พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 91 รับความทุกข์ทรมาน
บทที่ 91 รับความทุกข์ทรมาน
“พวกแกคิดจะทำอะไร?พวกแกคงรู้นะว่า การฆ่าคนมันผิดกฎหมาย พวกแกจับต้องฉันไม่ได้นะโว้ย!”
ตอนนี้ซ่งสี่จื้อพิการตั้งแต่ส่วนลำคอลงไป ไม่สามารถขยับตัวได้เลย ตอนนี้ฉันคิดจะหนีก็หนีไม่พ้นหรอก ในใจของเธอหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง!
“พวกเรารู้อยู่แล้วว่าการฆ่าคนมันผิดกฎหมาย พวกเราไม่เหมือนแก แกเป็นเดียรัจฉาน เป็นคนเหี้ย!ฉันแค่อยากให้แกได้รับรู้ความรู้สึกแห่งความทุกข์ทรมาน!”
ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้หญิงที่ควบคุมสติไม่ได้ เนื่องจากสูญเสียลูกสาวไป ดังนั้นตอนนี้เธอก็กลายเป็นค่อนข้างบ้าคลั่ง แต่กลับเห็นว่าเธอหยิบเครื่องเย็บกระดาษออกมาจากกระเป๋า
ซ่งสี่จื้อกลืนน้ำลายเข้าไปอย่างลำบาก จากนั้นเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินมาทางตัวเอง เธอจึงยกเครื่องเย็บกระดาษในมือขึ้นมาด้วยสีหน้าที่น่ากลัว และเจาะหูของเธอลงไปอย่างโหดร้าย!
ซ่งสี่จื้อกรีดอย่างน่าสังเวชและส่ายหน้าอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่านอกจากลำคอแล้ว เธอขยับไม่ได้สักที่เลย!
“นี่มันถือว่าแกได้เปรียบนะโว้ย!ความเจ็บปวดแค่นี้ไม่สามารถให้แกรับรู้ถึงความทรมานที่ลูกสาวของพวกเราได้รับในตอนนั้น!”
คุณพ่อคนหนึ่งที่เสียใจสุดๆ ใช้สายตาที่โหดเหี้ยมมองไปทางซ่งสี่จื้อ ในสายตาของเขาซ่งสี่จื้อไม่ใช่คนด้วยซ้ำ แถมยังเทียบกับหมาไม่ได้ด้วย!
“ตอนนั้นแกเยอะเย้ยว่าหน้าของลูกสาวฉันไม่สวยไม่ใช่หรือ?ตอนนี้ฉันจะกระทำต่อแกด้วยวิธีเดียวกัน ให้แกลองชิมรสแห่งความทุกข์ทรมาร!”
ฝ่ายตรงข้ามรับเครื่องเย็บกระดาษมา เจาะเข้าไปในใบหน้าของซ่งสี่จื้ออย่างโหดเหี้ยม ซ่งสี่จื้อกรีดร้องอย่างน่าสังเวช
ประตูห้องปิดอยู่ ไม่มีใครได้ยินเสียงใดๆที่ส่งออกไปจากตึกนี้ ส่วนกล้องวงจรของที่นี่ก็ถูกถอดออกไปแล้ว ดังนั้นไม่มีใครสามารถได้เห็น
“พวกคุณปล่อยฉันเถอะ ฉันสำนึกผิดแล้ว ทีหลังฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว ขอร้องพวกคุณ คุณดูสิ ฉันน่าสมเพชขนาดนี้แล้ว!อย่าทรมานฉันอีกเลย!”
“แกกล้ามาบอกว่าตัวเองน่าสมเพช?ความน่าสมเพชของแกก็คือจุดที่น่าเกลียดชังสุดของแก!แกกลายเป็นลักษณะแบบนี้ ล้วนกระทำด้วยตัวแกเองไม่ใช่หรือ?แกเคยคิดไหมว่าพวกเราที่สูญเสียลูกสาวไปต้องดำรงชีวิตที่เหลือยังไงไหม?ตกลงลูกสาวของเราทำผิดอะไรไป?ต้องถูกแกกระทำเช่นนี้?!”
