พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่259 ต่อสู้กันที่ประภาคาร
ซ่าวเจ๋ปลุกโจวลี่ซือตื่น หลังจากที่โจวลี่ซือลืมตา เธอก็ตะโกนด้วยความตกใจ“ซ่าวเจ๋!คุณจะทำอะไร?”
“ฉันอยากทำอะไร?เธอรู้ไหมว่าแฟนของเธอทำอะไรกับฉันไว้บ้าง?เขาทำให้ตระกูลของเราต้องล้มละลาย ทำให้ฉันต้องเป็นหนี้มหาศาล!เขาต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”
ซ่าวเจ๋ยิ้มอย่างโหดเหี้ยมและก้าวไปข้างหน้าใช้ผ้าอุดปากของโจวลี่ซือไว้ โจวลี่ซือทำได้เพียงแค่ส่งเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ แต่เธอไม่สามารถพูดได้
ซ่าวเจ๋ถ่ายวิดีโอนี้ไว้ และให้ทีมนักฆ่าที่อยู่ด้านหลังส่งไปให้เนี่ยเฟิง
เมื่อเนี่ยเฟิงได้รับข้อความวิดีโอ เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว“ตอนนี้โจวลี่ซืออยู่ในกำมือเรา คุณห้ามแจ้งตำรวจ ไม่งั้นพวกเราจะฆ่าเธอ”
ใบหน้าของอีกฝ่ายใส่หน้ากากไว้ มีมีดอยู่ในมือ โจวลี่ซือโดนมัดไว้กับเก้าอี้ที่สกปรกอยู่ เธอพยายามดิ้นรน แต่ไม่สามารถหลุดจากเชือกที่มัดแน่นอยู่บนร่างกายของเธอ
“อู้ๆๆ!”
โจวลี่ซือส่ายหัวอย่างแรง ดูเหมือนเธอไม่ต้องการให้เนี่ยเฟิงมาที่นี่
เนี่ยเฟิงคบฟันหลังตัวเอง รีบเขียนข้อความและส่งออกไป“คุณเป็นใคร?ทำไมต้องลักพาตัวเธอ?!”
“ฉันเป็นใครไม่สำคัญ ที่สำคัญคือคุณมีเวลาไม่มากแล้ว ฉันจะให้เวลาคุณแค่หนึ่งชั่วโมง……อย่าคิดที่จะพาคนอื่นมาด้วย และอย่าคิดที่จะแจ้งตำรวจ เพราะฉันไม่รังเกียจที่จะตายไปพร้อมกับคุณ”
ผู้ชายคนนั้นหัวเราะเสียงทุ้มต่ำ จากนั้นตบหน้าของโจวลี่ซืออย่างแรง
“อู้!”
โจวลี่ซือทนกับการตบครั้งนี้ไม่ได้ และหมดสติไปเลย
เนี่ยเฟิงโกรธมากๆจนหน้าผากมีเส้นเลือดโผล่ออกมา พี่สาวของเขาบีบโทรศัพท์มือถือจนพัง
“สำนักมังกร หน่วยข่าวกรองฟังที่ฉันสั่ง รีบไปตรวจสอบที่อยู่ของโจวลี่ซือเดียวนี้!”
