พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 86 ประธานคนใหม่
บทที่ 86 ประธานคนใหม่
ดังคำกล่าวที่ว่าถ้าไม่มีกฎเกณฑ์ก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ การชี้นำของปัจจุบันอยู่ในกำมือของเนี่ยเฟิง เนี่ยเฟิงนั้นจึงถือว่าเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุด
เป็นดังที่คาดการณ์ไว้ คำพูดของเนี่ยเฟิงที่ได้กล่าวออกไปนั้นได้รับเสียงคัดค้านจากทุกคน หลายคนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นคลินิกเล็กๆของพวกเราเหล่านี้ไม่ปากกัดตีนถีบหรอกหรือ?”
“ใครทำงานมากคนนั้นก็ควรจะได้รับมาก ที่คลินิกเล็กยังเป็นคลินิกเล็กเพราะว่าอุปกรณ์และเงื่อนไขทางการแพทย์ยังไม่ถึงระดับมาตรฐานของโรงพยาบาลใหญ่ อย่างที่บอกไป ทำมากได้มาก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวพวกคุณ”
เนี่ยเฟิงรู้ดีว่าต้องมีคนคัดค้าน เขาได้คาดเดาเอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว จึงไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด
“งั้นพวกเราไม่เข้าร่วมมูลนิธิการกุศล และก็ไม่เข้าร่วมแพทยสมาคมของพวกคุณด้วย!”
“เข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมก็แล้วแต่พวกคุณ ยังไงซะเงินก้อนนี้ก็ยังอยู่ที่นี่ แถมในอนาคตมีแต่เพิ่มขึ้นไม่มีน้อยลง”
เนี่ยเฟิงรู้จักผู้มีประสบการณ์กลุ่มนี้ดี แค่ต้องการเงินแต่ไม่ต้องการทำงาน
บนโลกนี้ไม่มีอะไรที่ขนาดนั้นหรอก
“งั้นผมเพิ่มอีกร้อยล้าน”
หมิงอี๋หานยกมือขึ้นอย่างทันทีทันใด ต้องเข้าใจก่อนว่าเงินก้อนนี้หมดไปกับเงินฝากออมทรัพย์ของโรงพยาบาล เดิมทีกำไรของทุกปีนอกจากเธอจะแบ่งเป็นเงินอุดหนุนให้กับแพทย์ พยาบาลแล้ว ยังแบ่งให้กับคนไข้อีกด้วย
ดังนั้นโรงพยาบาลคังหมิงจึงมีชื่อเสียงที่ดีมาโดยตลอด เพราะหมิงอี๋หานไม่ต้องการใช้โรงพยาบาลเป็นที่สำหรับหาเงิน เธอเพียงแค่หวังว่าคนที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือจะสามารถได้รับการรักษาที่ดีขึ้นเงินการกุศลสามร้อยล้านทุกคนเห็นแล้วรู้สึกตาเป็นประกาย แต่ว่าพวกเขาก็ไม่มีวิธีที่จะดึงเงินนี้ออกมาได้ กังวลว่าเป็นหนึ่งในพีระมิดธุรกิจ เมื่อถึงเวลาพวกเขาและหุ้นส่วนก็นำเงินกลับไป แบบนี้ไม่ใช่ว่าเสียทั้งภรรยาเสียทั้งพลทหารหรอกหรือ?
