พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่290 การเปลี่ยนแปลง
หมิงอี๋หานกะพริบตาถี่ๆ จากนั้นเธอก็ได้นึกคิดไปสักพัก ก่อนที่จะยิ้มพลางพูดว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นายไม่ควรรู้ มันเป็นเรื่องภายในครอบครัวของฉัน”
“พี่สี่ ถ้าพูดแบบนี้มันดูห่างเหินไปหน่อยนะ แล้วฉันกับพี่ไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกันเหรอ? ฉันเป็นพี่ชายของพี่นะ มีอะไรที่ฉันรู้ไม่ได้?”
หมิงอี๋หานยิ่งพูดแบบนี้เนี่ยเฟิงก็ยิ่งรู้สึกสงสัย
“ไอ้เด็กผีนี่ นายรักษาบาดแผลทั้งตัวของนายให้ดีก่อนเถอะ อย่ามาต่อล้อต่อเถียงกับฉันเลย”
ถึงแม้เนี่ยเฟิงจะตามถามแค่ไหน หมิงอี๋หานก็จะปิดปากเงียบเก็บไว้เป็นความลับ ไม่ได้บอกให้เนี่ยเฟิงว่าวันที่มีแค่ปีละหนนั่นคือวันอะไรกันแน่? ปล่อยให้เนี่ยเฟิงกลับไปบ้านชิวมู่เฉิงด้วยคำถามสงสัยในใจ
“ฉันได้ยินพี่หกของนายบอกนะว่าช่วงนี้นายไปท่องเที่ยวเหรอ?”
ตอนแรกเนี่ยเฟิงคิดว่าชิวมู่เฉิงไม่อยู่บ้าน แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่กลับบ้านไปก็เห็นชิวมู่เฉิงกำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว
เนี่ยเฟิงคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเย่หรูเสว่กลัวว่าพี่สาวในบ้านจะรู้เรื่องที่เนี่ยเฟิงได้รับบาดเจ็บเพราะฉะนั้นเย่หรูเสว่ถึงไม่ได้พูดความจริงออกมา
อันที่จริงเป็นแบบนี้ก็ดีอยู่เหมือนกัน เขาจะได้ไม่ต้องอธิบาย
“ใช่ไง ไปเที่ยวหาเพื่อนต่างเมืองมาน่ะ เนื่องจากเรื่องทุกอย่างกะทันหันมาก ทำให้ฉันไม่มีเวลาได้บอกให้พวกพี่รู้ แต่ว่าพวกพี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ!”
เนี่ยเฟิงยิ้มยิงฟัน ก่อนจะเดินเข้าไปช่วยชิวมู่เฉิงจัดเรียงเอกสาร
“พี่ใหญ่ ช่วงนี้ทางบริษัทเป็นยังไงบ้าง? ทุกอย่างยังดีอยู่ใช่ไหม?”
เนี่ยเฟิงทำตัวน่ารักมาก ไม่เหมือนคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อนเลย กระตือรือร้นและมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
หมิงอี๋หานพยักหน้า “ช่วงนี้ทางบริษัทดีมากๆเลย แต่ว่าช่วงนี้ฉันมีปัญหาในการเจรจาต่อรองกับตระกูลชิวหน่อยน่ะ” แววตาของชิวมู่เฉิงหม่นหมองลง
“ตระกูลชิว? พวกมันจะทำเรื่องแผลงๆอะไรขึ้นมาอีกเนี่ย ก่อนหน้านี้ได้หลุดพ้นจากตระกูลของพวกมันแล้วไม่ใช่เหรอ? ตอนนั้นคุณย่าชิวยังได้ทิ้งคำพูดโหดๆเอาไว้ด้วย”
เนี่ยเฟิงก้มหน้าจัดเรียงเอกสาร และถามคำถามโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา
“ตอนนั้นฉันพูดทุกอย่างได้ชัดเจนมากแล้วนะ ฉันจะออกจากตระกูลของพวกเขา แต่ว่าช่วงนี้สุขภาพร่างกายของคุณย่าชิวไม่ค่อยแข็งแรง นอนป่วยอยู่บนเตียง พวกลุงๆโทรมาหาฉัน ให้ฉันกลับไปเยี่ยมคุณย่าชิวในฐานะที่เคยมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันมาก่อน”
เหมือนชิวมู่เฉิงกำลังลังเลใจอยู่เล็กน้อย อันที่จริงเนี่ยเฟิงเข้าใจไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว พี่ใหญ่เป็นคนที่รู้จักไปนอกแล้วเหมือนเป็นคนที่เย็นชา แต่ว่าหัวใจของเธอกลับอ่อนไหวกว่าทุกคนเลย
อีกอย่างพี่ใหญ่เป็นคนที่รู้จักตอบแทนบุญคุณมากที่สุดแล้ว จะว่าไปถึงแล้วตอนนี้พี่ใหญ่จะออกมาจากตระกูลชิวของพวกเขาแล้ว แต่ว่าทะเบียนบ้านก็ยังคงเป็นของตระกูลพวกเขาอยู่ดี
ถ้าเกิดเนี่ยเฟิงเป็นคนออกโรง เขาต้องสามารถจัดการปัญหาต่างๆไปได้อย่างง่ายดายแน่นอน แต่ตัวตนของเนี่ยเฟิงก็จะถูกเปิดเผยเช่นกัน ตอนนี้ชิวมู่เฉิงยังไม่รู้ว่าเนี่ยเฟิงคือใคร ถ้าเกิดชิวมู่เฉิงรู้ว่าเนี่ยเฟิงเป็นราชามังกรในสำนักมังกร ถึงตอนนั้นเธอต้องสอบปากคำชิวมู่เฉิงแน่นอน
“แล้วพี่จะไปไหม?”
