พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 65 รักษาคนตาย
บทที่ 65 รักษาคนตาย
“เสี่ยวเฟิง”
หมิงอี๋หานมองเนี่ยเฟิงอย่างจนปัญญาอยู่บ้าง “มูลนิธิการกุศลไม่ได้สร้างขึ้นมาง่ายดายขนาดนั้น นายรู้ไหมว่ามูลนิธิการกุศลของแพทยสมาคมเริ่มสร้างตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เนี่ยเฟิงลูบคาง พลางคิดใคร่ครวญ “ผมไม่แน่ใจนัก”
“ในตอนนั้นคนแรกที่ก่อตั้งมูลนิธิการกุศลของแพทยสมาคมแห่งเมืองจินไห่ คือคุณปู่ของนาย ท่านเนี่ยสาม โรงพยาบาลเฟิร์สเองก็เป็นเขาที่สืบทอดมาตลอด”
“การก่อตั้งหน่วยงานมูลนิธิการกุศลขึ้น เริ่มแรกเพื่อระดมเงินในการรักษาโรคเอดส์ ต่อมาเมื่อมีเงินเพิ่มมากขึ้นโครงการก็เยอะขึ้น อย่างเช่นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นต้น”
พอหมิงอี๋หานพูดถึงตรงนี้ก็ชะงักไป มองไปที่เนี่ยเฟิง “เพียงแต่ตอนนี้โรงพยาบาลเฟิร์สไม่ได้อยู่ในมือพวกเราแล้ว แต่นายวางใจขอเพียงคว้าโอกาสไว้ได้ ฉันจะต้องทำให้ตระกูลจูคายในสิ่งที่กินเข้าไปออกมาให้ได้
หมิงอี๋หานกังวลว่าหากตนเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาจะเป็นการทำร้ายเนี่ยเฟิง ดังนั้นจึงรีบอธิบายอีกครั้งทันที
“เงื่อนไขในการก่อตั้งมูลนิธิการกุศลจะต้องระดมเงินทุนให้ได้ร้อยล้านเป็นอย่างต่ำ ตอนนี้แพทยสมาคมเพิ่งล้ม พวกเราจะระดมเงินการกุศลไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งเงินการกุศลนี้ควรมอบให้ใครดูแลล่ะ? จะจัดการเงินทุนเหล่านี้และแบ่งสันให้เหมาะสมอย่างไรยังคงเป็นเรื่องที่ทำให้คนปวดหัวได้เสมอ”
อีกอย่าง เวลานี้เกิดเรื่องวุ่นวายมากขนาดนั้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เป็นไปได้มากว่าการก่อตั้งมูลนิธิการกุศลอาจจะกระทบถึงทุกวงการเลยก็ว่าได้
” หากตอนนี้มีหน่วยงานกุศลสักแห่งต้องการเชิญพี่ไปเป็นประธานสมาคมของพวกเขา งั้นพี่จะไปไหม?”
เนี่ยเฟิงเขยิบคำถามเข้าไปอีก
หมิงอี๋หานชะงักไป เธอมองเนี่ยเฟิงอย่างสงสัย “เจ้าเด็กนี่กำลังคิดอะไรแผลงๆ อะไรขึ้นมาอีกแล้ว?”
“ผมก็แค่ถามดูเท่านั้นเอง!”
เนี่ยเฟิงแสยะยิ้ม
“หากฉันมีความสามารถล่ะก็ ฉันจะไปแน่นอน เพราะฉันหวังอย่างยิ่งว่าเงินทุนก้อนนี้จะได้ใช้อยู่บนคมมีด เอาล่ะ อย่าพูดเรื่องที่ไม่เป็นจริงเหล่านี้อีกเลย ตอนนี้พวกเราต้องไปแลกเปลี่ยนความรู้กับทีมงานการแพทย์ของประเทศรัสเซีย ทางพวกเขาก็มีเทคโนโลยีก้าวหน้าไม่น้อยเลย”
“ตกลง!”