ซ่งสี่จื้อขอร้องแต่ไม่สามารถทำให้เครือญาติที่ควบคุมสติไม่ได้นั้นหยุดลง ในทางตรงข้าม ยังทำให้พวกเขารุนแรงกว่าเดิม ไม่นานซ่งสี่จื้อก็ถูกทรมานจนสลบไป
ส่วนทุกสิ่งนี้ล้วนอยู่ในการควบคุมของเนี่ยเฟิง เนี่ยเฟิงดูผ่านวิดีโอได้เห็นซ่งสี่จื้อที่ถูกทรมาน ก็ได้พยักหน้าอย่างพอใจ
ดูเหมือนว่าเครือญาติพวกนี้ใช้ได้นะ เพราะยังไงก็เกี่ยวข้องกับลูกของพวกเขาเอง
เนี่ยเฟิงปิดคอมพิวเตอร์ลง พอถึงตอนกลางคืนมู่เฉิงกลับมาแล้ว ยื่นโทรศัพท์ให้เนี่ยเฟิง
“ในโทรศัพท์ของคุณฉันได้ติดตั้งระบบGPSตัวระบุตำแหน่ง ขอให้แต่คุณพกโทรศัพท์ติดตัว นั้นพวกพี่สาวก็ล้วนรู้ว่าคุณไปไหนแล้ว”
“ขอบคุณพี่ครับ!”
เนี่ยเฟิงรับโทรศัพท์มา ยิ้มอย่างไร้เดียงสา
“วันนี้ฉันได้เห็นข่าวสารบางอย่างที่ไม่ดีจากโซเชียล ช่วงนี้วงการบันเทิงเหมือนวุ่นวายมาก คุณลองพิจารณาดูดีๆ ถ้าหากว่าจะเข้าสู่วงการบันเทิง ก็ต้องรับความกดดันที่ใหญ่ยิ่ง ฉันไม่อยากให้คุณต้องรับความกดดันมากขนาดนั้น”
แม้ว่าเนี่ยเฟิงเป็นผู้ชาย แต่ในใจของชิวมู่เฉิงยังคงเป็นห่วงอยู่
“ปัจจุบันยังไม่มีงานที่อยากทำอย่างยิ่ง แถมวันนี้พี่เจ็ดยังตื่นตระหนกเพราะเรื่องบางอย่าง”
เวลานี้ชิวมู่เฉิงกำลังจะดื่มน้ำ เมื่อได้ยินว่าเนี่ยเฟิงพูดเช่นนี้ มือที่ถือแก้วน้ำของเธอหยุดลงสักครู่”นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
เนี่ยเฟิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ชิงมู่เฉิงฟัง
“เลวร้ายมาก นี่มันเป็นการฆ่าคนโดยเจตนา เรื่องนี้ต้องแจ้งความแน่นอน ให้เธอต้องรับโทษตามกฎหมาย อย่าปล่อยให้ผู้ร้ายหนีไปพ้น!”
“ฉันกำลังคิดจะติดต่อพี่หก ไม่ทราบว่าฝั่งเธอยุ่งหรือเปล่า ช่วงนี้เธอมีคดีความใหญ่หลายคดีต้องดำเนินการ”
เนี่ยเฟิงคือตัวเองทำเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว ถึงคิดจะไปแจ้งให้พี่สาวคนอื่นๆมาจัดการภายหลัง
แต่ก็แค่จัดการซ่งสี่จื้อคนหนึ่งเสร็จ ตระกูลหลัวยังไม่ได้ล่มสลาย หลัวปินจะก่อเรื่องอีกแน่นอน
เนี่ยเฟิงไม่ได้คิดจะให้ตระกูลหลัวมาวางอำนาจบาตรใหญ่อีก
“โอ้มายก๊อด เสี่ยวเฟิง คุณได้ดูข่าวในโทรศัพท์หรือเปล่า ซ่งสี่จื้อถูกจับแล้ว เรื่องร้ายที่เธอทำในก่อนหน้านี้ก็ล้วนถูกเปิดเผย ไอ้เจ้านี่โหดร้ายหรือเกิน ไม่ใช่ครั้งแรกที่จ้างฆาตกรมาฆ่าคนแล้ว!”
คางเมิ่งเพิ่งตื่นนอนก็ได้ยินโทรศัพท์ดังขึ้นมา ดังนั้นเธอเลยหยิบขึ้นมาดู พบว่าเป็นข้อความที่ส่งมาจากเพื่อนของตัวเองและคนในกองถ่าย หลังจากที่เธอเปิดดูไปสักพักหนึ่งแล้วถึงพบว่าซ่งสี่จื้อถูกจับได้
“ตาข่ายสวรรค์ ห่างแต่ไม่รั่ว คนที่ทำความเลวอย่างมัน สมควรที่จะได้รับโทษตามกฎหมาย เดี๋ยวมีเวลาฉันจะไปเป็นพยานด้วย ฉันจะแจ้งมัน ให้มันไม่สามารถพลิกร่างได้อีกตลอดชีวิตอีก!”
ระหว่างที่พูดคางเมิ่งก็กำมือไว้อย่างแน่น คนแบบนี้ไม่มีกฎหมายในสายตาเลยจริงๆ!
เรื่องที่จ้างคนมาฆ่าคนเธอยังทำออกมาได้เลย!
