พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 84 โดยไม่คาดคิด
บทที่ 84 โดยไม่คาดคิด
หลัวปินกลับถึงบ้านเพียงรู้สึกอึดอัดใจไม่มีอะไรเทียบได้ วันนี้ที่งานประมูลเขาขายหน้าก่อนหน้าที่ยังมี
แค่นึกถึงสีหน้าท่าทางของคางเมิ่งกับเนี่ยเฟิงสองคน หลัวปินเพียงรู้สึกไม่ได้โมโหแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว
“ฉันจะต้องทำให้พวกเขาสองคนสุนัขชายหญิงได้ชดใช้ คาดไม่ถึงว่าจะกล้าทำให้ฉันอับอายเช่นนี้!”
หลัวปินกำหมัด เพราะว่าเขาเดือดดาลมากจริง ๆ ดังนั้นจึงกวาดของทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะทิ้งไปบนพื้น
เสียงที่ดังออกไป ทำให้คนรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านนอกล้วนไม่กล้าที่จะขยับตัว กังวลว่าจะไปทำให้เทพแห่งความชั่วร้ายองค์นี้โกรธเข้า
หลังจากหลัวปินโยนข้าวของเสร็จก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จากนั้นก็หยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเลขาของตัวเองว่า:
“แกไปหามาให้ฉันว่าช่วงนี้นังผู้หญิงคางเมิ่งนั่นขัดแย้งกับใคร! ตรวจสอบยิ่งชัดยิ่งดี! ความเร็วต้องเร็ว!”
หลัวปินวางสายโทรศัพท์ มองไปทางหน้าต่าง ดวงตาคู่นั้นแดงไปหมด
“พวกเราคอยดูต่อไป!”
คางเมิ่งกับเนี่ยเฟิงทั้งสองคนกลับมาถึงที่คฤหาสน์ เนื่องจากว่าวันนี้ดีใจมาก ๆ ดังนั้นคางเมิ่งจึงนอนไม่หลับตื่นเต้นทั้งคืน วันที่สองใต้ตาดำทั้งสองข้าง ผมเผ้ายุ่งเหยิงปีนขึ้นมาจากเตียง
ในเวลานี้เนี่ยเฟิงซื้ออาหารเช้าออกกำลังเสร็จ กลับมาดูคางเมิ่ง ที่ยังคงอยู่ในท่าทีจิตหลุด อดไม่ได้ที่จะยิ้มบอก:
“พี่เจ็ด จิตพี่ยังไม่กลับเข้าร่างหรือไง? ใต้ตาพี่ดำใหญ่ขนาดนั้นจะปกปิดอย่างไรอยู่ ไม่กี่วันนี้ไม่ต้องถ่ายละครหรือไง?
คางเมิ่งหาวออกมา โบกมือ “งานประมูลเมื่อคืนนี้พวกผู้กำกับก็ไปไม่ใช่หรอ? ผลคือผู้กำกับเมาหัวราน้ำ วันนี้เลยถ่ายละครไม่ได้ วันหลังฉันพี่สาวจะพานายไปกองถ่ายจะได้รู้จักพวกดาราพวกนั้น
เนี่ยเฟิงวางอาหารเช้าในมือลงบนโต๊ะ “ผมก็มีลายเซ็นที่อยากได้เป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าพี่จะมีความสามารถที่ช่วยให้ฉันได้มาไหม?
“เหอะ! นี่นายดูถูกฉันพี่เจ็ด นายรู้หรือไม่ว่าตอนนี้ฉันเป็นถึงลูกศิษย์ของนักแสดงนำหญิงแห่งปีระดับนานาชาติเชียว! ลายเซ็นอะไรที่ฉันจะเอามาไม่ได้? นายรีบบอกมาก็พอแล้ว”
คางเมิ่งตบอก ท่าทางภาคภูมิใจ
“งั้นผมอยากได้ลายเซ็นของซูเปอร์สตาร์ระดับนานาชาติคางเมิ่ง พี่สามารถช่วยเอามาให้ผมได้ไหม?”
“ซูเปอร์สตาร์ระดับนานาชาติคางเมิ่ง?” คางเมิ่งงุนงง หลังจากนั้นถึงได้มีท่าทีโต้กลับมา จากนั้นก็ยิ้มไปทุบเนี่ยเฟิงไป
“เด็กคนนี้นี่คิดไม่ถึงว่าจะกล้าหยอกล้อฉันพี่สาวนาย พี่คิดว่านายคงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วซินะ!”