เนี่ยเฟิงเก็บเอกสารเสร็จก็เดินตามหลังหมิงอี๋หานไป ก็แค่ร้อยล้านเท่านั้นเอง สำหรับเขาก็แค่ขนหน้าแข้งเส้นหนึ่งเท่านั้น
แต่เงินก้อนนี้ให้คนอื่นมาฉกเอาไป ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกบรรลุผล
เวลานี้จูเย่าเหวินคงจะลนลานแล้วสินะ? เพราะคนที่สนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลังต่างกำลังพังทลายลงมาทีละคน เขาส่งคนไปฆ่าผู้อำนวยการเจิ้ง เรื่องนี้เขาคิดว่าตนเองทำได้อย่างไร้ที่ติแล้ว แต่ในความเป็นจริงเรื่องทุกอย่างล้วนอยู่ในกล้องวงจรปิดของเขาต่างหาก
หากไม่อยากให้ใครรู้ก็ไม่ควรคิดจะทำแต่แรก
จูเย่าเหวินเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ผ่านไปเพียงวันเดียว จะถึงกับเกิดการเปลี่ยนแปลงได้มากมายเช่นนี้
หากไม่ใช่เพราะลูกน้องของเขากำจัดผู้อำนวยการเจิ้งได้อย่างรวดเร็ว เป็นไปได้มากว่าอาจจะพัวพันมาถึงเขา
“ไหนแกบอกว่าไอ้หมอนั่นจะไม่มีข้อผิดพลาดไงล่ะ? แกดูสิ ที่เขาทำมันแย่แค่ไหน?”
จูเย่าเหวินเอาเอกสารในมือเขวี้ยงลงพื้นอย่างแรง ผู้ช่วยยืนก้มหน้าอยู่อีกด้าน
“คณบดีคุณวางใจ เรื่องนี้จะไม่พัวพันมาถึงเราแน่ ผู้อำนวยการเจิ้งตายแล้ว ก่อนที่เขาจะตายก็ไม่ได้ซัดทอดมาถึงพวกเรา ดังนั้นหม้อดำใบนี้คงได้แต่ให้เขาแบกไว้เองแล้ว”
“แต่แกรู้ไหมว่าพวกเราต้องสูญเสียไปมากแค่ไหน?! โครงการที่ดร.หยางทำอยู่นั้นฉันเป็นคนออกทุนมาตลอด ตอนนี้เงินทุนของหน่วยงานกุศลถูกระงับไปหมดแล้ว ถึงพวกเราอยากจะเอาก็เอาไม่ได้แล้ว! ระยำ! ตั้งแต่พวกผู้หญิงโสโครกของโรงพยาบาลคังหมิงขับฉันออกจากแพทยสมาคมได้ พวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!”
เดิมจูเย่าเหวินคิดว่าเรื่องนี้จะทำให้โรงพยาบาลคังหมิงพลิกตัวกลับขึ้นมาไม่ได้อีก หลังชื่อเสียงพังทลายลงแล้วก็จะไม่มีใครกล้าไปรักษาที่โรงพยาบาลของพวกเขา แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะพลิกโผขึ้นมาได้!
“ไม่ได้! ฉันต้องทำให้โรงพยาบาลคังหมิงไม่มีโอกาสพลิกตัวได้อีกครั้ง! เบื้องบนส่งคนมาไล่ตรวจสอบโรงพยาบาลแต่ละแห่งแล้ว อีกไม่นานก็คงจะถึงคิวของโรงพยาบาลคังหมิง ตอนที่คนของกรมกำกับดูแลยามาถึงโรงพยาบาลคังหมิง ให้ส่งคนไปก่อกวน!”
“ส่งใครไปครับ……”
“ไอ้โง่! จะหาทางติดสินบนคนไข้บางส่วนไม่ได้เลยหรือไง! ขอเพียงเงินถึง พวกเขาก็พูดอะไรออกมาได้ทั้งนั้น! รีบไปสิ!”
จูเย่าเหวินกัดกรามกรอด “จำไว้ต้องทำอย่างลับๆ หน่อย อย่าให้ใครมาเปิดโปงเราได้!”
“ครับ!”
เรื่องวุ่นวายในโลกอินเทอร์เน็ตตอนนี้ กว่าโรงพยาบาลคังหมิงจะผ่านการก่อกวนเช่นนี้ไปได้ ก็คงกัดกินพลังชีวิตอย่างแน่นอน ถึงเวลาชาวเน็ตที่โกรธแค้นโดยไม่ฟังคำชี้แจงใดๆ จะต้องทำลายเครือข่ายของพวกเขาแน่
ต่อให้สุดท้ายจะสืบจนแน่ชัดว่าโรงพยาบาลคังหมิงไม่เคยทำเรื่องเหล่านี้ นั่นก็สายไปแล้ว
“หมิงอี๋หาน เนี่ยเฟิง พวกแกสองพี่น้องรอคอยความตายเสียแต่โดยดีเถอะ!”
