด่าทอเนี่ยเฟิงสาดเสียเทเสีย
เจิ้งเหวินหยู่ถ่ายภาพอย่างเงียบๆ อ่านคำวิจารณ์ในโลกโซเชี่ยลที่ยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ยิ่งมีความสุข
“พูดจาอะไรก็ต้องมีหลักฐาน พวกคุณจะใส่ร้ายคนดีเพียงเพราะฟังความด้านเดียวจากคนอื่นไม่ได้?”
หมิงอี๋หานประคองเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งลงด้านข้าง จากนั้นก็ตบๆ ไปที่เสื้อคลุมสีขาวที่สวมอยู่บนตัว ขวางอยู่ด้านหน้าเนี่ยเฟิง “มีหลักฐานไหม? พวกคุณเห็นว่าเขาใช้ยาหมดอายุหรือ?”
“ตรงนี้ก็มีพยานอยู่คนหนึ่งไม่ใช่เหรอ เมื่อกี้เธอก็เห็น!”
หนึ่งในคนเหล่านั้นชี้ไปที่นางพยาบาลที่อยู่ด้านหลัง หมิงอี๋หานหันหน้าไป มองนางพยาบาลคนนั้นด้วยสายตาคมกริบ “เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? งานการกุศลวันนี้เธอไม่ได้อยู่ในรายชื่อนี่”
นางพยาบาลพลันตัวสั่นขึ้นมาทีหนึ่ง จากนั้นก็กระแอมตอบว่า “ทางเสี่ยวหวังมาไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันเข้ากะกลางวันพอดี พอเลิกงานแล้ว ฉันก็เลยมาแทนเธอ……”
“คุณว่าคุณเห็นผมใช้ยาสมุนไพรหมดอายุ ถ้าอย่างนั้นคุณเห็นจากตรงไหนล่ะ?”
เมื่อครู่เนี่ยเฟิงไม่ได้จัดการพวกเขาสองคน เพราะการช่วยคนสำคัญกว่า ตอนนี้คนไข้เหล่านี้ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงแล้ว เนี่ยเฟิงจึงคิดจะดูสีหน้าพวกเขาสักหน่อย
“ที่ร้านขายยาใหญ่ หัวหน้าเนี่ยหยิบยาชุดหนึ่งออกมาถาม ว่ายาพวกนี้ต้องนำไปเผาทำลายใช่หรือเปล่า เวลานั้นเขาเก็บยากลุ่มนี้มา!”
“คุณช่างมีฝีมือในการโกหกหน้าตายจริงๆ คุณบอกว่าผมเก็บยาชุดนั้นไว้ งั้นก็ได้ ไหนคุณบอกซิว่าตอนนี้เห็นยากลุ่มนั้นที่ไหน ผมย้ายมันไปไว้ที่ไหน?
ผมขนออกไปจากทางไหน หลังจากที่คุณรู้เรื่องนี้แล้ว ทำไมถึงไม่ฟ้องคณบดีแต่แรก? หากคุณรู้อยู่แล้วว่าผมจะใช้ยาชุดนี้มาทำร้ายคน แล้วทำไมคุณถึงยังปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก?”
เนี่ยเฟิงโยนคำถามออกมาทีละคำถาม และทุกคนเองก็ไม่ใช่คนโง่ หลังพวกเขาใจเย็นลงแล้ว ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล
“คุณอย่ามาบังคับฉัน ฉันไม่รู้ เวลานั้นฉันกลัวมาก ฉันเลยไม่กล้าพูดอะไร!”
“หัวหน้าเนี่ย คุณรังแกเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอย่างนี้คงไม่ค่อยดีมั้ง!”
เวลานี้เจิ้งเหวินหยู่ก็ออกหน้า “วันนี้จู่ๆ คุณกระโดดเข้ามาในแผนกแพทย์แผนจีน จากนั้นก็เข้าร่วมรักษาโรคการกุศล อีกทั้งน้ำจับเลี้ยงเหล่านี้ก็อยู่ใต้การดูแลของคุณ! ใครจะมีความสามารถยื่นมือเท้าไปทำอะไรได้?”
“ผู้อำนวยการเจิ้ง หากผมจำไม่ผิด นางพยาบาลคนนี้คือหลานสาวของคุณ ใช่ไหม?”
เจิ้งเหวินหยู่ลอบตระหนกวาป เขาคิดไม่ถึงว่าเนี่ยเฟิงที่เพิ่งมาวันแรกจะถึงกับรู้เรื่องนี้ด้วย!
คนที่รู้เรื่องนี้ในโรงพยาบาลมีไม่กี่คนเท่านั้น