พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 87 เครื่องบอกตำแหน่ง
บทที่ 87 เครื่องบอกตำแหน่ง
เพราะหมิงอี๋หานได้เป็นประธานแพทยสภาแล้ว ดังนั้นงานของเธอจึงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ตอนแรกเนี่ยเฟิงต้องการอยู่ใกล้ๆกับหมิงอี๋หานเพื่อเรียนรู้งาน แต่ว่าในสองสามวันนี้ก็มากพอแล้ว อีกทั้งเนี่ยเฟิงยังกังวลว่า หากยังอยู่ใกล้หมิงอี๋หานต่อไป หมิงอี๋หานต้องรีบยกหุ้นทั้งหมดให้เขาดูแลแน่นอน
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหานี้ เนี่ยเฟิงจึงเล่นละครอีกรอบ
ช่างบังเอิญที่คนที่ว่างมากที่สุดช่วงนี้คือคางเมิ่ง
“ตอนแรกต้องการจะค่อยๆพาเสี่ยวเฟิงเรียนรู้งานทีละอย่าง แต่ว่าพี่ตัดสินใจแล้วว่า สองสามวันนี้ให้เสี่ยวเฟิงอยู่กับพี่!”
“นี่มันทำให้ฉันแทบบ้าจริงๆ ทำไมถึงยังมาอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ล่ะ ฉันก็อยากพาเสี่ยวเฟิงไปเที่ยวบ้าง แล้วเมื่อไหร่เสี่ยวเฟิงถึงจะมาดูงานกับฉันล่ะ”
“พี่ห้า ไม่ใช่ว่าช่วงนี้พี่ยุ่งมากๆหรอกหรือ หลังได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ช่วยนักบิน พี่ก็ไม่มีเวลาพาเสี่ยวเฟิงไปเที่ยวแล้ว รอพี่ทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยคุยอีกทีดีกว่า”
คางเมิ่งโยนโทรศัพท์ทิ้งไปอีกทาง ยิ้มมองไปทางเนี่ยเฟิงแล้วพูดขึ้นว่า
“พรุ่งนี้พี่จะพานายไปกองถ่าย!”
เนี่ยเฟิงพยักหน้า “ดีเลย ผมจะตั้งตารอ”
อันที่จริงนั้นไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับนานาชาติชาติไหน ๆ เนี่ยเฟิงต่างได้เจอมาหมดแล้ว แต่ก่อนตอนอยู่ประเทศมองโกเลีย เพื่อที่จะเอาใจเขา ถึงขนาดพาดาราสาวสวยมาให้เขาเลือก แต่ว่าเขาไม่ชอบ จึงบอกปฏิเสธไป
เจ้าหญิงราชวงศ์ต่างๆเขาก็เห็นมาจนเบื่อแล้ว
เวลานี้ชิวมู่เฉิงก็กลับมาแล้ว สองสามวันนี้เธอก็ยุ่งตลอด ออกจากบ้านแต่เช้ากลับบ้านมืดค่ำ แม้แต่เวลาทักทายยังไม่มี วันนี้นับว่าสบายหน่อย ได้ออกงานกะเช้า
“น้องเจ็ดอย่าเพิ่งคุยกับเสี่ยวเฟิง ฉันมีเรื่องที่จะคุยกับเขา”
ชิวมู่เฉิงมองเนี่ยเฟิงด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ เนี่ยเฟิงคิดในใจว่าคงคุยเรื่องเกี่ยวกับวิลล่าซิงเยว่
เนี่ยเฟิงก็เลยเดินเข้าห้องไปกับชิวมู่เฉิง เมื่อประตูปิดลงชิวมู่เฉิงก็ถามขึ้นว่า
“พี่ได้ยินเรื่องวิลล่าซิงเยว่แล้ว ถึงแม้ว่าจินไห่เวยยกให้นายแล้ว นายคุยกับเสี่ยวชีแล้ว ว่านั่นเพราะปู่ของนายมีเมตตาต่อจินไห่เวย แต่พี่คิดว่าเรื่องนี้มันไม่ง่ายขนาดนั้น”
ชิวมู่เฉิงคิ้วขมวด ในใจมีความกังวลเป็นอย่างมาก “อาคารตี้กั๋วไม่ได้อยู่ในการดูแลของเมืองจินไห่ เขายังมีอำนาจอยู่เบื้องหลังอีก พี่กังวลว่าจะเกิดเรื่องกับนาย”
