พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 76กลิ้งออกไป
บทที่ 76กลิ้งออกไป
ตอนที่ซ่งสี่จื้อกำลังจะทำตัวโอ้อวดอยู่นั้นเอง ก็ได้มีคนกลุ่มหนึ่งเดินดุ่มๆ เข้ามา
คนที่เดินนำมาไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นประธานกรรมการของอาคารตี้กั๋ว จินไห่เวยนั่นเอง
ตอนนี้จินไห่เวยก็อายุเกินหกสิบไปแล้ว นับตั้งแต่ที่อาคารตี้กั๋วแห่งนี้ถูกก่อตั้งขึ้นมา เขาก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ระดับสูงได้อย่างมั่นคงมาโดยตลอด และอาคารตี้กั๋วก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองจินไห่ไปแล้ว
อาคารตี้กั๋วนั้นสูงหนึ่งร้อยแปดชั้น กำไรที่ประกาศออกไปในแต่ละปีมีมากถึงสองพันล้าน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมากกว่านั้นเยอะเลย!
ผู้จัดการที่เห็นถึงการมาของประธานกรรมการ เขาก็รีบกระเสือกกระสนลุกขึ้นมาทันที “ท่านประธานกรรมการครับ คุณต้องสั่งสอนสองคนนี้ซะให้เข็ดนะครับ เขาพูดจาสามหาว แถมยังทำร้ายร่างกายคนของเราอีก คุณอย่าปล่อยให้มันลอยนวลไปได้นะครับ!”
“ใช่! ถูกต้อง! เขายังล่วงเกินดาราดังที่กำลังร่วมงานกับอาคารตี้กั๋วอย่างอานจ้ายเสี้ยนด้วย ถ้าวันนี้ท่านประธานไม่จัดการเรื่องนี้จนเราพอใจละก็ ฉันว่าคุณอานคงต้องรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมแน่เลยค่ะ”
คางเมิ่งแอบตกใจ ถึงว่าล่ะทำไมสองคนนี้ถึงได้ดูมั่นใจนัก ที่แท้อานจ้ายเสี้ยนก็กำลังจะร่วมงานกับอาคารตี้กั๋วนี่เอง ถ้าเป็นอย่างนั้น เนี่ยเฟิงก็ยิ่งเสียเปรียบนะสิ!
นี่มันเป็นกับดักชัดๆ เธอก็ว่าล่ะทำไมอยู่ๆ ซ่งสี่จื้อถึงมาแย่งเสื้อที่แสนธรรมดาตัวนั้นกับเธอ ที่แท้ซ่งสี่จื้อก็ซ่อนแผนแบบนี้เอาไว้นี่เอง!
“แถมเขายังหักมือฉันอีกค่ะท่านประธานกรรมการ คนๆ นี้ช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน!”
หัวหน้าร้านจ้องมองประธานกรรมการด้วยท่าทางน่าสงสาร แต่ในใจกลับกำลังรู้สึกได้ใจมาก เพราะอีกเดี๋ยวสองคนนี้ก็จะถูกทำให้ขายหน้าแล้ว กล้าดียังไงมารังแกไอดอลของเธอ!
“พวกคุณ……”
จินไห่เวยหรี่ตามองที่ผู้จัดการกับหัวหน้าร้าน จากนั้นก็ตะคอกออกมาว่า “พวกคุณสองคนถูกไล่ออกแล้ว!”
“อะไรนะคะ/ครับ?!”
หัวหน้าร้านกับผู้จัดการต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ทั้งสองไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน สองคนหันมาจ้องตากัน ต้องรู้ว่ากว่าทั้งสองจะไต่เต้าจนขึ้นมาเป็นหัวหน้าร้านกับผู้จัดการนั้นมันใช้เวลามากขนาดไหน!
“ท่านประธานกรรมการครับนี่เราไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหมครับ สองคนนี้เป็นคนที่มาก่อเรื่องนะครับ แล้วคุณจะมาไล่พวกเราออกได้ยังไง ที่สำคัญแฟนผมเธอยังได้รับบาดเจ็บด้วยนะ!”
“แฟนของคุณเธอทำหน้าที่หัวหน้าร้านยังไงยังต้องให้ประธานกรรมการอย่างฉันมาพูดอีกเหรอ?”
ในตอนนั้นเอง เลขาของประธานกรรมการก็ได้เดินเข้ามา พร้อมกับมองไปที่หัวหน้างานกับผู้จัดการคนนั้น
ผู้จัดการก้มหน้าลงด้วยความละอายใจ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรไล่เขาสองคนออกไม่ใช่เหรอ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย!
