พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 95 ขอร้องฉันสิ
บทที่ 95 ขอร้องฉันสิ
สำหรับพ่อลูกสองคนนี้ นี่ถือว่าเป็นความหวังสุดท้าย พวกเขาพยายามฟื้นคืนสติกลับมา ฝ่ายตรงข้ามบอกว่าจะมาหาพวกเขาที่บริษัทสื่อสารจินไห่
ดังนั้นหลัวปินและหลัวอั้ยจุนสองคนนั่งอยู่ในห้องทำงานของบริษัทสื่อสารจินไห่ รอผู้ลงทุนคนนี้มาอย่างรีบร้อน
แต่คาดไม่ถึงว่า คนที่มานั้นไม่ใช่คนอื่น เป็นเนี่ยเฟิงนี่เอง
ทันทีที่ได้เห็นเนี่ยเฟิง หลัวปินก็กำหมัดไว้อย่างแน่น
“ไอ้สัตว์ แกมาทำอะไรที่นี่?!”
ข้างหลังของเนี่ยเฟิงเดินตามด้วยเนี่ยเหล่าสี่ ในมือของเนี่ยเหล่าสี่ถือแฟ้มเอกสารอยู่ เขาใส่ชุดสูทมองขึ้นไปแล้วสดชื่นมาก แม้ว่าผมงอกแล้ว แต่มองขึ้นไปแล้วยังคงเหมือนต้นหลิวตั้งอยู่ตรงนั้นไม่ล้มเลย
นอกจากนี้แล้ว ข้างๆเนี่ยเฟิงไม่มีคนอื่นอีก
“ท่าทีที่ต้องรับผู้ลงทุนอย่างพวกแก ฉันได้พบครั้งแรก”
“เนี่ยเฟิงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นนั่งลงไปในโซฟาข้างๆโดยตรง นั่งไขว่ห้าง”หรือว่าพวกคุณไม่อยากได้เงินทุนแล้ว?”
หลัวอั้ยจุนได้ยินคำพูดของเนี่ยเฟิง รีบเดินขึ้นไป”คุณก็คือคนที่ส่งอีเมล์มาบอกว่าจะลงทุน5,000ล้านหรือ?’
แต่ว่าผู้ลงทุนคนนี้หนุ่มไปหรือเปล่า?คนมีตระกูลมีเงินทองในเมืองจินไห่ เขาล้วนรู้จักหมด เพราะว่าเขาต้องวางแผนให้ลูกชาย คนแบบไหนรู้จักได้ คนแบบไหนรู้จักไม่ได้เขาล้วนคำนวณไว้ก่อนแล้ว
แต่เสียดาย ทางที่เขาปูให้ลูกชายอย่างเหน็ดเหนื่อย ลูกชายของเขาไม่เคยเห็นถึงคุณค่าเลย
รู้แต่ออกไปเที่ยวกับฝูงเพื่อนกินไปวันๆ แถมยังก่อเรื่องที่น่าอับอายขึ้นมามากขนาดนั้นด้วย
คนที่โผบ่ออกมาจากที่ไหน เขาไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ
“พ่อ ไม่ต้องเกรงใจเขาเลย ไอ้เจ้านี่เป็นคนหลอกลวง ไม่ทราบว่าได้อีเมล์ของเรามาจากที่นี่จึงได้ส่งข้อความนี้มา ผมคาดว่าเขาไม่มีเงินสักบาทบนร่างกายเลย!’
หลัวปินหัวเราะเยาะออกมา”อย่านึกว่ามีเบื้องหลังก็เก่งขนาดไหน เบื้องหลังของแกสามารถให้แก5,000ล้าน?ฉันไม่เชื่อหรอก!”
“เบื้องหลัง?”
เนี่ยเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆขึ้นมา เขาใช้สายตาที่ราวกับมองมดมองไปที่หลังปิน”แกรู้ไหมว่าประธานของอาคารตี้กั๋วคือใคร?”
“คงไม่มีใครไม่ทราบว่าประธานของอาคารตี้กั๋วเป็นจินไห่เวย ฉันไม่รู้ว่าแกใช้วิธีอะไรรู้จักกับจินไห่เวย และก็ไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นจินไห่เวยถึงเอาที่ดินของวิลล่าซิงเยว่มอบให้แก แต่ไม่ว่ายังไง นี่ก็ไม่สามารถความหมายว่าแกรวย!”