อันที่จริงอำนาจเบื้องหลังของอาคารตี้กั๋วนั้นก็คือสำนักมังกร…
แต่ว่าถ้าจะบอกพี่ใหญ่เกี่ยวกับสำนักมังกรในตอนนี้นั้น เกรงว่าจะทำให้พี่ใหญ่กังวลมากกว่าเดิม
“ในเมื่อมีคนส่งมาให้ งั้นพวกเราก็รับไว้แล้วกัน ไม่ว่าเขาต้องการจะใช้ให้ผมทำอะไรก็ไม่เป็นไร เพราะผมเชื่อว่าถ้าพวกเราร่วมมือกัน ก็สามารถหักทองได้”
ชิวมู่เฉิงไม่มีทางเลือก ถึงอย่างไรก็เป็นการตัดสินใจของเนี่ยเฟิง
“นายโตขึ้นแล้ว ดังนั้นหลายๆเรื่องพี่ก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้ ในเมื่อนายคิดไว้อย่างนี้ พี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว วิลล่าซิงเยว่ถูกทำลายแล้ว ตอนนี้เหลือแค่พื้นดินเปล่า นายวางแผนจะทำอย่างไร?”
“ภายในวิลล่าซิงเยว่ยังมีความทรงจำของผมกับพ่อแม่อยู่ แต่ก็ถูกทำลายไปแล้ว ผมวางแผนทำให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ผมคงไม่อยู่ที่นั่นแล้ว ทำให้ที่นั่นเป็นวิลล่าตากอากาศ”
“แม้ว่าที่นั่นจะถูกผู้คนเล่าต่อในเรื่องที่ไม่ดี แต่ว่าวิลล่าซิงเยว่มีบรรยากาศที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ดีจริงๆ เรื่องนี้ก็ให้บริษัทเทียนหลงเข้ามาจัดการแล้วกัน ตอนนี้ฉันมีงานหลายอย่าง หาเงินได้มาไม่น้อยทีเดียว”
ชิวมู่เฉิงคิดแล้วคิดอีก หันกลับมาพูดกลับเนี่ยเฟิง
“ผมได้เงินลงทุนแล้ว! พี่ใหญ่วางใจทำงานของพี่ไปเถอะ ถ้าหากพี่มีเวลาก็ช่วยผมหาทีมวิศวกรมาสร้างวิลล่าซิงเยว่”
ชิวมู่เฉิงรู้สึกแปลกใจ “นายได้เงินลงทุนมาจากใคร เรื่องนี้เชื่อถือได้หรือไม่?”
“แน่นอนว่าเชื่อถือได้สิ พี่วางใจเถอะ แม้ว่าตระกูลเนี่ยจะล่มสลายแยกกันแล้วแต่พี่ก็รู้ว่าตอนนั้นพ่อและปู่ผมมีญาติมากมาย พวกคุณลุงก็ดูแลผมเป็นอย่างดี ให้เงินลงทุนมาก็ไม่น้อย”
ในความเป็นจริงแล้ว เนี่ยเฟิงไม่ได้ไปหาบุคคลเหล่านั้น เพราะเมื่อเวลาผ่านไปแต่ละคนก็มีชีวิตของตัวเอง อีกทั้งใครจะไปรู้แน่นอนล่ะ ไม่แน่ว่าใจของพวกเขาคงเปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว
“ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว งั้นพี่จะตั้งใจทำงานของวิลล่าซิงเยว่ให้ดีแน่นอน พี่ได้ยินมาว่าช่วงนี้มีแรงงานจำนวนมากเข้ามาในเมืองจินไห่ของพวกเรา พูดถึงเรื่องคดีร้ายแรงบนทะเล แล้วพี่คิดว่า อีกฝ่ายรู้ว่านายยังมีชีวิตอยู่ เป็นได้มากว่าจะลงมือกับนายอีก”
ชิวมู่เฉิงค่อยๆถอนลมหายใจ “จะโทษก็ต้องโทษพี่ พี่น่าจะปิดบังฐานะของนายถึงจะถูก”
“เรื่องนี้จะโทษพี่ใหญ่ได้อย่างไรล่ะ ? พี่ก็ไม่ได้ทำผิดอะไร พี่วางใจเถอะ ผมจะระวังตัว อีกอย่างผมเรียนศิลปะการต่อสู้กับปู่มาก็ไม่ใช่เล่นๆนะ!”