เวลาผ่านไปไม่นานหน่วยข่าวกรองก็ส่งข่าวมาว่า“อีกฝ่ายได้ทำการบล็อกสัญญาณทั้งหมด!ไม่ทราบIPที่อยู่ ขณะนี้ไม่สามารถระบุตำแหน่งของโจวลี่ซือได้”
เนี่ยเฟิงหรี่ตาตัวเอง ดูเหมือนพวกเขาจะเตรียมการมาพร้อม
“คุณไม่ต้องเสียเวลาแล้ว คุณหาตำแหน่งของพวกเราไม่เจอหรอก ภายในหนึ่งชั่วโมงคุณต้องมาถึงท่าเรืออ่าวจินไห่”
เนี่ยเฟิงถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง จากนั้นปิดโทรศัพท์มือถือแล้ววิ่งออกไป
เขาขับรถเร็วมากๆเหมือนรถแข็ง ท่าเรือจินไห่อยู่ห่างไกลมาก ถึงแม้ว่าเขาจะขับรถเร็วมาก แต่เนี่ยเฟิงถึงที่นั่นก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว
เมื่อถึงท่าเรือ เนี่ยเฟิงก็รีบค้นหาบริเวณโดยรอบทันที เขาเห็นเรือยอชต์ลำหนึ่งจอดอยู่ใกล้ๆ
บนเรือยอชต์มีอุปกรณ์สื่อสารเครื่องหนึ่ง“ฉันคิดว่าคุณน่าจะถึงท่าเรือแล้ว คุณต้องทำตามคำชี้แนะที่อยู่บนเรือยอชต์ลำนั้น จำเอาไว้อย่าคิดตุกติก ไม่งั้นเธอได้ตายแน่นอน!”
เนี่ยเฟิงขึ้นไปที่เรือยอชต์ เหลือบมองไปยังตำแหน่งที่ทำเครื่องหมายไว้ จากนั้นหยิบอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมา ขณะที่เขากำลังจะพูด แต่เขาไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะวางสายไป
เนี่ยเฟิงใช้ลิ้มแตะไปที่กรามฟัน ดวงตาแสดงความดุร้าย เขารีบขับเรือยอชต์ออกไป และทำตามคำชี้แนะไปยังตำแหน่งประภาคารล้าง
ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดลง ก็พอนึกภาพออกว่าเขาขับเรือยอชต์นานแค่ไหนแล้ว
หลังจากเนี่ยเฟิงลงจากเรือยอชต์ก็เดินตรงไปยังด้านหน้าประภาคาร ด้านหน้าประภาคารมีคนๆหนึ่งใส่เสื้อสีแดงยืนอยู่ ใบหน้าของเขาสวมหน้ากากไว้ ทำให้ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครกันแน่
คนๆนั้นโบกมือเรียกเนี่ยเฟิง และเนี่ยเฟิงก็เดินเข้าไป
“คุณใจกล้ามากๆ กล้ามาที่นี่ด้วยตัวคนเดียว!”
พวกเขาขึ้นบันไดที่คดเขี้ยว จนมาถึงยอดประภาคาร เนี่ยเฟิงเห็นหลายคนใส่เสื้อสีแดง กำลังเล่นปืนที่อยู่ในมือ
เนี่ยเฟิงมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา“ซือซืออยู่ไหน?”
“มันช่างซึ้งใจจริงๆ ใช้ชีวิตตัวเองเพื่อช่วยผู้หญิงคนหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่ความรักของคุณมันช่างไร้ค่า”
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ!รีบปล่อยตัวเธอออกมาเดียวนี้!”
“เนี่ยเฟิง!ตอนนี้คุณอยู่ในถิ่นของเรา!คุณไม่สามารถต่อรองอะไรได้!”
เห็นคนๆนั้นถอดหน้ากากบนหน้าของเขา ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นซ่าวเจ๋!
ตอนนี้ซ่าวเจ๋ผอมมากจนไม่มีเค้าโครงเดิม ดวงตาของเขามีร่องลึก แต่ลูกตาของเขายื่นออกมา เขาจ้องมองที่เนี่ยเฟิง“คิดไม่ถึงใช่ไหม ว่าจะเป็นฉัน!”
เนี่ยเฟิงหรี่ตาลง“ซ่าวเจ๋!”
“ใช่!เนี่ยเฟิง!คุณทำให้ฉันต้องบ้านแตกสาแหรกขาด ทำให้พ่อของฉันต้องเสียชีวิตและทำให้ตระกูลของฉันต้องพังทลาย ทำให้ฉันต้องเป็นหนี้มหาศาล ทุกวันต้องโดนเจ้าหนี้มาตามทวงเงิน คุณไม่รู้หรอกว่าฉันต้องทุกข์ทรมานแค่ไหนในช่วงที่ผ่านมา!ความทุกข์ทรมานที่ฉันได้รับจากคุณ ฉันจะให้คุณชดใช้อย่างสาสม!”
