พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 99 เป็นแฟนของฉัน
บทที่ 99 เป็นแฟนของฉัน
วันนี้คางเมิ่งยังทุกข์มากอยู่เลย ไม่ทราบว่าจะรับมือกับหลัวปินยังไง คาดไม่ถึงว่าหลัวปินได้รับกรรมตามมาเร็วขนาดนี้
หลังจากที่เสิ่นโจวจากไป คางเมิ่งถึงพูดกับเนี่ยเฟิงเรื่องที่ตัวเองถูกหลัวปินคุกคามเมื่อวาน
“ไม่น่าทำไมเมื่อวานพี่เจ็ดถึงเศร้าๆ ที่จริงแล้วต้องโทษไอ้เหี้ยนั้นมาคุกคาม เรื่องนี้คุณควรบอกกับฉันสิ!’
“บอกกับคุณมีประโยชน์อะไร?ถ้าคุณใจร้อนขึ้นมาไปคิดบัญชีกับเขา ก็จะสมความปรารถนาของเขาเลยไม่ใช่หรือ?’
คางเมิ่งส่ายหน้า”และอีกอย่างฉันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะให้คุณไปประสบอันตราย เดิมทีเขาคนนี้ก็เป็นคนเลวร้าย คุณแข่งกับเขาไม่ชนะหรอก แต่เขาก็ถือว่ารับโทษตามกรรมที่ทำไว้ ทำเรื่องชั่วมากขนาดนั้นถูกเปิดเผยออกมา ตอนนี้ไม่สามารถพลิกชีวิตได้อีกแน่นอน”
“พี่เจ็ด คุณไม่เชื่อฉันใช่ไหม?ฉันมีความสามารถอยู่นะ!”
เมื่อเห็นสีหน้าที่น้อยใจของเนี่ยเฟิง คางเมิ่งหัวเราะออกมาเสียงหนึ่ง”ไม่ใช่ว่าพี่เจ็ดไม่เชื่อคุณ แค่ว่ามันอันตรายเกินไปฉันไม่อยากให้คุณไปทำ”
“อย่างนี้นี่เอง ฉันรู้ว่าพี่เจ็ดรักฉันที่สุดแล้ว โชคดีที่เรื่องนี้มันจบลงไปด้วยดี บริษัทการสื่อสารจินไห่ตอนนี้เป็นธุรกิจของพี่เสิ่น ฉันเชื่อว่าพี่เสิ่นจะนำพาพนักงานทุกคนของบริษัทการสื่อสารจินไห่ไปสู่ความรุ่งเรือน”
คางเมิ่งรีบพยักหน้า”ฉันก็รู้สึกดีใจมาก เมื่อกี้ผู้กำกับโทรมาให้ฉันแล้ว เดิมทีเขาจะเปลี่ยนฉันไป แต่ตอนนี้หลัวปินล้มละลาย เขาก็ได้บอกความจริงกับฉัน ที่จริงแล้วเป็นเพราะไอ้เจ้านั่นไปคุกคามเขา เขาไม่มีวิธีอื่น มีแต่ต้องเปลี่ยนฉันไป”
“งั้นตอนนี้คุณต้องไปกองถ่ายแล้วใช่ไหม?”
คางเมิ่งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม”ใช่ไง ตอนนี้ต้องไปกองถ่ายแล้ว!ช่วงนี้บทของฉันมีจำนวนมากอยู่ น่าจะใส่ใจคุณไม่ได้แล้ว คุณคงต้องไปฝั่งของพี่คนต่อไป”
คางเมิ่งแค่รู้สึกว่ามันน่าเสียดาย เดิมทีกฎคืออยู่คนละ1อาทิตย์”ฉันยังไม่ได้พาคุณคุ้นเคยกับบรรยากาศของกองถ่ายเลย”
“ไม่เป็นไร ในเมื่อคุณมีเรื่องต้องไปทำ งั้นก็ไปทำเถอะ”
เนี่ยเฟิงส่ายหน้า”ไปกองถ่ายครั้งเดียว ฉันก็รู้ว่าตัวเองเหมาะไม่เหมาะแล้ว”
“ถ้าคุณชอบถ่ายละคร เดี๋ยวพี่จะเสนอให้คุณเอง!แม้ว่าหลายวันนี้เกิดเรื่องมีมากมาย แต่ว่าวงการบันเทิงก็ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คุณคิด มีแค่ส่วนน้อยที่ไม่ดีเท่านั้น”
คางเมิ่งตบไหล่ของเนี่ยเฟิง”งั้นพี่สาวก็ไปรายงานตัวที่กองถ่ายแล้วนะ เดี๋ยวอีกสักพักคุณก็กลับบ้านเลยนะ!’