ถึงเวลานี้แล้วหลัวปินยังคงดูถูกเนี่ยเฟิงอีก
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งแกน่าจะยังไม่รู้ พี่เจ็ดของแกตอนนี้อยู่ภายใต้การปกครองของบริษัทการสื่อสารจินไห่ เธอได้เซ็นสัญญาสิบปีไปแล้ว!ครั้งก่อนแกมาต่อยฉัน แม้ว่าฉันไม่สามารถเอาคืนมาจากแกได้ แต่ฉันจะให้พี่เจ็ดของแกคืนมาเป็นสิบเท่า ให้เธอไม่สามารถโด่งดังในวงการบันเทิงตลอดชีวิต!”
หลัวปินดีใจมาก เหมือนจะลืมสภาพของพวกเขาในตอนนี้
“แต่ว่าบริษัทการสื่อสารจินไห่ของแกเตรียมจะล้มละลายแล้ว พอบริษัทการสื่อสารจินไห่ล้มละลาย พวกแกสองพ่อลูกก็จะกลายเป็นหนูข้ามถนน ใครๆก็ต่อยตี ลูกชายของแกทำเรื่องน่าอับอายไปมากขนาดนั้น แกว่าเขาจะสามารถแก้ตัวได้หรือ?และยังมีเรื่องร้ายที่แกทำอยู่เบื้องหลัง นึกว่าสื่อไม่รู้หรือ?”
พวกเขาพ่อลูกสองคนเป็นคนพวกเดียวกัน
เรื่องที่หลัวปินทำในก่อนหน้านี้ หลัวอั้ยจุนจะไม่ทราบได้ยังไงล่ะ?
แม้รู้แล้ว เขาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ลูกกระทำผิดเป็นเพราะพ่อสั่งสอนไม่ดี หลัวอั้ยจุนก็ไม่ใช่คนดี
“แก!”
หลัวปินที่ถูกพูดถึงจุดที่เจ็บแสบที่สุดโมโหขึ้นมา
“ยังไง?ไม่อยากได้เงินทุนแล้วหรือ?”
บนใบหน้าของเนี่ยเฟิงปรากฏรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้งออกมา
“แม้ว่าฉันต้องการเงินทุนก็จะไม่เอาเงินของแกหรอก และอีกอย่าง แกจะไปเอา5,000ล้านมาจากที่ไหน แกนี่มาล้อพวกเราเล่นนี่หว่า!อยากจะมาหัวเราะเยาะพวกเราใช่ไหม?แต่แกไม่รู้ว่า มีคำพูดที่ว่าอูฐผอมก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า แม้ว่าพวกเราพบกับวิกฤต แต่ทรัพย์สินก็ยังเท่าเดิม ยังไงก็สบายกว่าคุณ!ขอให้แค่ฉันอยู่ในโลกนี้วันหนึ่ง ฉันก็จะไม่ปล่อยแกและพี่เจ็ดของแกแน่นอน!”
หลัวปินจ้องดูเนี่ยเฟืองไว้ ราวกับว่าจะกินกลืนเนี่ยเฟิงจนหมด
“ในเมื่อที่แกพูดแบบนี้แล้ว งั้นฉันมีแต่ต้องให้แกไม่สามารถพลิกตัวได้อีกตลอดชีวิต”
เนี่ยเฟิงค่อยๆถอนหายใจออกมา จากนั้นโบกมือใส่เนี่ยเหล่าสี่
เนี่ยเหล่าสี่พยักหน้า เปิดแฟ้มเอกสารในมือออก”เชิญคุณทั้งสองดูครับ นี่เป็นสัญญาการรับซื้อหุ้นของพวกเรา”
เมื่อหลัวอั้ยจุนได้ยินสิ่งนี้ จู่ๆของเบิกตากว้างขึ้นมา สัญญาการรับซื้อหุ้นของพวกเขา นี่หมายความว่ายังไง?!
เขารีบขึ้นไปตรวจสอบสัญญาเหล่านั้น
“อันที่จริงแล้วทุกอย่างล้วนมาจากการกระทำของพวกแกนี่เอง พวกแกควบคุมราคาหุ้น พวกแกเข้าซื้อธุรกิจของผู้ถือหุ้นบริษัทเรา บังคับให้พวกเขาต้องถอนหุ้น ทุกสิ่งนี้ล้วนกระทำด้วยพวกแก!”
