พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่385 ให้บทเรียน
“เสี่ยวเฟิง พอได้แล้ว มีกล่องมากมายกองอยู่ที่นี่ ก็ขวางไม่ให้เราเข้าอยู่เหมือนกัน”
ก่อนไป เย่หรูเสว่มองดูกองธนบัตรเท่าภูเขา แล้วพูดเสียงเบา
เนี่ยเฟิงพยักหน้า “เอาล่ะ! งั้นพวกพี่กลับไปก่อนแล้วกัน! ผมจะอยู่เซ็นสัญญาที่นี่ แล้วค่อยกลับไป!”
“จะให้ฉันอยู่ช่วยดูสัญญาให้นายไหม?”
ชิวมู่เฉิงทำบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เธอกังวลว่าสัญญาจะมีเงื่อนไขที่ครอบงำ
“ไม่เป็นไร! ผมดูเองได้! เชื่อผมสิ!”
ชิวมู่เฉิงเห็นเนี่ยเฟิงมีท่าทางจริงจัง ก็ไม่อยากทำลายความตั้งใจของเขา เธอจึงพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับก่อนนะ นายเองก็รีบกลับด้วย”
หลังจากที่เนี่ยเหล่าสี่ไปส่งบรรดาพี่สาวแล้ว เนี่ยเฟิงก็เหลือบมองผู้จัดการที่ยังคงนับเงินอยู่
เขาหรี่ตาพลางพูดว่า “มัวยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นทำไม? ยังไม่รีบเข้ามาอีก!”
ปรากฏว่ามีคนกลุ่มหนึ่งรออยู่ข้างนอก
พวกเขาเป็นสมาชิกของสำนักมังกรที่ประจำการอยู่ในเมืองจินไห่
ผู้รับผิดชอบอ่าวหยกเขียวกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “คุณ…คุณเนี่ย!”
“ท่านประธาน! ท่านประธานมาแล้ว! ช่วยผมด้วย!”
เมื่อผู้จัดการเห็นประธานมาถึงแล้ว เขาก็คลานเข้าไปทันที มือของเขาสั่นอย่างแรงเหมือนเป็นพาร์คินสัน! เพราะเหนื่อยล้าเกินไป! นี่ไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้!
“หุบปากของแกซะ!”
ประธานคำรามเสียงต่ำ แล้วจ้องไปที่ผู้จัดการอย่างดุดัน จากนั้นก็หมอบลงอย่างนอบน้อม
“เข้ามานี่”
เนี่ยเฟิงมองพวกเขาด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ จากนั้นก็เดินขึ้นไปที่ห้องรับแขกบนชั้นสอง
หลังจากเข้าไปในสวนดอกไม้เล็กๆ เสียงก็ถูกกั้นไว้ คนกลุ่มหนึ่งคุกเข่าลงพรึบ พวกเขาตัวสั่นไม่กล้าพูดอะไร
“ข้าเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ? จัดระเบียบใหม่”
เนี่ยเฟิงหรี่ตาลง มองลงมาที่พวกเขา พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น แต่ละคนล้วนหวาดกลัวมาก
“คราวที่แล้วเรื่องโรงบ่มไวน์ข้าก็ไม่พอใจมาก ไม่คิดว่าจะเจอคนไม่มีวิสัยทัศน์แบบนี้ที่นี่อีก พวกเจ้าว่าจะให้ข้าพูดอะไรดี?”
“ขออภัยท่านราชามังกร! ข้าอบรมลูกน้องไม่ทั่วถึง มันเป็นความผิดของข้าเอง! ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย!”
เนี่ยเฟิงพ่นลมหายใจแรง “เจ้าจะให้ข้ายกโทษให้เจ้าเหรอ? เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาบอกให้ข้ายกโทษให้เจ้า? หืม?”
ลูกน้องเลียริมฝีปากอันแห้งผาก ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี หัวสมองคิดอะไรไม่ออก
“ถ้าเพียงแต่ล่วงเกินข้า ข้าจะลองคิดดู เพราะข้าก็ไม่ใช่คนที่ไร้ความเมตตา แต่ที่ทำให้ข้าหงุดหงิดก็คือ…”
เนี่ยเฟิงเดินไปอยู่ตรงหน้าเขา “เขาทำให้พี่สาวของข้ากลัว ข้าไม่พอใจมาก”
ถ้าราชามังกรไม่พอใจ ใต้หล้าจะต้องสั่นสะเทือน!
