พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่246 จนมุม
“ถ้าผมบอกว่าผมมองดูพี่ตั้งแต่เริ่ม พี่จะฆ่าผมไหม”
เนี่ยเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามออกไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นไม่ปลอดภัย
โจวลี่ซือทั้งโกรธทั้งอาย เธอแทบทนไม่ได้จะคว้าหมอนมาอันใส่เนี่ยเฟิง
“เจ้าเด็กบ้า นายคิดอยากจะใช้คำแก้ตัวว่าเข้ามาดูแลฉันเพื่อเอาเปรียบฉันสินะ?ดูสิว่าพี่สาวอย่างฉันจะตีนายให้ตามไหม!”
เนี่ยเฟิงที่ถูกโจวลี่ซือใช้หมอนไล่ตีไม่รู้ว่าจะหลบไปทางไหนดี“พี่ครับอย่าตีผมเลยนะ อย่างน้อยเมื่อวานผมก็เฝ้าพี่ทั้งคืนเลยนะ พี่ทั้งร้องไห้ทั้งโวยวาย!”
โจวลี่ซือที่ได้ยินเนี่ยเฟิงพูดว่าตนเองทั้งร้องไห้และโวยวาย เธอจึงรีบหยุดมือลง รู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง“เมื่อคืนฉันดื่มมากไปต่างหาก เลยพูดอะไรออกมามั่วๆ สิ่งที่นายได้ยินไม่ต้องเก็บไปใส่ใจหรอกนะ”
ความจริงแล้วเมื่อคืนโจวลี่ซือดื่มมากไปจริงๆ เธอมึนงง ไม่รู้ว่าอันไหนเมฆอันไหนหมอก เมื่อคืนเธอรู้สึกหดหู่มาก อารมณ์แย่มาก จึงทำให้ดื่มมากไปจนไม่รู้ตัว
โจวลี่ซือไม่รู้ว่าเมื่อคืนตกลงเธอพูดอะไรออกไปบ้าง และไม่รู้ว่าเนี่ยเฟิงได้ยินไปเท่าไหร่
“เมื่อคืนนายบอกแล้วไม่ใช่หรอ?อยากจะมาทำงานที่ที่ทำงานของฉัน ช่วงนี้มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งงานเล็กน้อย ฉันว่ารออีกหน่อยฉันค่อยช่วยนายหางานใหม่แล้วกัน?”
โจวลี่ซือกระแอมไอเบาๆหนึ่งครั้ง แล้วพูดขึ้นมาว่า
“แต่เมื่อคืนพี่ห้าได้บอกแล้วไม่ใช่หรอครับ?พี่ถูกบริษัทสายการบินไล่ออกแล้ว”
โจวลี่ซือตกใจมาก“เมื่อคืนฉันพูดกับนายแบบนั้นหรอ?!”
เนี่ยเฟิงนึกขึ้นมาได้ทันที“ดูท่าแล้วเมื่อคืนพี่ห้าคงจะเมาไม่ใช่ย่อยเลย ผมก็คิดว่าอย่างน้อยวันนี้น่าจะจำอะไรได้บ้าง คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมื่อคืนพี่จะจำมันไม่ได้”
โจวลี่ซือเบะปากด้วยท่าทีน่าสงสาร แล้วพูดขึ้นมาอย่างไม่มีความสุข“เรื่องพวกนี้นายอย่าบอกกับพี่น้องนะ กลัวว่าพวกเธอจะเป็นห่วงฉัน”
“ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันเนี่ย?ผมคิดว่าจากความสามารถของพี่ห้าแล้ว เป็นผู้ช่วยนักบินไม่มีปัญหาเลยนะครับ ถึงจะอยากเป็นกัปตันก็เป็นได้อยู่ดี พนักงานดีเด่นเก่งขนาดนี้ ทำไมถึงถูกสายการบินจินไห่ไล่ออกกัน?”