หลังจากซ่าวเจ๋พูดจบเขาก็คว้าตัวโจวลี่ซือที่ซ่อนเอาไว้ด้านหลังซ่าวเจ๋จับเส้นผมของโจวลี่ซือแล้วลากตัวเธอออกมา เธอถูกมัดด้วยเชือก ไม่สามารถขยับได้
“หยุดเดียวนี้!”เนี่ยเฟิงตะโกนด้วยความโกรธ
“ตอนนี้คุณรู้สึกผิดใช่ไหม ถ้าคุณยอมคุกเข่าขอความเมตตาจากฉัน ฉันอาจจะให้พวกเจ้าสองคนตายโดยมีศพที่สมบูรณ์ ไม่งั้นพวกเราจะฆ่าเธอให้ตายต่อหน้าคุณ!”
ซ่าวเจ๋มีความสุขที่ได้แก้แค้น
“อู้ๆๆ!”
โจวลี่ซือส่ายหัวอย่างแรก น้ำตาของเธอก็ไหลออกมา
“คุณพูดบ้าอะไรอยู่?ฉันไม่ได้ยินอะไรเลย”
ซ่าวเจ๋จ้องไปที่โจวลี่ซือด้วยสายตาดุร้าย โจวลี่ซือกลัวจนสะดุ้ง
“เอาล่ะ ฉันจะแสดงความเมตตา ให้พวกเจ้าได้คุยกันก่อนตาย!”
หลังจากที่ซ่าวเจ๋พูดจบ ดึงผ้าที่อุดอยู่ในปากของโจวลี่ซือออกมา โจวลี่ซือร้องไห้และพูดว่า:“เสี่ยวเฟิง!คุณมาทำไม?คุณไม่ควรมาที่นี่!ฉันขอโทษ ที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อน ฉันไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะหลอกฉันและลักพาตัวฉันมาที่นี่!”
“ซือซือ!มันไม่เกี่ยวกับคุณเลย!”
ต้องโทษซ่าวเจ๋ที่เป็นคนเหลี่ยมจัด
“ช่างเป็นคู่รักที่โรแมนติกและหวานมากๆ แต่น่าเสียดาย ในสายตาของฉันการกระทำของพวกคุณมันช่างน่ารังเกียจจริงๆ!ฉันไม่อยากเห็นมันอีก!”
ซ่าวเจ๋ยิ้มอย่างเย็นชา“เนี่ยเฟิง อยากช่วยแฟนของตัวเองไหม?”
ขณะที่ซ่าวเจ๋พูดมือของเขาก็ยกปืนขึ้นมา จ่อไปที่ขมับของโจวลี่ซือ“ถ้าอยากช่วยเธอ คุณต้องทำตามที่ฉันบอก ไม่งั้นฉันจะเหนี่ยวไกปืน รับรองเธอตายแน่ๆ!”
“คุณกล้าเหรอ?!”
“ฉันกล้าทำทุกอย่าง เพราะตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ฉันไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น!”
ซ่าวเจ๋หัวเราะออกมา“เอาอาวุธทั้งหมดที่อยู่ในตัวคุณออกมา!”
“ในตัวฉันไม่มีอาวุธอะไรเลย”
เนี่ยเฟิงถอดแจ็กเกตออก จากนั้นดึงกระเป๋ากางเกงออกมา เอวของเขาก็ไม่มีอะไรเลย เขามาที่นี่คนเดียวจริงๆ
“ดีมาก!ตอนนี้รู้แล้วว่าคุณไม่ได้เตรียมอะไรมา งั้นก็เป็นเรื่องง่ายเลย!ฆ่ามันซะ!”
ที่นี่มีคนใส่เสื้อสีแดงทั้งหมด6คน เมื่อสักครู่ขณะที่เนี่ยเฟิงขึ้นมาเขาได้สังเกตคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีฝีเท้าที่เบามาก แขนและขาของพวกเขาทรงพลังมากๆ มองก็รู้ว่าเป็นคนที่มีศิลปะป้องกันตัว