พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 62 เผยโฉมหน้าที่แท้จริง
บทที่ 62 เผยโฉมหน้าที่แท้จริง
“ก็แล้วอย่างไรล่ะ หรือว่าตอนนี้ทางหน่วยงานห้ามมีญาติเข้าทำงาน?”
เวลานี้เจิ้งเหวินหยู่ก็ไม่ปฏิเสธแล้วเช่นกัน เพราะอย่างไรที่นี่ก็ไม่มีกล้องวงจรปิด เรื่องที่เขาแอบเอายาใส่เข้าไปเมื่อกี้ก็ไม่มีผู้ใดรู้เช่นกัน!
สรุปแล้วเรื่องทุกอย่างพูดได้ว่าไร้ที่ติ
ต่อให้พวกเขาอยากแก้ตัวก็เปล่าประโยชน์!
“อย่างนั้นเรื่องนี้ก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ?”
เนี่ยเฟิงยิ้มเย็น “ผู้อำนวยการเจิ้ง ผมไม่รู้ว่าคุณยังสบายใจอยู่ได้ยังไงกัน บางทีคุณอาจรู้สึกว่าเด็กเส้นอย่างผมนี้ไม่ได้มีความสามารถเหมาะที่จะอยู่ในตำแหน่งหัวหน้า ในใจก็เลยโกรธแค้น จึงจงใจวางยาลงในถังน้ำจับเลี้ยง ผมพูดไม่ผิดใช่ไหม?”
“หึ! ฉันไม่เคยเห็นคนหน้าไม่อายอย่างนายมาก่อนเลยจริงๆ นายพูดจากลับดำเป็นขาวแบบนี้ได้ยังไง เห็นๆ อยู่ว่านายนั่นแหละใช้ถุงยาสมุนไพรหมดอายุเพราะเห็นแก่เงิน ตอนนี้ถึงกับคิดจะปัดความรับผิดชอบมาที่ฉัน?! คณบดีหมิง! โปรดให้ความกระจ่างด้วย!”
เจิ้งเหวินหยู่โกรธสุดขีด “ทุกคนต่างก็เห็นกันหมด!”
“ผมเป็นคนดูแลเรื่องการชงจริงอยู่ และได้ตรวจสอบถุงยาสมุนไพรแล้วเช่นกัน น้ำจับเลี้ยงแต่ละถังผมชิมเองก่อนแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรแม้แต่น้อย แต่ผมเพิ่งจะหมุนตัวไปตรวจคนไข้ต่อ ก็เกิดปัญหาขึ้นทันที ผู้อำนวยการเจิ้ง หรือว่าคุณไม่ควรจะอธิบายอะไรหน่อยหรือ?”
“อธิบายอะไร? นี่ล้วนเป็นความข้างเดียวของนาย นายบอกว่าไม่มีปัญหาอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหางั้นหรือ นายบอกว่านายชิมแล้วอย่างนั้นนายก็ต้องชิมแล้วหรือ!”
ตอนนี้เจิ้งเหวินอยู่กำลังเป็นเป็ดตายปากแข็ง เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางยอมรับ!
หมิงอี๋หานก็รู้เช่นกันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะต้องมีการวางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว
หากรู้แต่แรกว่าจะเกิดเช่นนี้ขึ้น หมิงอี๋หานก็ไม่ควรให้เนี่ยเฟิงมาเข้าร่วมงานการกุศลที่นี่
ตอนนี้หมิงอี๋หานรู้สึกตำหนิตัวเองอย่างมาก และยังมีคนมากมายขนาดนี้กำลังมองดูญาติและผู้ปกครองเหล่านี้ที่รอคอยคำชี้แจงที่เหมาะสมจากพวกเขา
“ช่างเถอะ ควรแจ้งความดีกว่า แบบนี้นายก็จะเป็นฆาตกร!”
“ใช่ถูกต้อง! นี่มันน่าเกลียดเกินไปแล้ว!”
ทุกคนต่างพูดกันไปต่างๆ นานา บนหน้าเจิ้งเหวินหยู่เผยรอยยิ้มที่ราวกับไม่ยิ้มออกมา หากทำให้พวกเขาติดคุกได้ อย่างนั้นชื่อเสียงของโรงพยาบาลคังหมิงจะต้องตกลงเป็นพันจั้งแน่
เพราะไม่ว่าอย่างไรเรื่องในวันนี้จะต้องสร้างความสูญเสียให้กับโรงพยาบาลคังหมิงให้ได้
ขอเพียงคิดมาถึงตรงนี้เจิ้งเหวินหยู่ก็รู้สึกว่าโรงพยาบาลเฟิร์สกำลังกวักมือเรียกตัวเองอยู่ หลังเขาจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว เขาก็ได้เป็นหัวหน้าของแผนกแพทย์แผนจีนทันที
โรงพยาบาลเฟิร์สเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่กว่าโรงพยาบาลคังหมิง หากได้ไปเป็นหัวหน้าที่แผนกแพทย์แผนจีนของที่นั่นจริง จะไม่ยิ่งสะดวกสบายกว่าอยู่ที่นี่อีกหรือ?
