พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่345 ยืนได้แล้ว
เขารีบให้คนไปเรียกพวกเหลยเทียนมาที่นี่ ไม่อาจปล่อยให้เหลยเป้าเหลวไหลต่อไปได้
แต่เวลานี้เนี่ยเฟิงได้ฝังเข็มแรกลงไปแล้ว
พอเข็มต่อไป เหลยเป้าก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ อีก เดิมขาคู่นี้ของเขาก็ขยับไม่ได้อยู่แล้ว จะมีความรู้สึกอะไรได้อย่างไรกัน?
เขาจิตตกอยู่บ้างเล็กน้อย เพียงแต่ไม่นานเท่าไหร่นัก เข็มของเนี่ยเฟิงก็แทงลงมาอีก
หนนี้ เหลยเป้ารู้สึกได้ถึงความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่งที่กำลังเอ่อล้นขึ้นมา เขาอดตกตะลึงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
เขาเองก็ไม่แน่ใจนักเช่นกัน ไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกจริงๆ หรือไม่
เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผาก หลังผ่านไปสักพัก จู่ๆ เหลยเป้าก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดสายหนึ่งที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมา!
พึงรู้ไว้ว่าขาคู่นี้ไร้ความรู้สึกมาเกือบสิบปีแล้ว! ตอนนี้ถึงกับรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดแล้ว! นี่มันช่างมหัศจรรย์จริงๆ”
“นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น”
เนี่ยเฟิงดูเหมือนจะจับอารมณ์ของเหลยเป้าได้ จึงเอ่ยประโยคนี้ออกมาอย่างแผ่วเบา
จากนั้น เนี่ยเฟิงก็ฝังเข็มให้เหลยเป้าอีก เพียงไม่นานเข็มเงินก็ฝังไปทั่วจุดสำคัญบนขาสองข้างของเหลยเป้า
ความรู้สึกเจ็บปวดราวกับคลื่นน้ำ ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาลูกแล้วลูกเล่า!
เหลยเป้าดีใจ เขาถึงขั้นตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
พอพวกเหลยจ้านเห็นฉากนี้ ก็ได้แต่รู้สึกว่ามหัศจรรย์เกินไปแล้ว!
เดิมทีพวกเขารู้อยู่แล้วว่าเนี่ยเฟิงเป็นคนที่เก่งกาจมาก แต่คิดไม่ถึงว่าเนี่ยเฟิงจะถึงกับเป็นวิชาฝังเข็มด้วย! นี่มันจะเจ๋งเกินไปแล้ว!
ตอนที่พวกเหลยเทียนรุดมาถึง สถานการณ์ก็เกิดขึ้นจนไม่อาจจัดการได้แล้ว
“นี่พวกนายกำลังทำอะไร?”
“แกรีบต่อว่าเด็กคนนี้เร็ว! เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่! ทำแบบนี้จะทำร้ายเหลยเป้าได้!”
พอท่านหัวเห็นเหลยเป้ามาถึง ก็พูดแล้วชี้ไปที่เนี่ยเฟิงอย่างโกรธจัด
เวลานี้เนี่ยเฟิงกำลังฝังเข็มอย่างตั้งอกตั้งใจ เหลยเทียนจึงคิดจะเข้าไปขวางไว้
เพราะเหลยเทียนรู้สึกว่า แม้เนี่ยเฟิงจะนวดเป็นอยู่บ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะรักษาหายได้ ขนาดหมอเทวดาตั้งมากมายขนาดนั้นยังรักษาโรคเรื้อรังนี้ไม่หายเลย!
แต่เหลยเป้ากลับห้ามเหลยเทียนไว้ “ศิษย์พี่! อย่ายุ่งกับผม! หากผมตาย ก็ปล่อยให้ตายไปเถอะ! ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา! นี่คือโอกาสสุดท้ายของผมแล้ว! ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกได้ถึงความเจ็บของขาคู่นี้แล้ว!”
พอเหลยเป้าพูดคำนี้ออกมา เหลยเทียนก็อดตกตะลึงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ พึงรู้ไว้ว่านี่ไม่อาจเป็นไปได้โดยสิ้นเชิง เพราะขาคู่นี้ของเหลยเป้าไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดมานานมากแล้ว
ตอนนี้ถึงกับรู้สึกว่าขาเจ็บแล้ว?