“เรื่องนี้ไปบอกกับน้องหก น้องหกจะจัดการให้ดีเอง คืนนี้พวกคุณสามารถนอนหลับได้สบายแล้ว”
ระหว่างที่พูด ชิวมู่เฉิงก็ตบไหล่ของพวกเขาสองคน
“เสี่ยวเฟิง ปากของคุณมีเวทมนตร์หรือ?วันนี้คุณเพิ่งบอกกับฉันว่า เธอจะต้องทำชั่วได้ชั่ว คาดไม่ถึงว่ามันจะเป็นจริงเร็วขนาดนี้!”
คางเมิ่งดีใจอย่างยิ่ง เพราะยังไงคนร้ายถูกจับได้ เธอก็ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นแล้ว แต่เนี่ยเฟิงไม่ได้เอ่ยเสียงใดๆ นั่นเป็นแค่คนเล็กๆ ข้างหลังยังมีหลัวปินอีกคนซ่อนอยู่เลย
เนี่ยเฟืองเหล่ตา ดูเหมือนว่าต้องรีบยึดบริษัทการสื่อสารจินไห่กลับมาให้เร็วที่สุดถึงเป็นเรื่องหลัก
สิ่งของของบ้านเขาวางอยู่ในมือของคนอื่นนานไป คนพวกนั้นยังนึกว่าพวกเขาก็คือเจ้าของ
คางเมิ่งตื่นเต้นทั้งคืน จนนอนไม่ค่อยหลับ พอถึงวันรุ่งขึ้น คางเมิ่งพูดในกลุ่มอย่างเต็มไปด้วยพลัง:
“ผู้กำกับ ฉันคิดว่าสุขภาพของฉันดีขึ้นแล้ว ฉันสามารถกลับไปถ่ายต่อได้แล้ว!”
แต่คาดไม่ถึงว่า ฝั่งของผู้กำกับกลับพูดกับเธอว่า”เช้าวันนี้ฉันยังมีบางเรื่องต้องจัดการ คุณรอไว้ก่อนเถอะ”
คางเมิ่งสงสัยเล็กน้อย แต่เนื่องจากครั้งที่แล้วผู้กำกับก็ไม่ได้ถ่ายเพราะเมา ครั้งนี้อาจจะเป็นเหตุที่พอๆกัน เพราะยังไงแล้วเรื่องการคบค้าสมาคมของพวกเขาก็ค่อนข้างมากอยู่
“พี่เจ็ด วันนี้ไม่ต้องไปถ่ายละครหรือ?”
เนี่ยเฟิงออกมาซื้ออาหารเช้า คางเมิ่งส่ายหน้า ค้นหาสักพักหนึ่ง หาเจอซาลาเปาที่ตัวเองชื่นชอบที่สุด และกินอย่างอร่อย
“ผู้กำกับบอกว่าช้าหน่อยค่อยไป ไม่ทราบว่าเขามีเรื่องส่วนตัวต้องทำหรือเปล่า ไม่เป็นไร ก็ถือว่าเป็นการหยุดให้ตัวเอง!”
เดิมทีคางเมิ่งเตรียมที่จะเพลินไปกับวันหยุดครึ่งวันนี้ตามอัธยาศัย แต่คาดไม่ถึงว่าโทรศัพท์สายเดียวทำให้คานเมิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจากไปอย่างรีบ
“พี่เจ็ด ฉันไปกับคุณละกัน?”
“ไม่ต้องตามฉันไปด้วย ฉันแค่กลับไปจัดการเรื่องบางอย่างในบริษัท”
ระหว่างพูดคางเมิ่งก็ขับรถออกไป
เนี่ยเฟิงจับคางของตัวเอง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปลี่ยนหน้าจอ หน้าจอนี้เป็นการตรวจสอบเส้นทางของคางเมิ่งแบบเรียลไทม์ คางเมิ่งได้กลับไปยังบริษัทสื่อของพวกเขาจริงด้วย บริษัทของพวกเขาเป็นแค่บริษัทสื่อเล็กๆของเมืองจินไห่เท่านั้นเอง
บริษัทสื่อแหล่งนี้ส่วนใหญ่ได้อบรมฝึกฝนพวกเน็ตไอดอลเล็กๆ คนที่โด่งดังมีชื่อเสียงค่อนข้างน้อย
แต่โดยรวมแล้วรายได้ก็ดีอยู่ เพราะว่าตอนนี้เป็นโลกแห่งอินเทอร์เน็ต
คางเมิ่งเป็นคนที่บริษัทแหล่งนี้ส่งเสริมเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าหน้าตาของคางเมิ่งอ่อนหวาน และก็พูดเก่ง ร้องเพลงน่าฟังแถมยังแสดงเป็นด้วย