พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 92 ถูกเข้าซื้อ
บทที่ 92 ถูกเข้าซื้อ
ตอนนี้คางเมิ่งกลายเป็นนางเอกรองของ《ชิงผิงเลิก》 นี่ก็ทำให้บริษัทของพวกเขามีชื่อเสียงโด่งดังขึ้น
คางเมิ่งมาถึงบริษัท ก็ไปที่ห้องทำงานของประธานโดยตรง หลังจากผลักประตูออกแล้ว คางเมิ่งรีบสอบถามว่า:
“ประธาน ตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้น?ทำไมบริษัทเราอยู่ดีๆก็ถูกเข้าซื้อล่ะ?”
เมื่อกี้คางเมิ่งได้รับโทรศัพท์นี้ ดังนั้นถึงรีบวิ่งมา ต้องรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาที่อาชีพของเธอเจริญเติบโตขึ้น
การที่บริษัทถูกรับซื้อก็มีผลกระทบอย่างมากต่อเธอ
“นี่ก็เป็นเรื่องที่ไร้ปัญญา คุณก็รู้ว่าปัจจุบันธุรกิจนี้ลำบากขึ้นแล้ว ก่อนหน้านี้เพื่อที่จะปลูกฝังเน็ตไอดอลหลายคน ส่งผลให้บริษัทของเราทุ่มเทเงินลงไปก้อนใหญ่ แต่คนที่เหลือไม่ค่อยได้เรื่อง แถมยังมีข่าวฉาวออกมาด้วย”
ประธานนึกตลอดว่าเงินที่คนนั้นให้หาดีกว่าตอนนี้ตั้งเยอะ เพราะยังไงแล้วราคาที่คนนั้นเสนอมานั้นสูงมาก
เมื่อเทียบกับการอยู่กับเน็ตไอดอลเล็กๆพวกนี้ ตัวเองไปทำธุรกิจข้างนอกไม่ดีกว่าหรือ เขาก็ไม่รู้ว่าเน็ตไอดอลพวกนี้เมื่อไหร่ถึงสามารถประสบความสําเร็จ
เอาเงินก้อนนี้แล้วไปทำอะไรก็ได้มันไม่ดีหรือ ประธานของพวกเขาก็คิดอย่างนี้สิ
“แต่ยังมีพวกที่มีพรสวรรค์อยู่ไม่ใช่หรือ?พวกเรายอมแพ้ตอนนี้มันเข้าไปหรือเปล่า?”
คางเมิ่งถามอย่างเร่งรีบ
“ฉันได้เซ็นสัญญากับคนนั้นแล้ว เดี๋ยวจะมีคนมาผสานงาน มา นี่เป็นสัญญาการโอนของคุณ ขอให้แค่คุณกดลายนิ้วมือบนนี้ มันก็มีผลทางกฎหมายแล้ว”
แม้ว่าการที่ต้องออกจากบริษัทเล็กๆแห่งนี้ทำให้คางเมิ่งรู้สึกว่าเสียดายมาก เพราะว่าบริษัทนี้เสนอโอกาสงานให้เธอมากมาย เธอไม่อยากเห็นบริษัทนี้ล่มสลายไปเช่นนี้ แต่ในเมื่อประธานเขาตัดสินใจแล้ว คางเมิ่งก็มีแต่ก้มหน้าลง
“โอเค ฉันดูสัญญาเสร็จแล้วก็จะเซ็นชื่อ”
“ไม่ต้องดูแล้ว ฉันไม่หลอกคุณหรอก ฝ่ายตรงข้ามให้ค่าตอบแทนที่ดีอยู่ คุณเซ็นชื่อโดยตรงเลย ฉันจะส่งสัญญาพวกนั้นขึ้นไปหมด ตอนนี้เวลาของฉันมีอยู่น้อยมาก แถมสัญญาเล่มนี้มันก็หนามาก คุณต้องดูไปถึงเมื่อไหร่?”