“ฉันยอมรับไม่ได้ค่ะ! ท่านประธานกรรมการมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉันออก? ฉันทำอะไรผิดเหรอคะ คุณช่วยอธิบายที!”
พอคางเมิ่งเห็นว่าประธานกรรมการของอาคารตี้กั๋วเข้าข้างตัวเอง เธอก็เริ่มมีความกล้ามากขึ้น!
“คุณเป็นแฟนคลับของลนลานจ้ายเสี้ยน คุณเอาแต่เข้าข้างเขา แล้วยังพูดจาไม่ดีใส่ฉัน ถึงขั้นจะใช้มือผลักฉัน! ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนลงมือก่อนเสี่ยวเฟิงก็ไม่มีทางแตะต้องคุณหรอกค่ะ!”
หัวหน้างานละอายใจขึ้นมาทันที สายตาลนลาน ชั่วขณะหนึ่งเธอไม่รู้ว่าจะมองไปทางไหนดี
“คุณสมบัติอย่างคุณไม่เหมาะที่จะรับตำแหน่งหัวหน้าร้านหรอก ที่สำคัญอาคารตี้กั๋วแห่งนี้อยู่ในฐานะอะไรคุณไม่รู้รึยังไง? คนที่มาใช้จ่ายในนี้มีมากมายขนาดไหน? กับทัศนคติที่เลือกปฏิบัติของคุณ อาจจะล่วงเกินลูกค้าไปเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้!”
“ประธานกรรมการจินคะ ฉันว่าคุณแก้ปัญหาแบบนี้มันจะดูไม่เหมาะสักเท่าไหร่นะคะจริงไหม? ทั้งๆ ที่สองคนนี้เป็นคนก่อเรื่องแท้ๆ แล้วจะโยนความผิดมาให้เราได้ยังไง? ที่สำคัญทางเรายังเป็นดาราระดับโลกที่จะร่วมมือกับพวกคุณในอนาคตด้วยนะคะ!”
คางเมิ่งรู้สึกอยากขำออกมา ซ่งสี่จื้อนี่ยกระดับของอานจ้ายเสี้ยนให้สูงขึ้นไปทุกทีๆ ทั้งๆ ที่เขาไม่มีความสามารถขนาดนั้นแท้ๆ และยังไม่ได้ดังระดับโลกด้วย!
แฟนคลับสิบล้านที่มีก็ไม่รู้ว่าของจริงของเก้ เพราะสมัยนี้การใช้เงินซื้อแฟนคลับน่ะเห็นบ่อยจะตายไป!
“หรือคุณอยากให้ผมยกเลิกงานกับทางคุณ?” เนื่องจากอานจ้ายเสี้ยนถูกอวยซะดิบดี ตอนนี้เขาเองก็เริ่มได้ใจแล้วเหมือนกัน
ปกติแล้วพวกผู้ประกอบการมักจะเป็นคนเข้าหาเขาเอง คาดหวังให้เขายอมร่วมงานด้วย แต่ตอนนี้อานจ้ายเสี้ยนนั้นรู้สึกไม่สบอารมณ์เอาซะเลย
“ยกเลิกงานเหรอ?” จินไห่เวยถามไปพร้อมกับคิ้วที่กระตุก
“ถูกต้องครับ ถ้าคุณไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างถูกต้องละก็ ต่อไปผมก็ไม่มีทางร่วมงานกับอาคารตี้กั๋วอย่างแน่นอนครับ!”
อานจ้ายเสี้ยนเชิดหน้าขึ้นอย่างได้ใจ เขาคิดในใจว่าตอนนี้พวกนั้นคงต้องร้อนรนมากแล้วสินะ!
“ถ้าอย่างนั้นก็เยี่ยมไปเลยครับ! รีบแจ้งลงไปว่าการร่วมงานกันระหว่างเรากับบริษัทการสื่อสารจินไห่ถือเป็นโมฆะ ต่อไปเราจะไม่มีการร่วมงานกับบริษัทการสื่อสารจินไห่อีก!”
อานจ้ายเสี้ยนนึกว่าตัวเองฟังผิด เขาเบิ่งตาโตพร้อมกับถามไปด้วยความผิดคาดว่า “นี่คุณหมายความว่ายังไง?!”
“การที่คุณอานพูดออกมาเองว่าจะไม่ร่วมงานกับเรานั้น มันก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นมาเลยล่ะครับ เพราะถ้าต่อไปดาราที่ไร้จรรยาบรรณอย่างคุณเกิดไปก่อเรื่องอะไรเข้า มันไม่เท่ากับทำให้อาคารจินไห่ของเราต้องเสื่อมเสียเหรอครับ?”