ตอนที่เขากำลังจินตนาการภาพอยู่นั้น จู่ๆ เนี่ยเฟิงก็พูดขึ้นมาว่า
“ผู้อำนวยการเจิ้ง หากไม่อยากให้ใครรู้ว่าคุณทำก็ไม่ควรทำมันตั้งแต่แรก”
เนี่ยเฟิงยิ้มเย็น “เมื่อกี้ผมชิมน้ำจับเลี้ยงที่มีปัญหาแล้ว และชิมออกมาได้ว่า ผงยาที่ใส่อยู่ในนั้นคือผงยานาร์ซิสซัส ผงยานาร์ซิสซัสที่ผ่านการกลั่นเอาหัวเชื้อออกมา จะทำให้คนเกิดพิษได้ อาจร้ายแรงถึงขั้นทำให้คนหมดสติและตายได้”
เจิ้งเหวินหยู่ตกใจจนสะดุ้งวาบ เจ้าหมอนี่วิเคราะห์ออกมาได้ยังไงกัน ที่รู้มาผงยานาร์ซิสซัสเมื่อใส่ลงไปในน้ำจับเลี้ยง หากคิดจะสืบก็ไม่มีทางสืบออกมาได้ เพราะผงยาตัวนี้กับยาที่ก่อให้เกิดราเป็นพิษที่มีปฏิกิริยาเหมือนกันมาก
โดยทั่วไปแล้วมีเพียงใช้เครื่องมือที่มีความละเอียดสูงถึงจะสามารถวิเคราะห์ออกมาได้ คิดไม่ถึงว่าเขาแค่ชิมไปหนึ่งคำก็รู้แล้ว!
“นายพูดเหลวไหลอะไร? หรือนายคิดจะให้ตัวเองพ้นผิด? ฉันจะบอกให้นะ มีสายตาหลายคู่กำลังมองนายอยู่!”
“นี่จะใช้แทนอะไรได้ ต่อให้คุณบอกว่าในน้ำนั้นมีผงยานาร์ซิสซัส นั่นก็อาจเป็นเพราะคุณใส่มันลงไปเองไงล่ะ!”
พอทุกคนได้ยินเนี่ยเฟิงพูดเช่นนี้ ก็เกิดการโต้เถียงขึ้นมาทันที
“คุณพูดถูก ขอเพียงมีคนที่สามารถเข้าใกล้ถังน้ำจับเลี้ยงได้ ก็อาจวางยาพิษได้ทั้งนั้น”
เนี่ยเฟิงเดินไปหยุดข้างถังน้ำจับเลี้ยง ตบๆ ไปที่มันจากนั้นก็พูดว่า “แต่ว่า ที่นี่มีถังน้ำจับเลี้ยงวางอยู่มากมาย และจำเป็นต้องใช้ปริมาณยาที่แน่นอน แล้วผงยานาร์ซิสซัสควรจะใส่อยู่ที่ไหนกันนะ?”
เจิ้งเหวินหยู่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เขากำกระเป๋าตัวเองไว้โดยสัญชาตญาณ
หลังเนี่ยเฟิงเห็นก็ยิ้มเย็นกล่าวว่า “ผู้อำนวยการเจิ้ง ทำไมคุณดูเครียดขนาดนั้น?”
“ใครเครียด! ฉันไม่ได้เครียดสักหน่อย!”
“แม้ที่นี่จะไม่มีกล้องวงจรปิด แต่ระยะเวลาที่เกิดเรื่องนั้นสั้นมาก ตอนที่ผมหันหน้าไปตรวจโรค ผู้อำนวยการเจิ้งกับผู้ช่วยของเขาก็ใส่ยาลงไปได้แล้วถูกไหม? แต่พวกคุณไม่กล้าผลุนผลันออกไป เพราะกังวลว่าจะถูกผมจับได้ ถุงที่ใส่ผงยาก็เลยยังอยู่ในกระเป๋าของพวกคุณ”
“นายพูดเหลวไหล!”
เจิ้งเหวินหยู่ส่ายหน้าอย่างรีบร้อน “นายก็แค่พ่นเลือดใส่คนอื่น!”
“อย่างนั้นคุณก็พิสูจน์สิว่าผมกำลังพูดเหลวไหล คุณกล้าเทของในกระเป๋าออกมาให้ทุกคนดูไหม?”
