พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 93 ให้พวกเขาล้มละลาย
ทที่ 93 ให้พวกเขาล้มละลาย
ขอให้แค่นึกถึงว่าพรุ่งนี้ต้องไปรายงานตัวที่บริษัทการสื่อสารจินไห่ ในใจของคางเมิ่งก็ค่อนข้างจะหวาดกลัว เธอไม่ทราบว่าหลัวปินจะมาทำอะไรต่อตัวเอง
คางเมิ่งมีเรื่องในใจอย่างหนัก แต่ไม่สามารถนำเรื่องพวกนี้เล่าให้เนี่ยเฟิงรู้
ครั้งก่อนเนี่ยเฟิงก็ลงมือกับไอ้เจ้านั่นเพราะตัวเอง ถ้าตอนนี้บอกกับเขาอีก เขาจะต้องโมโหแน่ๆ
“นั่นเป็นตั้ง5,000ล้าน ฉันหามาจากที่ไหนได้ล่ะ……”
คางเมิ่งถอนหายใจออกมายาวๆ เรื่องนี้ปิดบังเนี่ยเฟิงก่อน ถ้าหากบอกกับเนี่ยเฟิง เขาอาจจะไปหาเงิน5,000ล้านมาแทนตัวเอง
แต่จากฐานะของเขาในตอนนี้ จะหาเงินมากขนาดนี้จากที่ไหนได้ล่ะ?หรือว่าเป็นขอร้องเพื่อนเก่าของพ่อและปู่ของเขาหรือ?
แต่แม้ว่ายืมเงินก้อนนี้มาได้ แล้วต้องคืนยังไงล่ะ นี่ยังเป็นปัญหาอยู่……
คางเมิ่งค่อนข้างจะหงุดหงิดเล็กน้อย เธอกระแทกหมอนด้วยกำปั้นของเธอ”ช่างเถอะ ค่อยๆเดินดูทีละก้าวละกัน แม้ว่าหลัวปินให้ฉันไปทำงานที่บริษัทของพวกเขา แต่ฉันก็สามารถตามอยู่หลังคุณหนูเสิ่น ถึงเวลานั้นเขาอยากจะมาต่อต้านฉันก็ไม่ได้!”
แต่คาดไม่ถึงว่า เช้าวันรุ่งขึ้น คางเมิ่งก็ได้รับข้อความจากผู้กำกับ ผู้กำกับบอกกับเธอว่า เนื่องจากเธอเปลี่ยนบริษัทไป ดังนั้นนางเอกรองไม่เหมาะกับเธอแล้ว
“แต่ฉันเปลี่ยนบริษัทไป ฉันก็สามารถร่วมมือกับพวกคุณอยู่เหมือนเดิมไง คุณก็รู้ว่าการเปลี่ยนบริษัทไม่ใช่ปณิธานของฉัน!ผู้กำกับคะ คุณให้โอกาสนี้แก่ฉันเถอะ ฉันต้องการบทบาทนางเอกรองนี้จริงๆ!”
“คุณฉลาดขนาดนั้น คงรู้ว่าสิ่งที่ฉันบ่งบอกนั้นไม่ใช่สิ่งพวกนี้ ฉันก็ไม่มีวิธีอื่น ทุกคนล้วนต้องกินข้าว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีงานทำเพราะคุณคนเดียวเนอะ?”
ผู้กำกับพูดเสร็จก็วางสายทันที กลัวว่าเธอจะถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า และขอร้องอย่างน่าสังเวช
คางเมิ่งได้ยินข่าวนี้แต่เช้า มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันทำให้ตกใจอย่างมาก ทันใดนั้นเธอก็นั่งล้มไปกับเตียง อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ขึ้นมา
ทุกอย่างล้วนดำเนินการอย่างราบรื่น ทำไมอยู่ดีๆก็มีไอ้เจ้านี่โผล่ออกมาจากครึ่งทางล่ะ?
“ฉันมีความแค้นกับเขาหรือ?ฉันถึงเป็นฝ่ายที่ถูกรังแก ทำไมฉันต้องได้รับความไม่ยุติธรรมเช่นนี้!”