จูเย่าเหวินมีเบื้องบนคอยหนุนหลัง และด้วยเหตุนี้เอง เขาถึงได้มีความมั่นใจมากขนาดนั้น
ทางอีกฝั่งหนึ่ง หมิงอี๋หานกับเนี่ยเฟิงสองคนเสร็จสิ้นจากการแลกเปลี่ยนกับทีมงานการแพทย์ที่ประเทศรัสเซียส่งมาแล้ว
“อีกเดี๋ยวคนของกรมกำกับดูแลยาจะมาตรวจสอบโรงพยาบาลคังหมิง หลังพวกเขาตรวจสอบเสร็จแล้ว พวกเรากับทีมงานการแพทย์ของประเทศรัสเซียค่อยไปกินข้าวกัน”
หมิงอี๋หานดูนาฬิกาข้อมือ และหันไปพูดกับเนี่ยเฟิง
“เย้ แต่การตรวจสอบของกรมกำกับดูแลยาจะกินเวลามากหรือเปล่า?”
“ปกติก็ไม่ได้กินเวลาอะไรนะ อีกอย่าง โรงพยาบาลเราสะอาดเรียบร้อย ต่อให้เขาตรวจสอบพลิกไปพลิกมายังไงก็ไม่เจออะไรหรอก”
หมิงอี๋หานเพิ่งจะพูดจบ ก็มีนางพยบาลคนหนึ่งเดินเข้ามา “คณบดีคะ กรมกำกับดูแลยามาแล้วค่ะ”
“พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา ไป พวกเราไปดูกัน”
หนนี้เพราะเรื่องการทดลองมนุษย์ ประกอบกับข่าวอื้อฉาวของสมาคมการแพทย์แห่งเมืองจินไห่แดงออกมา พวกเขาอยากจะปิดข่าวก็ปิดไม่อยู่เช่นกัน ดังนั้นจึงรีบส่งหน่วยย่อยมาที่องค์กรทางการแพทย์แต่ละแห่งของเมืองจินไห่เพื่อทำการตรวจสอบโดยเร็วที่สุด
ทุกปีพวกเขาจะทำการตรวจสอบครั้งหนึ่ง ปีนี้เวลาในการตรวจสอบเห็นได้ชัดว่ายังมาไม่ถึง ดังนั้นหนนี้จึงค่อนข้างจะฉุกละหุก
“สวัสดีคณบดีหมิง”
หลังหัวหน้าทีมหน่วยย่อยเห็นหมิงอี๋หานมาถึง ก็พยักหน้าให้เขา “คิดว่าวันนี้คุณคงจะเห็นข่าวในโลกออนไลน์แล้ว ดังนั้นการตรวจสอบในปีนี้จึงมีประมาณสองครั้ง ขอคุณให้ความร่วมมือด้วย”
“ตรวจสอบได้เต็มที่เลยค่ะ”
หมิงอี๋หานพยักหน้าเชิญเขาไปที่ห้องระเบียน
เพื่อให้ตนเองสะดวกในการทำข้อมูล ทุกเดือนหมิงอี๋หานจะทำการสรุปข้อมูลครั้งหนึ่ง
หัวหน้าทีมหน่วยย่อยพาสมาชิกของตัวเองเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียด หลังตรวจสอบไปครั้งหนึ่งพวกเขาก็ไม่เจอปัญหาอะไร
หลังตรวจสอบเสร็จสิ้น หัวหน้าทีมก็พาเหล่าสมาชิกทำการตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องมืออีกครั้ง
การตรวจสอบเครื่องมือเป็นการทำงานที่ซับซ้อนอย่างมากงานหนึ่ง แต่ขอเพียงโรงพยาบาลให้ความร่วมมือ ก็จะไม่กินเวลาเท่าไหร่นัก
คณะของพวกเขาเพิ่งจะเดินผ่านแผนกผู้ป่วยภายในไป ก็คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเสียงร้องตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังมาจากด้านใน
“สวรรค์ ไร้มนุษยธรรม โรงพยาบาลคังหมิงรักษาคนตายยังจะเถียงอีก!”
“พวกคุณสั่งยาอะไรให้พ่อผมไป หลังพ่อผมกลับไปถึงได้กระอักเลือดออกมากองโต ตอนนี้คนได้จากไปแล้ว!”
“พวกเราอุตส่าห์ไว้ใจโรงพยาบาลของพวกคุณ ดังนั้นถึงได้มารักษาที่นี่! แต่โรงพยาบาลคังหมิงกลับทำกับชีวิตคนไข้แบบนี้หรือ!”
หัวหน้าทีมหน่วยย่อยขมวดคิ้ว “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ไป พวกเราไปดูหน่อย”
เนี่ยเฟิงมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ตามเข้าไปเช่นกัน