“ครับ”
เนี่ยเฟิงเห็นว่าคางเมิ่งร่าเริงแจ่มใสขึ้นมาอีกแล้ว ในใจก็ดีใจตาม
สามตระกูลในสี่ตระกูลตัวพ่อได้ล่มสลายลงแล้ว ตอนนี้ยังคงเป็นใหญ่เป็นโตในเมืองจินไห่ ก็เหลืออยู่เพียงตระกูลเดียว นั่นก็คือตระกูลฟาง
นี่ก็เป็นตระกูลที่มีความขัดแย้งมากที่สุดกับเนี่ยเฟิง
ตอนนั้นตระกูลเว่ยแบ่งบันอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลเนี่ย แย่งวิลล่าซิงเยว่ไป
ตอนนั้นตระกูลจูแบ่งบันธุรกิจการแพทย์ของตระกูลเนี่ยไป แย่งโรงพยาบาลไป
ตอนนั้นตระกูลหลัวแบ่งบันธุรกิจด้านสื่อของตระกูลเนี่ย แย่งบริษัทการสื่อสารจินไห่ไป
ส่วนตระกูลฟาง ก็เป็นคนที่มีพฤติกรรมเลวร้ายที่สุดในสี่ตระกูลตัวพ่อ
เขายึดเอาห่วงโซ่การค้าระหว่างประเทศของตระกูลเนี่ยไป แย่งธุรกิจอาหารทะเลแอนตาร์กติกาของตระกูลเนี่ยไป
อาหารทะเลแอนตาร์กติกาสร้างรายได้มหาศาลทุกปี ตอนนั้นก็เป็นหัวใจหลักของตระกูลเนี่ย
อาหารทะเลแอนตาร์กติกาสร้างขึ้นมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จนถึงตอนนี้ก็มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานแล้ว
อาหารทะเลแอนตาร์กติกาเน้นเรื่องการนำเข้า-ส่งออก ค้าขายอาหารทะเลและเนื้อสัตว์เป็นส่วนใหญ่
นอกจากนี้แล้ว ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากอาหารทะเลแอนตาร์กติกา เช่นพวกธุรกิจการสร้างเรือ ค้าอุปกรณ์ในราคาปลีก การนำเข้าส่งออกอาหารทะเล ฯลฯ ล้วนสร้างกำไรมหาศาลให้กับธุรกิจอาหารทะเลแอนตาร์กติกา
ตอนนั้นตระกูลฟางน่าจะเป็นคนแรกที่ได้รับข้อมูล ดังนั้นถึงสามารถครอบครองอาหารทะเลแอนตาร์กติกาของตระกูลเนี่ยได้อย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนว่า ตระกูลฟางมีโอกาสมากที่สุดที่จะรู้คดีร้ายแรงบนทะเล
ฟางซื่อเหาเพื่อที่จะสร้างอาคารฟางเจิ้ง ได้รื้อบ้านบรรพบุรุษของเขาเป็นที่ราบ เรื่องนี้มันไม่ใช่ว่าวางระเบิดใส่อาคารฟางเจิ้งก็จะสามารถทดแทนได้
หลังจากตระกูลฟางกินกลืนตระกูลเนี่ยแล้ว เข้าไปเป็นหนึ่งในสิบตระกูลร่ำรวย โด่งดังในระยะหนึ่ง จนถึงตอนนี้ตระกูลฟางของพวกเขายังคงมีทรัพยากรมากมาย
พวกเขายึดของที่ไม่เป็นของตัวเองไปแล้วนาน ตอนนี้เจริญเติบโตขึ้นแล้วยังนึกว่าตัวเองเป็นคนเก่งหรือ?
ขณะที่เนี่ยเฟิงกำลังคิดอยู่ว่าจะจัดการพวกเขายังไง ก็มีโทรศัพท์โทรเข้า เนี่ยเฟิงเป็นพี่หกที่ยุ่งงานมากอยู่ตลอดนั่นเอง
“พี่หก ทำไมคุณมีเวลาโทรหาฉันครับ?ตอนนี้คุณไม่ได้ยุ่งคดีความอยู่หรอครับ?”