ชิวมู่เฉิงพยักหน้า “ต้องไปอยู่แล้ว เพราะว่าทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนของฉันถูกพวกมันยึดไว้ บัตรประจำตัวประชาชนสามารถออกใหม่ได้ แต่ต้องย้ายทะเบียนบ้านออก”
“ในเมื่อพี่ใหญ่ตัดสินใจได้แน่วแน่ขนาดนี้แล้ว งั้นก็ลุยให้เต็มที่เลย ฉันจะเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งให้พี่เอง พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันจะปกป้องพี่ดีๆเอง!”
เนี่ยเฟิงพูดพลางตบหน้าอกตัวเอง อันที่จริงยังมีผ้าพันแผลพันอยู่ตามตัวเขา โดยเฉพาะแผลไฟไหม้ที่อยู่บริเวณแผ่นหลัง ตอนนี้ยังต้องล้างแผลอยู่
“ฉันต่างหากที่ต้องปกป้องนาย จะว่าไปนี่ก็เข้ามาถึงบ้านแล้วนะ ทำไมนายถึงต้องใส่หมวกแก๊ปอยู่ตลอดเวลาด้วย?”
ชิวมู่เฉิงถามเนี่ยเฟิงอย่างไม่ค่อยเข้าใจ เนี่ยเฟิงลูบศีรษะตัวเองอย่างอึดอัด บนหัวเขายังมีผ้าพันแผลพันไว้อยู่เลย ถ้าเกิดไม่สวมใส่หมวกแก๊ปก็จะไม่สามารถหลอกเธอได้
อีกอย่างเพื่อทำการรักษาให้เนี่ยเฟิง หมิงอี๋หานได้ทำการตัดผมทั้งหมดของเนี่ยเฟิงออกไปแล้วเนี่ยเฟิงในตอนนี้เป็นคนหัวเกรียน แต่ว่าคนหน้าตาดีก็จะพิเศษกว่าคนอื่นหน่อย ถึงแม้จะเป็นคนหัวเกรียนแต่ก็ยังคงหล่อเหลาอยู่เช่นเคย
“ฉันเพิ่งเปลี่ยนทรงผมใหม่น่ะ ทรงผมใหม่น่าเกลียดมาก ดังนั้นฉันได้ซื้อหมวกมาใส่เพื่อปกปิดหน่อย ใส่หมวกแล้วมันจะได้ดูไม่น่าเกลียดขนาดนั้น พี่ใหญ่พี่ไม่ต้องสนใจอะไรมากขนาดนั้นแล้ว ใช่สิ พี่จะกลับตระกูลชิวเมื่อไหร่เหรอ? ให้ฉันไปเป็นเพื่อนด้วยไหม?”
ชิวมู่เฉิงได้ตอบตกลงเนี่ยเฟิงไปแล้ว เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่ได้จะผิดคำพูดได้อย่างใด
“ครั้งก่อนตอนที่นายไปก่อความวุ่นวายในงานหมั้นของฉัน นายก็เห็นแล้วเหมือนกันไม่ใช่เหรอว่าพวกคุณย่าไม่ใช่คนที่รุกรานได้ง่ายขนาดนั้น ถ้าเกิดนายไปพร้อมกันกับฉัน เป็นไปได้สูงมากว่านายจะตกเป็นเป้าหมายของทุกคน ตอนนี้คุณย่ายังคิดว่านายเป็นแฟนหนุ่มของฉันอยู่เลย”
ชิวมู่เฉิงคิดไปคิดมา ก่อนที่จะพูดความรู้สึกที่เป็นห่วงในใจออกมา แต่เนี่ยเฟิงกลับไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด
“พูดก็พูดไปสิ ฉันก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวขนาดนั้นเหมือนกัน” เนี่ยเฟิงไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย
“อีกอย่างถ้าเกิดพวกเขาตำหนิว่าอะไร ฉันจะได้ช่วยพี่แบ่งเบาภาระบ้าง แบบนั้นมันก็ดีมากแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ชิวมู่เฉิงไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาของเธอกลับหม่นหมองลง ผ่านไปสักพัก ชิวมู่เฉิงถึงจะเอ่ย
ปากพูดขึ้นมา “พรุ่งนี้ฉันจะไปเยี่ยมคุณย่าที่บ้านพักคนชราแล้ว ตอนนั้นนายไปพร้อมกันกับฉันก็ได้แล้ว”
“งั้นก็ดีเลย! พี่ใหญ่ เดี๋ยวฉันจะเรียบเรียงเอกสารทั้งหมดนี้ให้พี่ก่อน พี่จะได้หาดูง่าย”
ถึงเวลาตกดึกเหล่าพี่สาวก็ได้กลับมากินข้าวพร้อมกัน โดยเฉพาะเย่หรูเสว่ เธอคีบผักใส่ถ้วยเนี่ยเฟิงไปไม่น้อยเลย สายตาที่ดูเป็นห่วงของเย่หรูเสว่นั่นจะกลายเป็นแก่นแท้แล้ว
