พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 68 เผชิญวิกฤต
บทที่ 68 เผชิญวิกฤต
ทุกคนต่างแย่งกันพูดจนฟังไม่ได้ศัพท์ สรุปคือไม่มีใครอยากอยู่รับการรักษาที่โรงพยาบาลคังหมิงอีกแล้ว
“คณบดีหมิง เครื่องมือทั้งหมดของโรงพยาบาลคุณต้องทำการตรวจเช็คอย่างละเอียดอีกครั้ง หากตรวจเจอว่ามีปัญหา อย่างนั้นโรงพยาบาลของพวกคุณก็ต้องปิดปรับปรุง”
ประกอบกับเบื้องบนต้องการให้ตรวจสอบทุกโรงพยาบาลในเชิงลึก ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่กล้าชะล่าใจเช่นกัน
หมิงอี๋หานกำหมัด สุดท้ายจึงได้แต่พยักหน้ารับ “งั้นก็แล้วแต่พวกคุณจัดการเถอะ ส่วนคนไข้คนอื่นที่ต้องการออกจากโรงพยาบาล พวกเราจะออกเอกสารยืนยันให้ฉบับหนึ่ง”
หลังหมิงอี๋หานพูดจบ ก็พากลุ่มคนมาหยุดอยู่ตรงหน้าฟรอนต์เพื่อคืนเงิน
ยุ่งง่วนกับงานมาจนถึงตอนเย็น ถึงค่อยเหลืองานอยู่อีกไม่มากแล้ว
หมิงอี๋หานมองเงาร่างของคนเหล่านั้นที่เดินจากไป ก็ถอนหายใจออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“พี่สี่ อย่ากังวลไปเลย พวกเราเป็นผู้บริสุทธิ์ อีกอย่างเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลจริงๆ แต่ผมเชื่อว่า คนดีอย่างพวกเรา จะต้องมีสิ่งดีๆ ตอบแทนแน่”
เนี่ยเฟิงปลอบใจหมิงอี๋หาน
หมิงอี๋หานพยักหน้าอย่างช้าๆ “เมื่อกี้พี่ได้รับโทรศัพท์จากทีมงานการแพทย์ของรัสเซีย พวกเขาบอกว่าต้องการระงับโครงการที่ร่วมมือกับเราชั่วคราว เพราะอย่างไรเรื่องก็ใหญ่ขนาดนั้น กระดาษย่อมห่อไฟไม่มิด หนนี้โรงพยาบาลคังหมิงของเราล้มหน้าหงายเสียแล้ว”
หมิงอี๋หานตบบ่าเนี่ยเฟิง “เสี่ยวเฟิงต้องขอโทษนายจริงๆ ไม่คิดเลยว่านายเพิ่งจะมาโรงพยาบาล ก็ต้องให้นายมาเห็นเรื่องน่าขันเสียแล้ว ตอนนี้โรงพยาบาลต้องโดนตรวจสอบกับปรับปรุงใหม่อาจจะไม่มีงานอะไรให้นายทำแล้ว”
พลันเนี่ยเฟิงหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกขึ้นมาทันที ต่อให้ไม่ปิดปรับปรุง เขาอยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี
หมิงอี๋หานเกิดกลัวว่าเขาจะเหนื่อย พอเข้ามาก็มอบตำแหน่งหัวหน้าของแผนกแพทย์แผนจีนให้เขา
“เดิมทียังคิดว่าเย็นนี้จะพานายกับพวกนักวิชาการของรัสเซียเหล่านั้นไปทานข้าวด้วยกันสักหน่อย แต่ตอนนี้เห็นทีคงจะกินไม่ทันแล้ว วันนี้พี่อาจจะงานยุ่งจนถึงดึก นายก็กลับไปก่อนแล้วกัน”
เนี่ยเฟิงพยักหน้า “เข้าใจแล้ว งั้นเดี๋ยวผมกลับก่อนแล้วกัน หากพี่สี่เจอเรื่องยุ่งยากอะไรก็บอกกับผมได้เลย ผมจะมาช่วยไม่เกี่ยงงานแน่นอน”
หมิงอี๋หานยิ้มเจื่อนๆ “ไม่เป็นไร มีคลื่นยักษ์ลมแรงไหนบ้างที่พี่สี่ไม่เคยพบ ก็แค่ปัญหาขี้ปะติ๋ว ไม่ร้ายแรง”
หลังเนี่ยเฟิงเลิกงานก็ออกจากโรงพยาบาล “ลุงสี่ เดี๋ยวเราไปที่แห่งหนึ่งกัน”
เพียงไม่นาน ก็มีรถลีมูซีนลินคอล์นหรูหราคันหนึ่งขับมาจอดบริเวณใกล้ๆ โรงพยาบาลคังหมิง
เสื้อสูทรองเท้าหนัง เนี่ยเหล่าสี่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาเดินลงมาจากตำแหน่งคนขับ “คุณชาย เชิญขึ้นรถครับ”
กระทั่งเสื้อกาวน์ที่สวมอยู่บนตัวเนี่ยเฟิงก็ยังไม่ได้ถอดออก หลังจากเขาขึ้นรถก็เชิดคางขึ้น “พวกเราไปโรงพยาบาลเฟิร์สกัน”
พริบตาเนี่ยเหล่าสี่ก็กระตือรือร้นขึ้นมา หลังขับรถออกไปแล้ว เนี่ยเหล่าสี่ก็พูดอย่างกังวลอยู่บ้างว่า
“คุณชาย ที่พวกเราไปโรงพยาบาลเฟิร์สกันก็เพื่อจะไปคิดบัญชีกับตระกูลจูใช่ไหมครับ?”