หลังจากที่เนี่ยเฟิงรับสายแล้วก็เปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่ง น้ำเสียงและบุคลิกราวกับเป็นเด็กมหาลัยที่เพิ่งเข้าสู่สังคมไม่นาน
“เมื่อกี้น้องเจ็ดส่งข้อความมาให้ฉัน บอกว่าฝั่งเธอเริ่มยุ่งงานแล้ว ดูแลคุณไม่ได้ พอดีว่าฉันมีเวลาว่าง คุณมารายงานตัวที่สถานีตำรวจเลย”
คำพูดของเย่หรูเสว่ก็เหมือนเป็นการออกคำสั่ง พูดอย่างไม่ต้องสงสัย
“โอเค งั้นฉันไปเดี๋ยวนี้เลย”
เนี่ยเฟิงตอบ และพูดกับเนี่ยเหล่าสี่ว่า”ไปสำนักงานตำรวจใหญ่ของเมืองจินไห่”
เนี่ยเหล่าสี่พยักหน้า เปลี่ยนทิศทางอย่างคล่องแคล่ว
เนี่ยเฟิงให้เนี่ยเหล่าสี่จอดรถในที่ไกล ถ้าพวกพี่สาวเห็นว่าเขาขับรถหรูที่แพงเช่นนี้ ถึงเวลาจะต้องถามแน่นอน ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะในการเล่าเรื่องนี้
“เรื่องอื่นก็ฝากคุณไปทำนะ อย่าลืมจัดการอสังหาริมทรัพย์หลายที่นั้นให้ดีนะ”
เนี่ยเฟิงออกคำสั่ง เนี่ยเฟลาสี่รีบพยักหน้า
หลังจากลงรถแล้ว เนี่ยเฟิงก็หาห้องทำงานของพี่หกเจอ พอเข้าไปแล้ว ดวงตาคู่หนึ่งของเขาก็สว่างขึ้นมาเพราะได้เห็นพี่หกที่ใส่ชุดตำรวจอย่างเทพ
“พี่หก ฉันมาแล้ว ต้องการให้ฉันทำอะไรครับ?”
เย่หรูเสว่ได้ยินเสียงของเนี่ยเฟิงก็เงยหน้าขึ้นมา”มาพอดีเลย คุณนั่งลงมาก่อน”
เนี่ยเฟิงนั่งอยู่ที่นั่งอย่างเชื่อฟัง เห็นเย่หรูเสว่หยิบเอกสารฉบับหนึ่งยื่นมา
“ช่วงนี้พวกเราได้รับได้รับเบาะแสว่ามีบางคนใช้ประโยชน์จากการส่งออกต่างประเทศ ลักลอบนำเข้าอาหารแช่แข็งจำนวนมากอย่างผิดกฎหมาย เพื่อหากำไรจำนวนมาก ถ้าเนื้อเหล่านี้เข้าสู่ประเทศของเราก็จะส่งผลร้ายแรงตามมา”
คิ้วที่สวยงามของเย่หรูเสว่ขมวดขึ้นมา”พวกเราไม่สามารถให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น บริเวณเมืองจินไห่มีท่าเรือน้ำลึกสองแหล่ง ฉันได้รับภารกิจที่ข้างบนมอบให้ ให้ฉันตรวจสอบสถานการณ์ แต่ว่าคนเขาเจ้าเล่ห์มาก ครั้งก่อนก็หนีพ้นการติดตามของเรา ครั้งนี้ถ้าจะจับตัวพวกเขา คงยากหน่อย”
“นี่เป็นเรื่องเมื่อไหร่แล้ว?ฉันฟังแล้วเหมือนเป็นเรื่องหลายเดือนก่อน”
เย่หรูเสว่พยักหน้า”ใช่แล้ว เป็นคดีสามเดือนก่อน พวกเราตรวจสอบคนกลุ่มนี้มานานแล้ว แต่พวกเขาเจ้าเล่ห์เกินไป ฝั่งเรามีหลายคนถูกหลอกลวงไปแล้ว ก็เนื่องจากล่าช้าไปนานแล้ว ดังนั้นข้างบนจึงมอบคดีนี้ให้ฉัน นี่ก็เป็นการเชื่อถือที่มีต่อฉัน”
“พี่หกเก่งมาก!พี่หกเคลียร์คดีได้มากขนาดนั้น มีความสามารถจริงๆ”
เนี่ยเฟิงยกยอปอปั้นเธอ
“พูดอะไรเนี่ย ฉันก็ได้หลักฐานมาโดยบังเอิญ ถ้าไม่ใช่พลเมืองที่ใจดีส่งหลักฐานมาให้ฉัน ฉันจะจับตัวผู้ก่อการร้ายได้ยังไงล่ะ?”
เย่หรูเสว่ไม่ได้รวมคุณูปการทุกอย่างในตัวเอง กลับยังถ่อมตนมาก
“พลเมืองใจดีพวกนี้ก็เก่งจริง!งั้นฉันควรที่จะทำอะไร?”
“คุณ……มาเป็นแฟนของฉัน!”