เนี่ยเฟิงตบอกตัวเองขณะพูด
“งั้นก็ดี พรุ่งนี้นายเริ่มอยู่กับเสี่ยวชีแล้ว นายก็รู้เสี่ยวชียังเด็กแถมยังขี้เล่น นายก็ปล่อยเธอไปหน่อยแล้วกัน แม้จะเป็นพี่เจ็ดของนายแต่ก็แก่กว่านายแค่สองสามเดือน”
เนี่ยเฟิงหน้าเหย “ผมยังปล่อยเธอไม่พออีกหรอ?”
“โอเค เข้าใจแล้ว”
ชิวมู่เฉิงตบไปที่บ่าของเนี่ยเฟิง “วันนี้พี่ใหญ่เหนื่อยแล้ว ขอกลับไปจัดการเอกสารก่อน แล้วคงนอนแล้ว อ้อ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องกับนาย พี่จะติดตั้งGPSในโทรศัพท์มือถือของนาย นายคงไม่ขัดข้องนะ?”
เนี่ยเฟิงไม่ขัดข้องสักนิด ยื่นโทรศัพท์มือถือออกไปให้ “พี่ใหญ่แค่ติดตั้งก็โอเคแล้ว ไม่เป็นไร”
“ถ้ากล้องวงจรปิดนี้ติดตั้งเสร็จแล้ว ไม่เพียงแต่พวกเราสามารถสังเกตเห็นนายได้ นายก็สามารถเห็นพวกเราได้เช่นกัน”
ชิวมู่เฉิงพูดขณะเดินไปพร้อมกับโทรศัพท์มือถือของเนี่ยเฟิง
“พรุ่งนี้เย็นพี่ค่อยเอาโทรศัพท์มือถือให้นาย ถ้านายอยู่กับเสี่ยวชีก็ใช้โทรศัพท์มือถือของเสี่ยวชีแล้วกัน”
เนี่ยเฟิงเดินไปส่งชิวมู่เฉิงแล้วก็กลับห้องของตน
แม้จะติดตั้ง GPS แล้วก็ไม่เป็นไร ยังไงสำหรับเขาแล้ว กล้องวงจรปิดก็เป็นแค่โปรแกรมเล็กๆ ง่ายต่อการแฮค
มีเครื่อง GPS แล้ว เนี่ยเฟิงก็ไม่ต้องหาวิธีติดเครื่องดักฟังในกระเป๋าพวกพี่ๆแล้ว
ไม่เพียงแต่พวกพี่สาวเป็นห่วงเนี่ยเฟิง เนี่ยเฟิงก็เป็นห่วงสถานการณ์ของพี่สาวบางคนด้วยเช่นกัน
คางเมิ่งนอนหลับสบาย เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าเรียบร้อยแล้วจึงไปโบกมือเรียกเนี่ยเฟิง
“ตอนนี้พวกเราต้องไปที่กองถ่ายแล้ว ดูท่าแล้วคงกินข้าวเช้าไม่ลง พวกเราไปถึงกองถ่ายแล้วค่อยซื้ออะไรกินแล้วกัน”
คางเมิ่งพูดจบก็รีบเร่งออกไป ไม่นานก็ไปถึงสถานที่ถ่ายทำ
ละคร《ชิงผิงเลิก》ที่พวกเขาถ่ายเป็นละครย้อนยุค ดังนั้นสถานที่จึงเป็นถนนโบราณเก่าแก่ของเมืองจินไห่
คางเมิ่งหาบัตรพนักงานให้เนี่ยเฟิงคล้องคอ แล้วกระซิบกับเนี่ยเฟิงว่า
“ถ้ามีคนถามว่านายเป็นใคร นายต้องจำไว้ให้ดีแล้วตอบว่าเป็นผู้ช่วยของพี่ ไม่อย่างนั้นถ้าพวกเขารู้ว่าพี่พาคนมาที่นี่ ต้องโดนตำหนิแน่นอน”