“พวกคุณจะไม่โหวตก็ได้ แต่คนที่โหวตจะได้รับเงินปันผล หากว่าไม่ได้โหวต ในทุกๆปีพวกคุณอาจจะได้รับเงินอุดหนุนทางการแพทย์รวมทั้งโบนัสพิเศษน้อยกว่าปกติ”
ถึงแม้ขายุงจะเล็กแต่ก็คือเนื้อ พวกเขาแค่ต้องทำในส่วนของตัวเองให้ดี และยังสามารถได้รับเงินอุดหนุนทางการแพทย์และโบนัสพิเศษด้วย ฟังแล้วดูดีทีเดียว อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องเสียอะไร
“งั้นผมจะถามเป็นครั้งสุดท้าย พวกคุณต้องการเข้าร่วมแพทยสมาคมรวมถึงหน่วยงานกุศลหรือไม่”
เนี่ยเฟิงพูดออกไปแล้ว ทุกคนต่างมองหน้ากัน แล้วก็มีคนเริ่มเอ่ยปากออกมา
“งั้นผมยื่นคำขอเข้าร่วม”
เมื่อมีคนเปิด คนที่เหลือก็เริ่มค่อยๆลงสมัครเข้าร่วมแพทยสมาคมกับหน่วยงานกุศลตาม ถึงยังไงสำหรับพวกเขาแล้วการเข้าร่วมก็ไม่ได้มีข้อเสียอะไร เพียงแค่พวกเขา ไม่ต้องออกเงิน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็พูดกันได้ง่าย
“ในเมื่อพวกคุณตัดสินใจเข้าร่วมกันแล้ว งั้นมาทำความรู้จักกับท่านประธานคนใหม่ของพวกคุณกันเถอะ”
เนี่ยเฟิงมองและพยักหน้าให้หมิงอี๋หาน เวลานี้หมิงอี๋หานเดินขึ้นไปบนเวทีอย่างสง่าผ่าเผย มองลงไปยังเหล่าแพทย์ในชุดกาวน์
“ปัจจุบันฉันคือประธานแพทยสมาคมกับหน่วยงานการกุศล วันนี้ฉันจะขอกล่าวสักสองสามประโยค ประการแรกฉันดำรงตำแหน่งนี้จะทำงานออกมาดีที่สุด จะขยันขันแข็งเหมือนดร.หยางกับเลขานุการจู ฉันจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก ประการที่สองพวกคุณสมัครใจเข้าร่วมแพทยสมาคมกับหน่วยงานการกุศลก็จริงแต่ถ้าหากว่าเกิดเรื่องไม่ดีในหมู่พวกคุณหรือมีคนที่ขาดศีลธรรม ฉันก็จะเอาพวกคุณออกไป”
เมื่อมีผู้นำองค์กรมาใหม่ คนใต้อำนาจเหล่านั้นก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา ทำอะไรก็ต้องเกรงใจ รับของก็ต้องมือไม้อ่อนนอบน้อม ตอนนี้พวกเขาเข้าร่วมหน่วยงานการกุศลก็เพราะผลประโยชน์เหล่านั้น
แม้ว่าในใจของคนพวกนี้จะมีความไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมา
หลังจากการประชุมจบลง ทุกคนต่างแยกย้ายออกไป
มองออกไปยังแพทยสมาคมที่ไม่มีใครแล้ว หมิงอี๋หานก็ค่อยๆถอนหายใจออกมา
“เรื่องนี้นายวางแผนลับหลังพี่มานานแล้วใช่มั้ย? ไม่กี่วันก่อนนายถามพี่ว่าอยากเป็นประธานแพทยสมาคมหรือเปล่า ที่แท้นายก็มีแผนแบบนี้นี่เอง”
หมิงอี๋หานเก็บสายตากลับมา มองครั้งหนึ่งแล้วยืนขึ้นด้านหน้าเนี่ยเฟิง
“ไม่ได้วางแผนมานาน ผมแค่รู้สึกว่าแพทยสมาคมมีการคอร์รัปชั่นจริงๆ ไม่สู้ใช้โอกาสนี้มาปรับเปลี่ยน อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่ดีสำหรับต่อประชาชนด้วย”
หมิงอี๋หานหลี่ตามอง “แต่ว่าเงินก้อนนั้นตกลงมาได้อย่างไร นายจะไม่บอกพี่หน่อยหรอ?”
“เงินก้อนนั้น..”
เนี่ยเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง…. จากนั้นก็กล่าวอย่างจริงจังไปว่า “ได้มาจากคนไร้มโนธรรมที่ได้มาจากการปล้น ผมทำแบบนี้ก็นับว่าเป็นการทำบุญให้เขาแล้วล่ะ”
แต่คิดว่าบุญนี้เขายังคงไม่ได้รับนะ น่าจะลงไปอยู่ในนรกแล้วล่ะ
“จู่ๆก็เอาเงินสองล้านมาก่อตั้งมูลนิธิการกุศล แถมยังให้พี่เป็นประธาน เรื่องนี้ต้องมีการสมรู้ร่วมคิด อีกทั้งตระกูลจูทำสิ่งไม่ดีกับแพทยสมาคมมานานยังไม่มีใครรู้เรื่อง ลองจินตนาการดูสิว่ามีเส้นสายเยอะแค่ไหน แต่ว่า..ตอนที่นายถามพี่ว่าอยากเป็นประธานหรือเปล่าตระกูลจูก็ไม่มีแล้ว แพทยสมาคมก็เสื่อมลงด้วย นายไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันบังเอิญเกินไปหรอ?”
หมิงอี๋หานมองเนี่ยเฟิงด้วยสายตาแหลมคม “พี่รู้สึกว่านายมีเรื่องปิดบังพี่อยู่ตลอด และเรื่องนี้แม้จะไม่ได้เล็กหรือใหญ่มาก นายได้พูดคุยกับพี่สาวคนอื่นบ้างหรือเปล่า?”
“ผมมีบางเรื่องปิดบังพวกพี่จริง ๆ ” เนี่ยเฟิงพยักหน้าตอบอย่างตั้งใจ “แต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยเรื่องพวกนี้ พี่สี่ก็รู้ว่าคดีร้ายแรงบนทะเลนั้นเป็นเรื่องแปลกมาก แถมตระกูลเนี่ยยังแตกกระจาย กิจการตกมาถึงมือคนพวกนี้ ผมจะมองดูคนพวกนี้เอากิจการของพวกเราไปทำลายได้อย่างไร”
“พี่รู้ว่าเรื่องพวกนี้จะทำให้นายเจ็บปวดมาก ช่างมันเถอะ ถ้าอยากพูดเมื่อไหร่ค่อยพูดแล้วกัน แต่ว่าพี่หวังว่านายจะไม่ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย นี่เป็นคำขอเดียวของพี่”
หมิงอี๋หานโบกมือ ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา “ที่นี่เงียบที่สุด แต่ก่อนพี่ไม่ชอบมา เป็นเพราะคนเหล่านี้ทำให้เกิดบรรยากาศเลวร้ายเสมอ ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“ผมเชื่อว่าพี่สี่เป็นประธานแล้วต้องทำให้แพทยสมาคมเข้มแข็งขึ้นแน่”
“เป็นประธานแพทยสมาคมแล้ว พี่คงยุ่งมาก ดังนั้นพี่คิดว่าจะหาคนมาช่วย”
เนี่ยเฟิงได้ยินคำพูดของหมิงอี๋หานก็รู้สึกหนังตากระตุก รู้สึกว่าเรื่องที่หมิงอี๋หานจะพูดต่อต้องเกี่ยวข้องกับเขาอย่างแน่นอน
“ไม่ทราบว่าพี่สี่ต้องการคนแบบไหนมาช่วย?”
“ไกลสุดขอบฟ้า ใกล้อยู่แค่สายตา คนนั้นก็คือนายไง ทักษะทางการแพทย์ของนายเทียบเท่าหรือดีกว่าของพี่ด้วยซ้ำ พี่ตัดสินใจจะยกโรงพยาบาลคังหมิงให้นายด้วย”
เนี่ยเฟิง:…………
ดูสิ เขาเดาไว้ไม่ผิดเลย
“ไม่ได้หรอก ผมไม่มีทักษะผู้นำเลย พี่ให้ผมดูแลทั้งโรงพยาบาล ผมดูแลไม่ไหวแน่นอน”
“ถ้าดูแลไม่ไหว งั้นก็เอาแบบนี้ละกัน พี่แบ่งหุ้นโรงพยาบาลให้นายก่อนครึ่งหนึ่ง นายก็เริ่มดูแลจากหุ้นก่อนแล้วกัน”
นี่รีบให้เงินให้เขาใช้ง่ายๆเลย จริงๆก็คงไม่ได้อยากให้เขาไปดูแลโรงพยาบาลหรอก
เนี่ยเฟิงยิ้มแห้ง เล่นไปตามน้ำไปว่า
“พี่สี่ปล่อยผมไปเถอะ ถ้าพี่ใหญ่รู้เรื่องนี้แล้วล่ะก็ ต้องตำหนิหาว่าผมยังไม่โตแน่นอน ผมไม่อยากเกาะผู้หญิงกินตั้งแต่ยังหนุ่มหรอกนะ!”