เจิ้งเหวินหยู่หาวิธีออกไปไม่ได้จริงๆ เพราะหลังจากเขาวางยาเสร็จก็มีความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยม เขาคิดว่าผงยานาร์ซิสซัสจะไม่มีทางถูกวิเคราะห์ออกมาได้เพียงชั่วเวลาประเดี๋ยวประด๋าว ยิ่งกว่านั้นหากเหตุการณ์วุ่นวายถึงขนาดนั้น ทุกคนก็จะต้องไม่มีเวลาว่างไปสืบหาอย่างแน่นอน
แต่เจิ้งเหวินหยู่คิดไม่ถึงว่า ฝีมือทางการแพทย์ของเนี่ยเฟิงจะยอดเยี่ยม เพียงไม่กี่นาทีก็ควบคุมอาการของโรคได้แล้ว โดยไม่ต้องไปโรงพยาบาลด้วยซ้ำ!
“ผู้อำนวยการเจิ้ง คุณเทออกมาสิ! ให้เขาดูว่าในกระเป๋าของคุณไม่มีของอะไร ให้เขายอมจำนนไปเลย!”
“จริงด้วย คุณอย่าไปกลัวเขา พวกเรายืนอยู่ข้างคุณ!”
คนที่อยู่ในแผนกแพทย์แผนจีนบางส่วนยังไม่ค่อยเชื่อนายเด็กเส้นคนนี้ เห็นท่าทางเขาพูดจาบีบคั้นผู้คน พวกหมอคนอื่นๆ ก็โกรธมาก
ตอนนี้เจิ้งเหวินหยู่เหงื่อเย็นหลั่งเป็นสาย เมื่อกี้เขายังไลฟ์สดอย่างตื่นเต้นอยู่เลย แต่เวลานี้กลับไม่มีกระจิตกระใจเสียแล้ว
“ฉัน……”
“ทำไม? หรือว่าไม่กล้า?”
เนี่ยเฟิงยิ้มเย็น “วันนี้ตอนผมไปที่ห้องทำงานก็ได้ยินคุณโทรศัพท์คุยกับคนอื่น พูดว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ดี หลังจัดการเสร็จแล้วก็สัญญาว่าจะให้ในสิ่งที่คุณต้องการ
เวลานั้นผมยังรู้สึกแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าที่คุณพูดมาหมายความว่าอย่างไร แต่ตอนนี้ดูเหมือนคุณจะร่วมมือกับคนอื่นอยู่สินะ? เรื่องนี้จะต้องการเป็นการเตรียมแผนไว้ล่วงหน้าแน่ ไม่อย่างนั้นคุณจะไปเอาผงยานาร์ซิสซัสในปริมาณมากขนาดนั้นมาจากไหน?”
“ผู้อำนวยการเจิ้ง? ที่แท้เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณใช่ไหม?”
หมิงอี๋หานเห็นว่าเนี่ยเฟิงกอบกู้สถานการณ์ได้ พลันในใจก็โล่งอกทันที
เจิ้งเหวินหยู่สายตาหลุกหลิก เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าวดูท่าทางแล้วคงคิดจะหนี แต่เขาหนีไม่พ้น เพราะแพทย์พยาบาลทั้งหมดและพวกญาติๆ ของผู้รับเคราะห์ที่อยู่ที่นี่ต่างกำลังมองเขาอยู่
“ค้นตัวเขา! หากเป็นฝีมือเขาจริง ก็ต้องคุมตัวไปส่งให้ตำรวจ ไม่อาจปล่อยให้คนแบบนี้มาทำร้ายชาวบ้านอย่างพวกเราได้!”
“เร็ว! กดเขาไว้!”
มีญาติอยู่ไม่น้อยที่พุ่งขึ้นไป คว้าตัวเจิ้งเหวินหยู่ไว้ เจิ้งเหวินหยู่ไหนเลยจะเป็นคู่มือของพวกเขาได้? จึงถูกผลักลงกับพื้นทันที ค้นกระเป๋าด้านนอกด้านในดูจนทั่วแล้ว สรุปว่าล้วงเจอกระดาษปึกหนึ่งจากในกระเป๋ากางเกงของเขาจริงๆ
“ตรงนี้มีผงยานาร์ซิสซัสอยู่ด้วย ผู้อำนวยการเจิ้ง ทำไมคุณถึงทำร้ายคนอื่นแบบนี้? คุณรู้ไหมว่าผงยาตัวนี้หากกินเข้าไปเกินขนาดจะทำให้คนตายได้!”
หมิงอี๋หานโกรธมาก
“แล้วก็ยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเขาห้ามปล่อยไปเช่นกัน!”
เวลานี้ทุกคนเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นคิดจะหนี พวกเขาก็รีบจับตัวผู้หญิงคนนั้นกลับมาทันที
เวลานี้รถตำรวจก็มาถึง พอตำรวจลงจากรถก็เข้าใจสถานการณ์ โดยกำหนดให้เป็นคดีวางยาพิษโดยเจตนา โดยพวกเขาพาพนักงานที่เกี่ยวข้องกับคดีกลับไปโรงพัก