ยังไม่ทันรอให้น้ำตาของคางเมิ่งแห้ง โทรศัพท์อีกสายหนึ่งโทรเข้ามา
“เป็นยังไงบ้าง?ได้ชิมรสชาติแล้วใช่ไหม?ฉันบอกกับแกนะ ทีหลังเรื่องแบบนี้ยังมีอีกมากมาย แกมีแต่ต้องทำตาม ถึงจะได้โอกาสที่มากกว่านี้ ถ้าหากต่อต้านฉัน นั้นฉันก็ปกปิดแกเอาไว้ ให้แกไม่สามารถเข้าวงการบันเทิงได้ตลอดชีวิต!”
หลัวปินหัวเราะเยาะคางเมิ่ง
“ไอ้เลว!ไอ้สัตว์เดรัจฉาน!’
“แกอย่ามาด่าอย่างรุนแรงเช่นนี้ ตอนนี้ฉันเป็นหัวหน้าของแก ฉันมีสิทธิ์วางแผนงานของแก พอถึงเวลาฉันหาบทบาทที่ไม่อาจทนดูต่อไปได้ให้แกไปแสดง แกว่าแกมีสิทธิ์มีปฏิเสธไหม?”
หลัวปินหัวเราะขึ้นมา เขาถึงเป็นท้องฟ้าของเมืองจินไห่
“หรือว่าแกมีความสามารถหามา5,000ล้าน งั้นฉันก็สามารถให้แกผ่านพ้นจากความลำบากในตอนนี้ไปได้ แต่แกก็รู้นะว่าฉันมีคนรู้จักมากขนาดไหน หลังจากที่แกจ่ายค่าปรับไปแล้ว แกว่ายังมีบริษัทอื่นกล้าเอาแกหรือ?
คางเมิ่งกำหมัดอย่างแน่นด้วยความโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้
“แต่นี่เป็นเพียงแค่ขั้นที่หนึ่ง มายั่วยุฉัน จะไม่ได้ดีอะไรเลย ต่อมาฉันจะให้แกรู้ความเก่งของฉัน!อย่าลืมมารายงานตัวที่บริษัท ถ้ามาสายจะเอาแกให้น่าดูแน่ๆ!”
หลัวปินวางสายด้วยเสียงดังกึก ทำให้คางเมิ่งโกรธจนทิ้งโทรศัพท์ไปข้างๆ
นานมากคางเมิ่งถึงรับปรุงสติได้ และเดินลงไปจากตึกอย่างเศร้าโศก
“พี่เจ็ด เมื่อคืนคุณนอนหลับไม่ดีหรือเปล่า?ดูเหมือนว่าไม่สดชื่นเลย”
เนี่ยเฟิงรู้อยู่ว่าเธอไม่สบายใจ เพราะการสนทนาทางโทรศัพท์ของเธอในเมื่อกี้นี้ล้วนถูกเขาได้ยินไป
คางเพิ่งกินน้ำคำหนึ่งลงอย่างข้องใจ จากนั้นก็ได้ส่ายหน้า
“ฉันไม่เป็นไร แค่ไม่ค่อยสดชื่นเท่านั้น เดี๋ยวฉันจะไปรายงานตัวที่บริษัทแล้ว ช่วงหลายวันนี้คุณก็อย่าตามฉันเลย”
“เกิดอะไรขึ้น?พี่เจ็ดบอกว่าจะไปผมไปรู้จักกับซูเปอร์สตาร์ไม่ใช่เหรอ?ทำไมตอนนี้ไม่พาผมไปแล้วล่ะ?ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า?ทำให้คุณไม่สบายใจใช่ไหม?”
เนี่ยเฟิงมองไปที่คางเมิ่งอย่างน่าสมเพช
“ไม่ใช่ไม่ใช่ แค่เป็นเพราะช่วงนี้มีงานบางอย่างต้องทำ ถ้าพาคุณไปจะดูไม่ดี ล่าช้าก่อนดีไหม?รอให้มั่นคงก่อนฉันค่อยไปคุณไป”
คางเมิ่งรีบส่ายหน้า กลัวว่าจะทำให้เนี่ยเฟิงเสียใจ
“โอเค ในเมื่อพี่เจ็ดพูดอย่างนี้แล้ว ผมก็ต้องทำตามอยู่แล้ว พี่เจ็ดจะกินข้าวเช้าไหม?คุณอยากกินอะไร?ซาลาเปาหรือขนมจีบ?”