หลังจากที่กินข้าวทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เนี่ยเฟิงก็ได้กลับไปยังห้องนอนของตัวเอง ตอนนี้เขาเห็นข้อความที่สมาชิกในสำนักมังกรส่งเข้ามาแล้ว พวกเขาได้ทำการสืบทราบตำแหน่งที่ตั้งของคุณนายหลันคนนั้นแล้ว
คุณนายหลันเป็นพี่สาวของหลันหยิง
เธอมีชื่อว่าหลันเฟิงหลิง เธอเป็นคนสวยคนหนึ่งตั้งแต่สมัยที่ยังสาวๆแล้ว ตอนนี้เธอก็รักษาสุขภาพและผิวพรรณของตัวเองได้ดีพอสมควรเลย หลันเฟิงหลิงเป็นผู้หญิงที่มีตระกูลที่ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง และถูกขนานนามว่าเป็นหญิงอัจฉริยะ
พูดได้เลยว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เชิดฉายและโดดเด่นมาก
หลังจากนั้นหลันเฟิงหลิงได้แต่งงานกับลูกชายในตระกูลมหาเศรษฐีในเมืองหลวง ลูกชายในตระกูลมหาเศรษฐีคนดังกล่าวรักหลันเฟิงหลิงมากๆ มากไปกว่านั้นคือเขายังได้ทำการสร้างสแควร์ให้หลันเฟิงหลิงในเมืองเยี่ยนตูอีกด้วย และให้ชื่อว่าเฟิงหลิงสแควร์
คนชนชั้นสูงต่างชื่นชมในตัวคุณนายหลัน หลันเฟิงหยิงแบบไม่ขาดปากเลย
แต่ว่าผู้หญิงที่ชื่อหลันเฟิงหลิงก็คือคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังที่หัวหน้าตระกูลเฉินหมายถึงนั่นเองเป็นคนร้ายที่วางแผนก่อโศกนาฏกรรมบนทะเลในครั้งนี้
เนี่ยเฟิงกัดฟันกรอด เขาจะไปถามคุณนายหลันด้วยตัวเขาเองเลยว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้
“ไม่ว่ายังไงก็ต้องจับตาดูหลันเฟิงหลิงเอาไว้ดีๆ อย่าปล่อยให้มันหนีรอดไปได้”
และหลันเฟิงหลิงที่อยู่อีกฝั่งก็ทราบข่าวที่กลุ่มทหารรับจ้างฟรังโคลินดับสิ้นแล้วเช่นกัน ทำให้เธอโกรธมากจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เห็นเพียงภาพลักษณ์ที่ดูสง่างามของเธอได้เปลี่ยนไป เธอกวาดสิ่งของทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะลงบนพื้น
“ไอ้ชิบหาย! ไปตายอย่างสงบสุขมันไม่ดีเหรอ? ทำไมถึงต้องมีชีวิตอยู่ต่อให้คนอื่นรู้สึกรำคาญด้วย!”
ดวงตาที่สวยงามของหลันเฟิงหลิงเบิกกว้างขึ้นมาอย่างกะทันหัน ถ้าเกิดสายตาสามารถฆ่าคนได้ งั้นสายตาของหลันเฟิงหลิงคงฆ่าไปหลายศพแล้ว
“คุณท่านครับ ช่วงนี้มีคนมาตรวจสอบละแวกนี้อย่างต่อเนื่อง เป็นไปได้สูงมากว่าพวกมันจะรับรู้แล้วว่าคุณเป็นคนร้ายที่วางแผนก่อโศกนาฏกรรมบนทะเลในครั้งนั้น อีกไม่นานพวกมันคงตามมาถึงที่นี่แล้ว…”
คนที่เป็นทั้งเลขาและบอดี้การ์ดพูดกับหลันเฟิงหลิงอย่างเป็นห่วงเล็กน้อย
“ฉันรู้เรื่องนี้อยู่ นายไม่ต้องย้ำเตือนฉัน พวกมันระมัดระวังตัวมากจริงๆ”
หลันเฟิงหลิงกำหนดแน่น เล็บยาวที่ทาสีเล็บสีแดงทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อ “คนที่เราส่งตัวไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมันเลย ดูจากท่าแล้วเหมือนมันจะเก่งจริงๆด้วย”
แต่หลันเฟิงหลิงไปที่ไหนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เนื่องจากตะกั่วของพวกเขาปักหลักอยู่ที่นี่ เรื่องที่
เกิดขึ้นในตอนนั้นควรจะเป็นเรื่องที่สวยงามอย่างไร้บกพร่อง ทำไมถึงมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น?