ทั้งสองคนทะเลาะกัน แต่ทว่าเนื่องจากคางเมิ่งเมื่อคืนนอนไม่ดี ดังนั้นวันนี้เลยต้องการจะนอนชดเชย พรุ่งนี้ยังต้องไปรายงานตัวที่กองถ่าย วันนี้เนี่ยเฟิงวางแผนที่จะไปเก็บกวาดของที่เหลืออยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ
“ที่โรงพยาบาลเฟิร์สเป็นอย่างไรบ้าง?”
เนี่ยเฟิงโทรศัพท์ไปหาเนี่ยเหล่าสี่ เนี่ยเหล่าสี่บอกเนี่ยเฟิงอยู่นอบน้อมว่า:
“ตอนนี้ที่โรงพยาบาลเฟิร์สก็คือเผือกร้อน พวกเราช่วยเหลือทางตำรวจทำการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว คนอื่นก็ไม่กล้ารับช่วงต่อ วันนี้ฉันไปเซ็นสัญญามาเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันนี้โรงพยาบาลเฟิร์สก็คือกิจการอย่างหนึ่งของคุณชายแล้ว”
เนี่ยเฟิงพยักหน้าเบา ๆ “ไม่เลว การก่อสร้างหน่วยงานการกุศลในนามคุณแม่ของฉัน ขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
“คุณชายวางใจได้ ตอนนี้หน่วยงานการกุศลนั้นสามารถลงทุนโดยถือหุ้นสองร้อยล้าน”
ในสองร้อยล้านนี่นั้นมีที่เขาออกเองอยู่หนึ่งร้อยล้าน อีกหนึ่งร้อยล้านนั้นหยิบออกมาจากจูเย่าเหวิน
ตอนแรกพวกเขาทำแผนชั่วเช่นนี้ ได้รายได้มากมาย เป็นการซ้ำเติมอย่างแท้จริง สิ่งของที่พวกเขากินเข้าไปถึงคราวที่จะต้องอ้วกออกมาแล้ว
ตอนนี้เนี่ยเฟิงยังคิดไปถึงคุณแม่ของตัวเอง เตือนสติให้เขาให้เอามวลชนเป็นรากฐานอย่าระรานคนดีหวาดกลัวคนชั่ว
เป็นคนจำต้องมีขอบเขต
แม้ว่ามือคู่นี้ของเขาจะเปื้อนเลือด ที่สุสานนั่นควานหาฝึกฝนอย่างยากลำบากถึงจะได้ตำแหน่งอย่างในตอนนี้ แต่เขาก็รู้ว่าคุณสมบัติบางเรื่องนั้นไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง
“แม้ว่าจะก่อสร้างเสร็จแล้ว งั้นวันนี้ก็เรียกประชุมแล้วกัน หลังจากที่สมาคมเวชศาสตร์นิวเคลียร์โรงพยาบาลเฟิร์สล้มละลายไป โรงพยาบาลคลินิกทั้งหมดในเมืองจิ่นไห่ก็เหมือนกันกับแตกความสามัคคี พอดีกับในตอนนี้ที่จะฉวยเอาไว้”
เนี่ยเฟิงลูบคางตัวเอง ไม่รู้ว่าหลังจากที่พี่สี่รับรู้เรื่องนี้แล้วจะประหลาดใจมาก
“หวังว่าเธอจะไม่รู้สึกปวดหัวเพราะว่างานจำนวนมาก”
ในตอนนั้นเองหมิงอี๋หานที่ยุ่งมาสองวันแล้ว เมื่อยเอวปวดหลังมาตั้งนานแล้ว ในตอนที่เธอคิดว่าจะพักสักหน่อย สุดท้ายก็ต้องรับโทรศัพท์
“คณบดี เมื่อครู่นี้พวกเราได้รับจดหมายรับเชิญจากอีเมลในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของโรงพยาบาล แจ้งว่าตอนบ่ายวันนี้ให้พวกเราไปเข้าร่วมการประชุม การประชุมนี้ต้องการสอบถามเรื่องการก่อสร้าง มูลนิธิรวมไปถึงแพทยสมาคมขึ้นใหม่”
หมิงอี๋หานยักหัวคิ้ว “ดูท่าคนพวกนั้นคงจะทนไม่ไหวแล้ว แพทยสมาคม ล้มไปแล้วอันหนึ่งก็จะมีแพทยสมาคมโผล่ขึ้นมาอีกจำนวนมาก ฉันจะรอดูว่าครั้งนี้นายกแพทยสมาคมที่เลือกมาจะเป็นใคร”
“งั้นพวกเราต้องไปไหม?”