“พวกเขาติดค้างพวกเรามามากพอแล้ว สมควรให้พวกเขาได้ชดใช้เสียบ้าง ไม่อย่างนั้นเขาจะนึกจริงๆ ว่าคนตระกูลเนี่ยของเรารังแกง่าย”
เดิมเนี่ยเฟิงคิดจะรอให้เรื่องของดร.หยางบูมขึ้นอีกหน่อยถึงจะไปหาจูเย่าเหวิน แต่ในเมื่อมารังแกถึงพี่สี่ของเขา ถ้าอย่างนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องเล่นเกมแมวหยอกหนูแล้วเช่นกัน
“ครับ!”
ลีมูซีนลินคอล์นแล่นมาถึงโรงพยาบาลเฟิร์สอย่างรวดเร็ว หลังเนี่ยเฟิงลงจากรถก็มองไปที่โรงพยาบาลเฟิร์ส ยังคงเหมือนกับในความทรงจำ ไม่มีอะไรแตกต่าง
เพราะอย่างไรหากรื้อถอนและสร้างใหม่ ก็จำเป็นต้องใช้เงินไม่น้อยเลย คนอย่างจูเย่าเหวินเป็นนักธุรกิจที่เพื่อเงินแล้วสามารถทำได้ทุกอย่างโดยไม่เลือกวิธีการ
ในความเป็นจริงเขาก็แค่ห่มหนังเทพบุตรชุดขาวไว้ชั้นหนึ่งเท่านั้น แต่แผนชั่วที่ทำยังสู้หมูหมาไม่ได้
เนี่ยเฟิงพลิกดูข่าวในโทรศัพท์ ตอนนี้ในโลกออนไลน์เละเหมือนโจ๊กชามหนึ่งแล้ว มีคนเผยแพร่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ของโรงพยาบาลคังหมิงออกไป
ตอนนี้ พูดได้ว่าชาวเน็ตต่างรุมโจมตีไปที่โรงพยาบาลคังหมิง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ชื่อเสียงของโรงพยาบาลคังหมิงจะต้องเสียหายย่อยยับแน่
ต่อให้สุดท้ายจะล้างมลทินได้ โรงพยาบาลคังหมิงก็ยังคงได้รับผลกระทบไม่น้อยอยู่ดี
หลังเนี่ยเฟิงเก็บสายตากลับมา ก็จัดระเบียบเสื้อผ้าที่สวมอยู่บนตัว จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปอย่างรวดเร็วดุจดาวตก
เขามาถึงห้องทำงานของจูเย่าเหวินได้อย่างแม่นยำ เพิ่งจะถึงหน้าประตูห้องทำงาน เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะร่าเริงชุดหนึ่งดังออกมา
“ร่วมมือกับเราถึงจะได้กำไรมหาศาลที่สุด โรงพยาบาลคังหมิงชื่อเสียงไม่ดี โชคดีที่พวกคุณไม่ได้ร่วมงานกับพวกเขา”
“ได้ครับๆ พรุ่งนี้เช้าหากมีเวลาพวกเราค่อยเจรจากัน”
เวลานี้จูเย่าเหวินดูมีความสุขอย่างมาก เพราะตอนนี้โรงพยาบาลคังหมิงกำลังถูกตรวจสอบ
ดังนั้นโครงการมากมายจึงไม่อาจดำเนินการได้ชั่วคราว
แบบนี้ก็แสดงว่า โรงพยาบาลคังหมิงจะต้องพลาดโครงการไปมากมาย โรงพยาบาลเฟิร์สของพวกเขาก็จะเป็นโรงพยาบาลใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของเมืองจินไห่ ฝ่ายตรงข้ามไม่อยากร่วมมือกับโรงพยาบาลคังหมิง อย่างนั้นก็จะต้องติดต่อมาหาพวกเขา
พอคิดมาถึงตรงนี้จูเย่าเหวินก็รู้สึกอารมณ์เบิกบานขึ้นมา
“ปัง!”