โจวลี่ซือถอนหายใจอย่างหนักอึ้ง“ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นอะไรไป ถึงฉันจะไม่ได้ทำอะไรผิด พวกเขาก็จะหาเรื่องกลั่นแกล้งจนได้ เห้อ”
“นอกจากเรื่องนี้แล้ว ตระกูลโจวทำอะไรอีกงั้นเหรอ?”เนี่ยเฟิงถามอีกครั้ง
โจวลี่ซือกัดริมฝีปาก“นั่นเป็นบ้านของพ่อแม่บุญธรรมของฉัน ปกติพวกเขาดูแลฉันได้ไม่เลวเลยล่ะ ในบ้านมีน้องชายหนึ่งคนเป็นคนที่มีครอบครัวหน้าที่การงานแล้ว แต่เขามีชีวิตที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นมักจะให้ฉันส่งเงินกลับไปให้ใช้ตลอด แต่หลังจากที่รู้ว่านายยังมีชีวิตอยู่ ฉันก็ลดจำนวนเงินที่ให้กับพวกเขาไป เพราะว่าฉันอยากจะเก็บเงินส่วนนี้ไว้ ตอนแรกอยากจะเอาให้คุณปู่ของเรา แต่ฉันคิดว่าฉันจะแตะต้องมันไม่ได้”
โจวลี่ซือมองไปที่เนี่ยเฟิงแว้บหนึ่ง“แต่ว่า พวกเขาเคยดูแลฉันมา ฉะนั้นฉันอยากจะตอบแทนบุญคุณของพวกเขา……”
เนี่ยเฟิงเองก็คิดไม่ถึงว่าคุณตาจะทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูพวกเธอไว้ ตอนนั้นที่ตระกูลเนี่ยต้องถูกฆ่าล้างทั้งโคตรทำให้เดือดร้อนคนจำนวนไม่น้อยเลย และยังผิดใจกับคนจำนวนมาก ทั้งยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่อาศัยจังหวะนี้แบ่งทรัพย์สินของตระกูลเนี่ย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะเข้าใจพี่นะ อีกอย่างผมมีมือมีเท้าออกไปทำงานก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้พวกพี่เก็บออมเงินให้ผมหรอกนะครับ !”
เนี่ยเฟิงตบหน้าของตัวเอง“พี่ห้า พี่อย่ากดดันตัวเองไปเลย พี่อยากจะทำอะไรก็ไปทำเลย ไม่มีใครสามารถบังคับพี่ได้”
โจวลี่ซือพ่นลมหายใจออกยาวๆ หลังจากนั้นก็ค่อยๆพยักหน้า
“เป็นเพราะเหตุผลนี้ด้วยแหละ ฉันกับคนในครอบครัวเลยทะเลาะกันใหญ่ เลยคิดว่าย้ายกลับมาที่นี่ดีกว่า เนื่องจากตอนนี้ไหนๆก็ตกงานแล้ว ไม่มีงานทำ พ่อแม่บุญธรรมก็ไม่สนใจฉัน”
โจวลี่ซือฝืนหัวเราะ“เรื่องนี้จะพูดให้นายฟังคนเดียวนะ นายห้ามไปบอกกับพี่ๆคนอื่นๆนะ ถ้าพวกเธอรู้ต้องคิดว่าฉันถูกเอาเปรียบแล้วไปทวงความเป็นธรรมให้กับฉันแน่!”
“ผมรู้แล้วหน่า ผมจะปิดไว้เป็นความลับให้เอง!เอ่อจริงสิ นอกจากสายตาการบินจินไห่แล้ว ที่นี่ยังมีบริษัทสายการบินอื่นอีกไหมครับ?ให้ผมไปกับพี่ไหม?ถึงยังไงผมก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว”
พอได้ยินคำพูดปลอบประโลมของเนี่ยเฟิงแล้ว โจวลี่ซือก็รู้สึกว่าหัวใจดวงนี้ดูสบายใจขึ้นมามาก“งั้นรบกวนนายพาฉันไปดูหน่อยนะ”
ทั้งสองทำการจัดการตัวเองครู่หนึ่ง หลังจากที่โจวลี่ซือซดน้ำแกงแก้แฮงค์ สร่างจากอาการเมา ตามมาด้วยคนทั้งสองก็พากันเดินออกจากคฤหาสน์ไป มุ่งไปทางบริษัทสายการบินอีกแห่งที่อยู่ในเมืองจินไห่
ในเมืองจินไห่มีบริษัทสายการบินทั้งหมดสองบริษัท บริษัทหนึ่งชื่อสายการบินจินไห่ อีกบริษัทหนึ่งชื่อสายการบินฉางเฉิน
ทั้งสองบริษัทสายการบินนี้ในเมืองจินไห่ล้วนเป็นบริษัทสายการบินที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงนัก และบริษัทสายการบินที่มีชื่อเสียงที่สุดคือบริษัทสายการบินพลเรือนจงเฟิง