หลัวอั้ยจุนมือสั่นทั้งสองข้าง เขากลืนน้ำลายลงไปอย่างลำบาก การที่ซื้อบริษัทของผู้ถือหุ้นมากขนาดนั้น และยังให้พวกเขาถอนหุ้นในระยะเวลาอันสั้น นี่ต้องเสียค่าแรงและเงินไปเท่าไหร่เนี่ย?
หนุ่มคนนี้ทำไมร่ำรวยเช่นนี้?
“เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นเรื่องไม่จริง ไอ้เจ้านี่เป็นไปได้ยังไงที่เร็วเช่นนี้ เขาเป็นแค่คนยากจะ!”
หลัวปินไม่เชื่อ เห็นแต่เขาวิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างเร็ว พลิกดูหนังสือสัญญาพวกนั้น
แต่เขายิ่งดูยิ่งรู้สึกตกใจ เพราะว่าตราขั้นบนนั้นล้วนเป็นตรานิติบุคคลบ้าง ตราส่วนบุคคลบ้าง และการเซ็นชื่อของผู้ถือหุ้นพวกนั้น
“ตกใจมากใช่ไหม?คาดไม่ถึงว่าฉันมีความสามารถเช่นนี้ใช่เปล่า ตามจริงฉันก็ไม่โทษพวกแก แค่เป็นเพราะฉันไม่ชอบอวด”
เนี่ยเฟิงหัวเราะออกมา”เดิมทีฉันคิดจะลงทุน5,000ล้าน กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด แต่ในเมื่อที่พวกแกไม่ยอม นั้นก็ช่างเถอะ”
“เนี่ยเฟิง!แกนี่พูดอย่างแต่ทำอีกอย่าง แกตั้งใจมาปราบปรามบริษัทของเรา แต่ตอนนี้กลับมาลงทุน แกทำเพื่ออะไร!”
หลัวปินไม่เชื่อว่า คนธรรมดาเช่นนี้ สามารถควบคุมความเป็นไปทางชีวิตของบริษัทพวกเขา ต้องรู้ว่าบริษัทของพวกเขาตั้งตัวในเมืองจินไห่สิบกว่าปีแล้ว
“หลัวอั้ยจุน บริษัทนี้คุณพัฒนาขึ้นมาเอง แม้ว่าขโมยมาจากคนอื่น แต่ก็ทุ่มเทกำลังกายและกำลังสมองมากมาย หรือว่าคุณอยากจะเห็นบริษัทของตัวเองหายไปแบบนี้เลยหรือ?”
หลัวอั้ยจุนกลืนน้ำลายเข้าไปอย่างลำบาก ตอนนี้เขาต้องการเงินทุนก้อนนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าถ้าเป็นแบบนี้อีก พวกเขามีแต่ประกาศล้มละลาย และเงินที่พวกเขาเป็นหนี้กับคนอื่นตอนรวมทุนก็ต้องพวกเขาจ่ายคืนเอง นี่มันไม่ใช่เงินก้อนเล็กน้อยนะ มีแต่ได้เงินลงทุนมา5,000ล้าน พวกเขาถึงพลิกชีวิตได้
คนต่อหน้านี้เป็นผู้กระทำทุกสิ่ง แต่ในมือของเขาก็มีเงินทุนที่พวกเขาต้องการอยู่
“ตกลงแกจะทำอะไร?”หลัวอั้ยจุนถามออกมาอย่างโกรธ
“คุกเข่าลงมาขอร้องฉัน ขอให้พวกแกขอร้องจนฉันสบายใจ งั้น5,000ล้านนี้ฉันก็ให้พวกแก”
หลัวอั้ยจุนรู้แต่ว่าจุดขมับของตัวเองกระโดดอย่างแรง
“แกฝันไปเถอะ อยากจะให้พวกเราคุกเข่าลงมาขอร้องแก เป็นไปไม่ได้!”
เป็นไปไม่ได้ที่หลัวปินจะคุกเข่าลงหรอก
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็แจ้งลงไปเลย อย่าลีลา ให้บริษัทการสื่อสารจินไห่ล้มละลายโดยตรง ให้พวกเขาติดหนี้มหาศาล”