ในเวลานี้เอง ประตูห้องทำงานก็ถูกถีบเปิดออกอย่างรุนแรง จูเย่าเหวินตกใจจนสะดุ้ง เขาขมวดคิ้วแน่นอย่างห้ามไม่อยู่ พลางหันไปมองทางหน้าประตู
ชายหนุ่มในชุดกาวน์คนหนึ่งกำลังยืนมองเขาอยู่หน้าประตูคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเนี่ยเฟิงนั่นเอง
จูเย่าเหวินเห็นว่าคนที่มาคือเนี่ยเฟิง จึงไม่พอใจอย่างมาก “แกนับเป็นตัวอะไรกัน? ถึงกับกล้ามาเหยียบในที่ของฉัน?”
“จูเย่าเหวิน ฉันว่าแกครอบครองที่ดินของคนอื่นมานานเกินไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าใครเป็นแขกใครเป็นเจ้าของ ที่นี่เป็นของใคร ฉันคิดว่าแกน่าจะรู้ดี”
หลังเนี่ยเฟิงพูดจบ ก็สาวเท้ายาวๆ ก้าวเข้าไป ลงบนโซฟาโดยเอาขาขึ้นไขว่ห้าง
“แกหมายความว่ายังไง?”
จูเย่าเหวินมองคนที่พลิกบทบาทจากแขกมาเป็นเจ้านาย รู้สึกเพียงโกรธขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ อารมณ์ดีๆ ที่มีอยู่เมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ลุงสี่ บอกเขาสิ ที่นี่เป็นทรัพย์สินของใคร”
เนี่ยเฟิงยกมือขึ้นมาอย่างไร้อารมณ์
“โรงพยาบาลเฟิร์ส ก่อตั้งในปีหนึ่งเก้าหกเก้า ผู้ก่อตั้งคือเนี่ยยู่ ก็คือคุณปู่ของคุณชายนั่นเอง”
เนี่ยเหล่าสี่ถือแฟ้มเอกสารไว้ในมือ พูดคำนี้ออกมาอย่างไม่เร็วไม่ช้า
“คุณปู่?” จูเย่าเหวินมองสำรวจเนี่ยเฟิงครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ส่ายศีรษะ “แกคงไม่ใช่ทายาทของตระกูลเนี่ยหรอกนะ?”
แต่ตระกูลเนี่ยล่มสลายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ในเมืองจินไห่ล้วนหาคนแซ่เนี่ยได้ยากแล้ว
“ฉันคือเนี่ยเฟิง”
เนี่ยเฟิงหรี่ตา “จูเย่าเหวิน ได้พบเจ้าของตัวจริง ไม่ควรแสดงท่าทีอะไรหน่อยเหรอ?”
หากเป็นสมัยก่อน จูเย่าเหวินยังคงหวาดกลัวตระกูลเนี่ยอย่างมาก แต่ตอนนี้เขาต้องกลัวอะไรด้วย?
เนี่ยเฟิงก็แค่คนหัวเดียวกระเทียมลีบ
“ฮ่าฮ่า! ต่อให้แกเป็นคนตระกูลเนี่ย แล้วอย่างไร แกยังคิดจะมาเอาของของแกอีกเหรอ? ฉันจะบอกให้นะ ที่นี่ไม่มีของเด็กเล่นเหล่านั้น! ทางที่ดีควรถอดใจเสียเถอะ! รีบไสหัวไปซะ!”
จูเย่าเหวินยิ้มอย่างเย็นชา “ถึงเวลาอย่ามายั่วโมโหฉันเชียว ฉันจะทำให้แกอยู่ในเมืองจินไห่ต่อไปไม่ได้อีก!”
“ฉันเชื่อว่าเดี๋ยวนี้แกมีความสามารถ แต่ต่อไปก็ไม่แน่”
เนี่ยเฟิงหรี่ตามองจูเย่าเหวิน “เจิ้งเหวินหยู่ตายยังไง? ฉันคิดว่าแกน่าจะรู้ดีสินะ?”
จูเย่าเหวินนิ่งไปทันที เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผาก “แกพูดเหลวไหลอะไร? ฉันไม่รู้เรื่อง!”
“การทดลองมนุษย์ที่ดร.หยางทำนั้น หรือแกไม่ใช่เป็นคนเสนอหรือไง? ฆ่าเจิ้งเหวินหยู่ไปคนหนึ่งแล้ว แกไม่คิดจะฆ่าดร.หยางที่รู้เรื่องราวเช่นกันหรือ?”