จินไห่เวยยิ้มออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “อีกอย่าง ต่อไปอาคารจินไห่ของเราจะไม่ต้อนรับสองท่านนี้อีก อย่าลืมแจ้งให้ทั่วด้วยว่าถ้าสองท่านนี้มาเยือนเราจะไม่จำหน่ายสินค้าใดๆ ให้ทั้งนั้น”
“นี่คุณ!”
ตอนนี้ซ่งสี่จื้อถือว่าได้รับความอับอายอย่างถึงที่สุดแล้ว ส่วนอานจ้ายเสี้ยนนั้นก็รู้สึกโมโหมาก “คุณรู้รึเปล่าว่าผมเป็นใคร? ผมเป็นถึงดาราที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาของบริษัทการสื่อสารจินไห่เลยนะ! แล้วคุณจะเสียใจที่มาทำแบบนี้กับผม!”
“เชิญออกจากที่นี่ด้วยค่ะ”
เลขาของจินไห่เวยกล่าวไล่สองคนนั้นออกไป
ซ่งสี่จื้อกัดฟันแน่น “วันนี้ถือว่าพวกแกสองคนโชคดีไป แต่! ฉันไม่มีทางปล่อยพวกแกไว้แน่!”
พอซ่งสี่จื้อพูอดจบเธอก็เตรียมที่จะเดินจากไป
“คุณลืมสิ่งที่เราพนันกันไว้แล้วเหรอครับ? คุณคิดจะเดินออกอาคารจินไห่ง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ?”
เนี่ยเฟิงพูดออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา ซ่งสี่จื้อรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางกระบาล “นี่แกคิดจะทำอะไร!”
“ง่ายมาก กลิ้งออกไปจากที่นี่ซะ”
เนี่ยเฟิงมองซ่งสี่จื้อกับอานจ้ายเสี้ยนด้วยสายตาที่เย็นชา
“แกรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นใคร? ฉันขึ้นแท่นคนที่มีผู้ติดตามถึงสิบล้านคนเลยนะ แกกล้าดียังไงมาทำอย่างนี้กับฉัน?!”
อานจ้ายเสี้ยนรู้สึกโมโหอย่างสุดขีดจนต้องคำรามออกมา
“ผมเกลียดคนที่ไม่รักษาคำพูดที่สุด ถ้าพวกคุณไม่ยอมทำตามที่พนันกันไว้ ผมก็ยินดีที่จะขยี้พวกคุณให้เป็นก้อน จากนั้นก็เตะพวกคุณออกไป แบบนี้”
พูดจบ เนี่ยเฟิงก็หันไปหยิบที่แขวนหมวกที่อยู่ข้างๆ มา พอเขาออกแรงที่แขวนหมวกอันนั้นก็กลายเป็นก้อนเหล็กที่ไร้ค่าในทันที!
บัดซบ ทำไมเนี่ยเฟิงมันถึงได้มีแรงเยอะขนาดนี้เนี่ย!
ซ่งสี่จื้อกับอานจ้ายเสี้ยนหันมาสบตากัน ถึงแม้มันจะขายหน้าขนาดไหน แต่พอนึกถึงความร้ายกาจของเนี่ยเฟิงแล้วพวกเขาก็คงต้องยอมจำนนแต่โดยดี
ตอนนี้ทุกคนในอาคารจินไห่ก็เข้าข้างสองคนนั้นหมด ต่อให้ซ่งสี่จื้อกับอานจ้ายเสี้ยนอยากหนีไปก็คงเป็นไปไม่ได้
“รอเดี๋ยว!”
ซ่งสี่จื้อกัดฟันแน่น เธอนั่งลงด้วยความอับอาย จากนั้นก็กอดเข่าแล้วกลิ้งออกจากร้านไป เธอล้มลุกคลุกคลานจนออกไปถึงข้างนอก
ถึงอานจ้ายเสี้ยนจะตัวใหญ่ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีทางที่จะสู้กับคนพวกนี้ได้เลย สุดท้ายก็ต้องจำใจทำตามซ่งสี่จื้อไป
หลังจากที่ทั้งคู่จากไป หัวหน้าร้านกับผู้จัดการก็ถูกเตะออกไป ภายในร้านที่วุ่นวาย ตอนนี้ก็เหลือเพียงจินไห่เวยกับเนี่ยเฟิงและคนอื่นๆ เท่านั้น
“เสี่ยวเฟิง! เมื่อกี้แกโคตรเท่เลยนะ!”
พอความรู้สึกโกรธได้ถูกระบายออกไป ตอนนี้คางเมิ่งก็รู้ว่าตัวเองนั้นอารมณ์ดีมาก เธอไม่อยากสนใจอะไรมากมายแล้ว เพราะเธอกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่ต่อหน้าจินไห่เวยและคนอื่นๆ อยู่