เนี่ยเฟิงไม่พูดอะไร ฝังเข็มต่อไป สิ่งนี้จำเป็นต้องใช้สมาธิถึงจะได้ หากเสียสมาธิ เข็มเกิดฝังโดนตรงที่ที่ไม่ควรฝัง อาจจะเกิดการบาดเจ็บได้
เพียงไม่นาน เหลยเป้าก็เจ็บอย่างรุนแรงขึ้นมาแล้วจริงๆ เขารู้สึกถึงความเจ็บอันน่าหวาดกลัวชนิดหนึ่งที่กำลังเดินทางมาตามเส้นชีพจรของตัวเอง
ราวกับจะฉีกเลือดเนื้อเขาออกทั้งเป็น เขาเจ็บจนต้องสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ!
เนี่ยเฟิงฝังเข็มสุดท้ายลงไป จากนั้นค่อยยืนขึ้นมาปาดเหงื่อบนหน้าผาก “ใกล้เต็มทีแล้วล่ะ อีกไม่นานหรอก อาการป่วยที่ขาของคุณก็จะหายดี”
“มหัศจรรย์ขนาดนี้เชียว?!”
ทุกคนมองไปที่เนี่ยเฟิงอยากไม่อยากจะเชื่อ
เนี่ยเฟิงพยักหน้าอย่างมั่นใจเป็นพิเศษ “ใช่ ก็มหัศจรรย์ขนาดนี้แหละ ทำไมเหรอ?”
ฝังแค่ไมี่กี่เข็มก็หายดีแล้วเนี่ยนะ?
เหลยเทียนกับท่านหัวสบตากันแวบหนึ่ง แต่จนถึงตอนนี้ ท่านหัวก็ยังคงรู้สึกว่าเนี่ยเฟิงเป็นเด็กต้มตุ๋นคนหนึ่ง จงใจมาหลอกลวงเหลยเป้า
“ฉันจะดูสิว่านายจะเล่นลูกไม้อะไรออกมาอีก!”
ผ่านไปไม่นานนัก เนี่ยเฟิงก็เริ่มเก็บเข็มเงินกลับมา เวลานี้เหลยเป้าเหงื่อออกท่วมตัวไปหมด ราวกับเพิ่งถูกงมขึ้นมาจากน้ำอย่างไรอย่างนั้น
“คุณเก่งกาจมากเลย! อย่างน้อยก็ไม่ได้ร้องจนน่าเวทนา”
เนี่ยเฟิงแย้มยิ้ม เหลยเป้าอ่อนเพลียอย่างมาก ริมฝีปากซีดขาวไปหมด
อันที่จริงหลายปีมานี้เหลยเป้าฝึกฝนวิชาอยู่ตลอด ไม่ได้ละทิ้งตัวเอง เพียงแต่เพราะขาสองข้างไร้หนทางขยับได้ ต่อให้เขาฝึกก็ฝึกได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
หลังเนี่ยเฟิงถอนเข็มเงินกลับไปแล้ว ก็ทำการนวดขาให้เขาอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า “ลองยืนขึ้นมาดูสิ!”
ทุกคนต่างตกตะลึงขึ้นมา
“พี่เฟิง นี่คงเป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง? ขาของอาจารย์อาผมใช้การไม่ได้มาสิบปีแล้ว ตอนนี้ถึงพี่จะรักษาไปแล้วบ้าง แต่เขาจะยืนขึ้นมาได้เลยหรือ?”
แม้เหลยจ้านจะเป็นแฟนคลับของเนี่ยเฟิง แต่เหลยจ้านก็ยังคงรู้สึกว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้อยู่ดี
เหลยเทียนเองก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน “ขาสองข้างของศิษย์น้องมีความรู้สึกก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแล้ว แต่จะยืนขึ้นมายังคงรออีกหน่อยดีกว่ามั้ง?”