หมิงอี๋หานยิ้มเย็น “ต้องไปแน่นอน จำเป็นต้องไป”
ในตอนบ่ายหมิงอี๋หานมาถึงที่แพทยสมาคม เธออดไม่ได้ที่จะตะลึง เพราะว่าคาดไม่ถึงว่าที่นี่จะเริ่มปรับปรุงใหม่
เดิมที่นี่นั้นก่อสร้างไว้อย่างสะดุดตาไม่มีใครเทียบ ปัจจุบันนี้กลับเปลี่ยนเป็นมีสภาพชำรุดทรุดโทรม แต่ห้องประชุมของแพทยสมาคมยังคงเก็บรักษาไว้ ถึงแม้ว่าจะดูไม่ค่อยงดงาม
เธอรู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาด คนที่จะเปิดการประชุมในวันนี้แท้จริงแล้วคือใครกัน? ที่สุดแล้วใครคิดที่จะถือโอกาสเป็นฮีโร่?
“พี่สี่!”
เนี่ยเฟิงหัวเราะฮี่ฮี่โบกมือไปทางหมิงอี๋หาน
หมิงอี๋หานอดไม่ได้ที่เดินเข้าไปหาอย่างงุนงง “นายมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร นายไม่ใช่ว่าควรจะอยู่กับน้องเจ็ดหรือ? น้องเจ็ดไม่ได้บอกว่าจะพานายไปเที่ยวเล่นไม่กี่วัน?”
“เพราะว่าวันนี้มีเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ที่จะต้องทำ อีกอย่างหนึ่งวันนี้พี่เจ็ดยังนอนชดเชยอยู่เลย ดังนั้นก็เลยพาผมไปเที่ยวเล่นที่ไหนไม่ได้”
เนี่ยเฟิงแบะปากยิ้ม ตอบไปเช่นนี้
“นายจะมีเรื่องสำคัญอะไรให้ทำหา? แม้ว่าวันนี้จะไม่ต้องไปเที่ยวเล่น นั่นก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านดี ๆ ไม่กี่วันมานี้นายเหนื่อยมากแล้ว แผลบนฝ่ามือของนายก็ยังไม่หายดี”
แม้ว่าหมิงอี๋หานจะเป็นคนที่ค่อนข้างใจดำ แต่ทว่ากลับปฏิบัติต่อเนี่ยเฟิงอย่างไม่มีอะไรจะพูด อีกทั้งเธอคนนี้ให้ท้ายเป็นที่สุด
เนี่ยเฟิงยกฝ่ามือขึ้น “ไม่มีอะไร ก็เพียงแค่แผลเล็ก ๆ เท่านั้น ตอนนี้หายดีแล้ว พี่ดูมือผมยืดหยุ่นมากใช่ไหม?”
“เอาล่ะเอาล่ะ ไม่ต้องขยับมั่วแล้ว เดี๋ยวปากแผลฉีกขาดนายจะเจ็บเอา”
หมิงอี๋หานตีมือของเนี่ยเฟิง
ในตอนนั้นเองทุกคนก็มากันครบแล้ว ทุกคนต่างมองไปรอบ ๆ ไม่รู้ว่าคนที่ริเริ่มจัดตั้งครั้งนี้คือใคร? ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ กลับต้องการที่จะจัดตั้งแพทยสมาคมขึ้นมาใหม่ นี่ไม่ใช่ว่าจะรีบระดมเงิน?
“ทำไมยังไม่มีคนขึ้นไปบนเวทีจัดการการประชุมอีก? หรือว่านี่คือล้อพวกเราเล่น?”
“นั่นสิ คุณดูการตกแต่งที่นี่กระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ ดูคล้ายกับซากปรักหักพัง ฉันคิดว่าจะต้องมีคนกำลังหลอกพวกเราแน่นอน!”
ในตอนที่ทุกคนทนไม่ไหวนั้น เนี่ยเฟิงก็เดินขึ้นไปบนเวทีทันที
หมิงอี๋หานถึงกับตกใจ เดิมคิดที่จะไปลากคนกลับมา แต่ว่าเนี่ยเฟิงสาวเท้ามาถึงแท่นบรรยายเรียบร้อยแล้ว
“ทุกท่านโปรดเงียบ ที่ได้มีการเรียกประชุมในวันนี้นั้นก็อยากที่จะประกาศเรื่องเรื่องหนึ่ง”
เนี่ยเฟิงกวาดสายตาไปมองทุกคนที่มาเข้าร่วมการประชุมที่อยู่ด้านล่าง
“ผมต้องการก่อตั้งมูลนิธิการกุศลในนามของเซี่ยชิงโยว”