บริษัทการบินพลเรือนในมณฑลซานเจียงล้วนมีสาขาย่อยอยู่ทุกเมือง สาขาย่อยในเมืองเยี่ยนตูเฉียนปินเป็นคนดูแล
หลังจากที่โจวลี่ซืออบรมกลับมาก็ถูกไล่ออกอย่างไม่มีสาเหตุ ในนี้ต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน
ทั้งสองเมื่อมาถึงสายการบินฉางเฉินแล้ว โจวลี่ซือก็รู้สึกตื่นเต้นมาก มือของเธอถือเรซูเม่ของตัวเองไว้ หลายวันมานี้เธอเฝ้าหางานตลอด แต่ก็พบเจอกับทางตันทุกครั้ง
“สายการบินฉางเฉินในตอนนี้เป็นบริษัทสายการบินสุดท้ายที่ฉันยังไม่เคยสมัคร”
เพราะว่าบริษัทสายการบินแห่งนี้เมื่อเทียบกับสายการบินจินไห่แล้วมันช่างห่างไกลกันมาก เพียงแค่ตอนนี้โจวลี่ซืออยากจะลดมาตรฐานของตัวเองลงเท่านั้น
“พี่ห้าวางใจเถอะครับ ด้วยความสามารถบวกกับคุณสมบัติของพี่อยากจะเข้าบริษัทสายการบินนี้ มันเป็นอะไรที่มากพอแล้ว”
เนี่ยเฟิงที่คอยปลอบโจวลี่ซืออยู่ข้างๆ โจวลี่ซือที่ได้ยินดังนั้นอดไม่ได้ที่จะฝืนหัวเราะขึ้นมาหนึ่งครั้ง แล้วเธอก็พยักหน้า“หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ”
พวกเขาเดินทางมาจนถึงบริษัทสายการบินฉางเฉิน โจวลี่ซือสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพาเนี่ยเฟิงเดินเข้าไปที่ห้องสมัครงาน
ที่นี่เป็นเพียงบริษัทสายการบินเล็กๆจริงด้วย แม้แต่สำนักงานใหญ่ก็ดูทรุดโทรมมาก
วันนี้คนที่มาสมัครงานที่นี่มีไม่กี่คน ผ่านไปอย่างรวดเร็วก็ถึงคิวของโจวลี่ซือแล้ว โจวลี่ซือค่อยๆพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เห็นเพียงเธอเดินเข้าไป
แต่ผ่านไปไม่นาน โจวลี่ซือก็เดินออกมาด้วยสีหน้าล้มลุกคลุกฝุ่น ใบหน้าอันงดงามของเธอเผยให้เห็นถึงความพ่ายแพ้ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ไปกันเถอะ เสี่ยวเฟิง”
โจวลี่ซือเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก มองไปทางเนี่ยเฟิง เนี่ยเฟิงพยักหน้า หลังจากที่ทั้งสองคนเดินลงจากบันไดไป โจวลี่ซือก็พูดขึ้นมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก“ครั้งนี้พลาดอีกแล้ว พวกเขาบอกว่าฉันไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของพวกเขา แม้แต่จะสมัครเป็นแอร์หญิงก็ไม่ให้ฉันไป”
เธอได้ส่งเรซูเม่ไปหลายครั้งแล้ว แต่เรซูเม่พวกนั้นเหมือนก้อนหินที่ถูกโยนจมในทะเล ไม่มีบริษัทไหนตอบกลับมาเลย กระทั่งโจวลี่ซือยังไปด้วยตัวเอง แต่บริษัทสายการบินพวกนั้นก็ยังคงไม่ตอบรับเธออยู่ดี
“พี่ห้าครับ เราไปดื่มกาแฟข้างๆนั้นไหมครับ พี่อย่าท้อแท้แบบนั้นเลย จริงสิ พี่เคยส่งเรซูเม่ไปที่สายการบินพลเรือนจงเฟิงรึยังครับ?”
เนี่ยเฟิงพาโจวลี่ซือมาที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ๆ โจวลี่ส่ายหัวไปมา“สายการบินพลเรือนจงเฟิงเป็นบริษัทสายการบินที่มีชื่อเสียงที่สุดในมณฑลซานเจียงเชียวนะ ฉันไปสมัครบริษัทสายการบินเล็กๆพวกนั้นยังไม่มีใครรับฉันเลย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงบริษัทสายการบินที่ใหญ่ขนาดนั้น”