“รอทำไมกัน การรักษานี้เสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้ควรจะลงพื้นเดินเหินให้มากๆ สิบปีมานี้ไม่ได้เดินเลย ขาสองข้างจะลีบเอาได้ หากไม่ใช่เพราะพวกคุณนวดบ่อยๆ และทำกายภาพบำบัดเป็นประจำ ขาคู่นี้ของเขาคงรักษาให้ดีถึงขนาดนั้นไม่ได้แล้ว”
เนี่ยเฟิงบิดเอวที่ล้มทีหนึ่งอย่างทนไม่ไหว “เอาล่ะ เอาชนะความกลัวในจิตใจของคุณซะ อย่างไรขาของคุณก็มีความรู้สึกแล้ว ตอนนี้ลองยืนขึ้นมาดูสิ ไม่เป็นอะไรหรอกน่า”
เหลยเป้าในใจคาดหวังอยู่บ้างจริงๆ แต่เขาก็กังวลว่าจะเหมือนกับเมื่อก่อน ขาของเขาไร้หนทางจะเดินได้
เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่เขาคิดว่าอย่างไรตนเองก็ได้รับการรักษาแล้ว ต่อให้ลงพื้นเดินไม่สำเร็จแล้วมีอะไรน่าเป็นห่วงกัน อย่างไรขาคู่นี้ก็มีความรู้สึกแล้ว อยากจะเดินก็เป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็วแล้ว!
“อาจารย์อา ให้ผมช่วยพยุงเถอะ”
เหลยจ้านเห็นเหลยเป้าลังเลอยู่เล็กน้อย ดังนั้นจึงเดินเข้าไปบอกว่าจะช่วยประคองเหลยเป้า แต่เนี่ยเฟิงกลัวพูดว่า “นายไม่ต้องไป ให้เขาเดินลงพื้นด้วยตนเอง เขาต้องเอาชนะอุปสรรคนี้ให้ได้”
เหลยจ้านมองเนี่ยเฟิงอย่างลำบากใจอยู่บ้าง “แต่อาจารย์อานั่งอยู่บนรถเข็นมาเกือบสิบปีแล้ว ปกติจะมีคนช่วยประคองเขา ต่อให้เขาอยากเดิน ขาคู่นี้ก็คงไม่เชื่อฟัง อีกทั้งนี่ก็เพิ่งจะรักษาได้ไม่นาน……”
จะเดินได้จริงๆ เหรอ? ในใจเหลยจ้านสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาว่ากำลังสงสัยในตัวเนี่ยเฟิง
“ลองเดินดูว่าได้ไหมเดี๋ยวก็รู้เอง อีกอย่างคุณหวังให้ขาของคุณรักษาหายมาตลอดไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะทดสอบว่าขาของคุณรักษาหายดีแล้วหรือยัง
สิ่งที่ท่านหัวกังวลที่สุดก็คือขาของเหลยเป้าไร้หนทางจะเดินได้อีก การเหยียบลงพื้นอีกครั้ง นี่จะเป็นการโจมตีความมั่นใจในตัวเองของเหลยเป้าได้
“กลัวนั่นกลัวนี่ ผมชักจะสงสัยแล้วสิว่า คนอย่างคุณกลายเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดในสมาคมการต่อสู้ได้อย่างไร?”
คำพูดนี้ของเนี่ยเฟิงทำให้เหลยเป้ารู้สึกอัปยศขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย
อันที่จริงก็เดินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว หากยังไม่ลงมาเดินอีก แล้วเขาต้องทนรับความกลัวและความเจ็บปวดเหล่านั้นที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ไปทำไม?
เหลยเป้าเลียริมฝีปากที่แห้งผาก เห็นเพียงสองมือเขากำรถเข็นแน่นจากนั้นก็ก้าวเท้าออกมาหนึ่งก้าว ขาของเขาขยับได้แล้ว หลังจากที่เขาเห็นขาตัวเองขยับได้ ก็อดดีใจเจียนคลั่งขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่! เห็นเพียงเขายืนขึ้นมาแล้ว!
แต่พริบตาที่เหลยเป้ายืนขึ้นมา เขาก็รู้สึกว่าขาสองข้างเจ็บราวกับถูกเข็มตำ เขาทรงตัวไม่อยู่จึงล้มลงไปกับพื้น!
“เหลยเป้า!”
“อาจารย์อา!”
“ศิษย์น้อง!”
ทุกคนตกใจจนสะดุ้ง รีบเดินเข้าไปช่วยประคอง แต่เนี่ยเฟิงกลับพูดว่า “นี่เป็นแค่ความเจ็บปวดเล็กน้อยเท่านั้น คุณควรเอาชนะมันให้ได้ ยืนขึ้นมาใหม่อีกครั้งสิ”
เหลยเป้าหัวใจเต้นแรง แต่เมื่อกี้เขายืนขึ้นมาได้แล้วจริงๆ ดังนั้นเขาจึงห้ามคนอื่นๆ “พวกคุณไม่ต้องเข้ามา ปล่อยให้ผมเดินเอง!”
“เหลยเป้า อย่าฝืนตัวเองสิ!”