“ไม่อยากกินซักกะอย่าง ไม่มีความอยากอาหารสักกะหน่อย ฉันกลับห้องนอนก่อนนะ”
เมื่อเห็นร่างที่คางเมิ่งขึ้นบันได ดูน่าสงสารมาก เนี่ยเฟิงก็เลยเหล่ตาคู่นั้นที่อย่างกับสัตว์ป่า สายตาของเขาเต็มไปด้วยแสงแห่งความอันตราย
ปกติคางเมิ่งมีชีวิตชีวา เต้นไปเต้นมา ก็ราวกับนางฟ้า แต่หลัวปินกระทำจนนางฟ้าถึงขั้นนี้ เขาจะปล่อยไอ้หลัวปินไปได้ยังไงล่ะ?
“เตรียมพร้อมก็เริ่มเถอะ ยิ่งเร็วยิ่งดี ให้ทรัพย์สมบัติของพวกเขาพบกับวิกฤต บริษัทใหญ่ที่ร่วมมือกับบริษัทสื่อสารของพวกเขาล้วนรับซื้อมาแล้วใช่ไหม?”
“ครับราชามังกร ได้รับซื้อบริษัทห้าแห่งใหญ่ลงมาแล้ว ล้วนเป็นที่ร่วมมือกับพวกเขา ถ้าหากบริษัทหาแหล่งนี้ล้วนถอนเงินทุนออก งั้นพวกเขาจะประกาศล้มละลายภายใน1ชม.”
“ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมง ฉันจะเห็นผลเช่นนี้ก่อนสิบโมง”
เพราะว่าเวลาทำงานของบริษัทสื่อสารจินไห่เป็นเวลาสิบโมงเช้า
เมื่อวานคางเมิ่งไปที่บริษัทคนเดียวก็ได้รับความไม่ยุติธรรมมากมายแล้ว วันนี้เนี่ยเฟิงจะยอมให้เธอไปอีกได้ยังไงล่ะ?
“นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ความสามารถของอินเตอร์ ปล่อยเรื่องอื้อฉาวของเขาออกมาหมด รวมไปถึงเรื่องที่บังคับให้ผู้หญิงไปทำแท้ง ฉันไม่เพียงแต่จะทำให้บริษัทของพวกเขาล้มละลาย ยังจะให้พวกเขากลายเป็นหนูข้ามถนน ถูกผู้คนต่อยตี!พอถึงเวลาที่พอประมาณแล้วก็บอกกับพวกเขาว่า ฉันมี5,000ล้านอยู่ สามารถลงทุนให้พวกเขา ช่วยพวกเขาผ่านวิกฤตได้”
“ราชามังกรไว้ใจได้ครับ เรื่องพวกนี้พวกเราจะทำเสร็จก่อนสิบโมง!”
ทุกคนล้วนไม่รู้ว่า พายุกำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ
เก้าโมงครึ่ง สองนาทีก่อนตลาดหุ้นจะเปิด ก็เริ่มปั่นป่วนอย่างเมามัน ทำให้นักลงทุนที่มาแต่เช้าล้วนตื่นตระหนก
เหมือนกับว่าข้างหลังของตลาดหุ้นมีมือหนึ่งบังคับชีวิตของพวกเขาอยู่
ส่วนนับบัดนี้หลัวปินกำลังกอดเมียน้อยและนอนอยู่ในวิลล่าของตัวเองอย่างสบายๆ ในตอนนี้เขากำลังนอนอย่างดีอยู่ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา หลัวปินลุกขึ้นมาอย่างใจร้อน อยากจะวางสาย แต่พบว่าโทรมาจากพ่อของตัวเอง
หลัวปินขมวดคิ้ว รับสาย”พ่อ โทรมาให้ผมแต่เช้าทำอะไร?”
“ไอ้สัตว์ แกไปยั่วยุคนในข้างนอกใช่ไหม?แกดูสิว่าหุ้นของเราตกต่ำไปถึงไหนแล้ว นี่ต้องมีคนบังคับอยู่ข้างหลังแน่นอน!แม่ง!ยังมีข่าวฉาวของแกในเน็ตอีกมากมาย แกดูสิว่ามันเป็นเหี้ยอะไร!”
หลัวปินถูกด่าอย่างรุนแรง เขาเปลี่ยนเว็บไซต์ด้วยความมึนงง แต่คาดไม่ถึงว่าบนเน็ตเต็มไปด้วยข่าวด้านลบของเขา รวมไปถึงการที่เขาไปเล่นนักแสดงและนางแบบ แถมยังบังคับให้คนอื่นไปทำแท้งด้วย