คางเมิ่งเห็นว่าประธานค่อนข้างจะรีบร้อน ดังนั้นก็เลยต้องปั๊มลายนิ้วมือ
หลังจากประธานถือสัญญาจากไปแล้ว คางเมิ่งกลับมาถึงห้องถ่ายทอดสดของเมื่อก่อน ที่นี่คับแคบมาก ตอนนั้นที่เธอยังไม่โด่งดังก็ทำงานอยู่ที่นี่ทุกวัน
เธอนึกถึงช่วงที่ถ่ายทอดสดที่ลำบาก แฟนคลับพวกนี้ก็สะสมขึ้นทีละคน
แต่ว่าก่อนหน้านี้ถูกเนี่ยเฟิงก่อความวุ่นวาย เธอมีจำนวนแฟนคลับลดลงจริงๆ แต่ก็มีแฟนคลับที่เชื่อถือเธอสนับสนุนเธอต่อไป
เวลาที่คางเมิ่งทอดถอนใจอยู่ นอกประตูก็มีเสียงหัวเราะที่ทุ้มต่ำส่งมา คางเมิ่งได้ยิงเสียงนี้ ตกใจมาก รีบหันไปมอง
คนที่ยืนอยู่นอกประตูไม่ใช่คนอื่น เป็นหลัวปินนั่นเอง!
คางเมิ่งมีความหวาดกลัวต่อหลัวปิน เมื่อนึกถึงวันนั้นบนงานประมูลสินค้า ที่หลัวปินแตะต้องตัวเอง คางเมิ่งก็รู้สึกว่าโมโหมาก
“คุณมาที่นี่ทำอะไร?”
คางเมิ่งจ้องไปที่หลัวปินด้วยความไม่พอใจ แต่หลัวปินมองมาที่เธอแล้วผลักแว่นตาขึ้นเหมือนยิ้มแต่เป็นยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม
ฉันมาบริษัทของฉันมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
“บริษัทของคุณ?ที่นี่กลายเป็นบริษัทของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?”
คางเมิ่งขมวดคิ้ว ในใจพึมพำอยู่
“ก็ในเมื่อกี้นี้ ฉันได้ทำขั้นตอนทั้งหมดตามสัญญาเสร็จแล้ว ตอนนี้บริษัทแห่งนี้เป็นของฉันแล้ว และพวกคุณก็อยู่ภายใต้การปกครองของฉัน ตอนนี้คุณเป็นลูกจ้างของฉัน”
หลัวปินพูดไปด้วยพร้อมหยิบสัญญาออกมาดู คางเมิ่งเห็นถึงสัญญานี้ ก็เบิกตากว้างทันที นี่มันเป็นสัญญาที่ตัวเองเซ็นชื่อและปั๊มลายนิ้วมือในเมื่อกี้ไม่ใช่หรือ?สัญญาการโอนนี้เป็นการโอนตัวไปยังบริษัทการสื่อสารจินไห่โดยตรงหรือ?!
“คุณรับซื้อบริษัทของพวกเราแล้ว!”
“ใช่ ถูกต้อง ทีหลังฉันก็เป็นเจ้านายของพวกคุณแล้ว คุณมีปัญหาอะไรกับเจ้านายของตัวเองหรือ?แม้ว่ามีคุณก็ทำอะไรไม่ได้ ฉันบอกกับคุณนะ สัญญาชุดนี้ของคุณเมื่อเซ็นแล้วก็คือ10ปี หมายความว่าใน10ปีนี้คุณต้องบริการแต่บริษัทการสื่อสารจินไห่เพียงแห่งเดียว พวกเราให้งานคุณทำ คุณก็ทำได้ ไม่ให้คุณก็ทำไม่ได้!”
หลัวปินโชว์สัญญาในมืออย่างมีความสุข
“ไอ้สัตว์ แกเจตนาทำเช่นนี้!”
“ใช่แล้ว แม้ว่าคุณมีราชินีแห่งภาพยนตร์สนับสนุนอยู่ แต่นั่นก็ยังไงล่ะ?ตอนนี้คุณได้กลายเป็นพนักงานของบริษัทการสื่อสารจินไห่ นัานหมายความว่าทีหลังฉันมีสิทธิ์สั่งคุณแล้ว”
หลัวปินทำตัวเป็นแบบคางคกขึ้นวอ คางเมิ่งโมโหมาก
“ฉันไม่ได้คิดจะเป็นพนักงานของพวกคุณ ตอนนี้คุณยกเลิกสัญญาเดี๋ยวนี้!”
“คุณอยากจะยกเลิกสัญญาก็ได้ แต่คุณต้องเสียตังค์เลิกสัญญาให้ฉันสิ ฉันคิดดูก่อนนะ คุณต้องจ่ายให้ฉัน5,000ล้าน”
หลัวปิงมองคางเมิ่งอย่างกับอยู่เหนือกว่า เมื่อเห็นสีหน้าที่โกรธขรึมของคางเมิ่ง รู้สึกแต่ว่าสะใจ
“แกบ้าไปแล้ว ทำไมฉันต้องจ่ายเงินปรับให้แก?ฉันไม่ได้ไปบริษัทของแกด้วยซ้ำ สัญญานี้พวกแกหลอกให้ฉันเซ็น นี่มันไม่มีผลทางกฏหมาย!”
คางเมิ่งกัดฟันไว้
“มีผลทางกฎหมายหรือเปล่านั้น แกพูดไม่ได้ ตอนนี้สัญญาของแกอยู่ในมือของฉัน แกก็คือพนักงานของบริษัทการสื่อสารจินไห่ ในเมื่อเป็นพนักงานของบริษัทการสื่อสารจินไห่ แกก็ต้องทำตามคำสั่งทุกอย่าง ถ้าหากแกอยากจะเลิกสัญญาก็จ่ายค่าปรับมา5,000ล้าน ขาดแม้แต่บาทเดียวก็ไม่ได้”
คางเมิ่นรู้ว่าตัวเองโดนหลอก แต่ความจริงมันก็ตามที่เขาพูดแหละ สัญญาชุดนี้ตอนนี้มีผลตามกฎหมาย
“ฉันให้เวลาแกหนึ่งวัน คุณคิดเองให้ดี ถ้าเอาเงินนี้ออกมาไม่ได้ แกก็ต้องมารายงานตัวที่บริษัทการสื่อสารจินไห่!”
หลิวปินพูดเสร็จก็สะบัดหน้าจากไป คางเมิ่งกำหมัดไว้อย่างแน่น แล้วกลับไปถึงบ้านด้วยความโกรธ
“พี่เจ็ด ข้าวเที่ยงคุณไม่กินแล้วหรือ?”
เนี่ยเฟิงเห็นลักษณะที่โกรธขรึมของคางเมิ่ง ก็อ้าปากถามทันที คางเมิ่งส่ายมือบอกว่าตัวเองไม่กินแล้ว ตอนนี้เธอโกรธมาก มีอารมณ์ที่ไหนกินลงล่ะ?
“คุณเป็นไร?เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?ลองบอกกับฉันไหม?”
คางเมิ่งเป็นคนที่ตรงไปตรงมาอยู่ตลอด เดิมทีเธออยากจะพูดออกมา แต่คิดแล้วนี่มันเป็นตั้ง5,000ล้าน
ถ้าหากบอกกับเนี่ยเฟิง เขาอาจจะไปหาหลัวปินเพื่อคิดบัญชี นั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
“ไม่มีอะไร แค่พบเรื่องบางอย่างในระหว่างทางกลับเท่านั้นเอง แต่จัดการแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว”
คางเมิ่งไม่ค่อยชำนาญด้านการพูด เธอโบกมืออย่างไม่สบอารมณ์ “พอแล้วพอแล้ว คุณทำอะไรกันนักหนา?ฉันบอกแล้วว่าไม่มีอะไร นั่นก็คือไม่มีอะไร คุณรีบออกไปก่อนเถอะ”
เนี่ยเฟืองพยักหน้า”โอเค นั้นเดี๋ยวคุณอยากจะกินข้าวแล้วค่อยบอกกับฉันนะ”
เนี่ยเฟิงกลับมาถึงห้องของตัวเอง และตรวจสอบสถานการณ์อย่างรวดเร็ว
ขอให้แค่สถานที่ที่มีกล้องวงจร ก็ไม่มีข้อมูลที่เนี่ยเฟิงหาไม่ได้ และกล้องวงจรในครั้งนี้แม้กระทั่งเสียงยังมีเลย เนี่ยเฟิงได้ยินการสนทนาของพวกเขาทั้งสอง ทันใดนั้นก็หัวเราะเย็นชาออกมา
“5,000ล้าน?เขานี่ตลกจริง”
“เช้าวันพรุ่งนี้สามารถควบคุมหุ้นได้แล้ว ให้หุ้นของบริษัทการสื่อสารจินไห่ตกต่ำลงจนหยุด”
เขาจะลองดูว่าบริษัทการสื่อสารจินไห่ยังมีเงินทุนหมุนเวียนอีกเท่าไหร่
“โอเค ราชามังกร!”
ขอให้คางเมิ่งนึกถึงสีหน้าที่ดีใจของหลัวปินในวันนี้ เธอก็โมโหมาก
“บนโลกนี้ทำไมมีคนที่โหดร้ายขนาดนั้นล่ะ!