ประธานจะกล้าพูดอะไรได้ เขาตกตะลึง เป็นเวลานานกว่าที่ประธานจะพูดขึ้นว่า “ข้าน้อยจะไปฆ่าเขาเดี๋ยวนี้!”
“การฆ่าคนไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ถ้าแก้ปัญหาได้ข้าก็ทำไปนานแล้ว ทำไมต้องรอเจ้าด้วย?”
“ราชามังกรพูดถูก! ราชามังกร ข้าน้อยโง่เขลานัก ราชามังกรได้โปรดชี้แนะ!”
เนี่ยเฟิงหรี่ตาครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ในเมื่อเจ้าพูดอย่างนี้ ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้า”
เนี่ยเฟิงพูดพลางชี้ไปที่ธนบัตรที่อยู่ด้านนอก “ในนั้นมีประมาณหนึ่งพันล้าน ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งคืน นับเงินพวกนั้นให้เสร็จ พรุ่งนี้เช้าเก้าโมง มาบอกจำนวนเงินที่แน่นอนกับข้า”
ตอนที่พวกเขาเพิ่งมาถึง ก็ได้เห็นภาพที่น่าตกใจแล้ว พอพวกเขาได้ยินที่เนี่ยเฟิงพูด ก็แทบจะล้มทั้งยืน!
หนึ่งคืน! ธนบัตรหนึ่งหยวนจำนวนหนึ่งพันล้าน! มันจะเสร็จได้อย่างไร?
“อย่าฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบ ข้าจะส่งคนไปดู นี่แค่บทเรียนเล็กๆ น้อยๆ สำหรับพวกเจ้า”
เนี่ยเฟิงพูดพลางปัดฝุ่นบนตัว แล้วเดินตรงออกไป
พวกเขาที่คุกเข่าอยู่กับพื้นรีบเปิดทางให้ทันที
พวกเขาจะกล้าไม่เชื่อฟังได้อย่างไร? ในเวลานี้พวกเขาทั้งหมดกลัวมาก ถ้าเนี่ยเฟิงโกรธ มันจะไม่ง่ายดายเหมือนกับการนับเงินแล้ว
ในคืนนี้ทั้งคืน สมาชิกของสำนักมังกรน้อยใหญ่แห่งอ่าวหยกเขียวในเมืองจินไห่ต่างพากันนับเงินอย่างขมขื่น ไม่ได้นอนทั้งคืน จนมือแทบหัก
แต่พวกเขามีเป็นจำนวนมาก จึงสามารถฝืนทำงานให้เสร็จลุล่วงได้
เนี่ยเฟิงก็ไม่ได้ตั้งใจจะกำจัดพวกเขา เขาแค่ต้องการทำให้พวกเขารู้ว่าทำผิดแล้วต้องแก้ไข มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
วันถัดมา เนี่ยเฟิงได้มอบหมายสั่งการคนของเขา หลังจากที่พวกพี่สาวออกไปแล้ว เนี่ยเฟิงก็ขอให้คนของเขาเก็บของเข้าบ้านใหม่
ชิวมู่เฉิงและพวกเธอถูกรับไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ ในตอนแรกเธอยังรู้สึกไม่คุ้นชินเท่าใดนัก
อย่างไรก็ตาม ชิวมู่เฉิงเป็นบุคคลที่มีความสามารถในการปรับตัวที่แข็งแกร่ง พี่น้องสตรีคนอื่นๆ ก็พอใจกับบ้านหลังนี้เช่นกัน
วันนี้ทุกคนได้รับประทานอาหารร่วมกัน บนโต๊ะอาหาร บรรดาพี่สาวพูดกันว่า “เสี่ยวเฟิง นายต้องชี้แจงตามความเป็นจริง บ้านหลังนี้นายได้เงินจากที่ไหนมาซื้อ?”
เนี่ยเฟิงพูดพลางกะพริบตา “ได้จากพิพิธภัณฑ์!”
เขาคิดหาข้อแก้ต่างมาเรียบร้อยแล้ว
“ของในพิพิธภัณฑ์เป็นของสะสมของคุณอา นายไม่ควรแตะต้องมัน”
ชิวมู่เฉิงถอนหายใจ แม้ว่าเธอจะก้าวก่ายไม่ได้ แต่เธอก็ต้องพูดมัน
“เงินค่าบ้านพี่ๆ ช่วยกันออกได้ นายจะโง่จ่ายเองทำไม?”
โจวลี่ซือก็คิดอย่างนี้เช่นกัน
“พวกนั้นล้วนเป็นของนอกกาย พ่อของฉันไม่อยู่แล้ว ฉันคิดว่าพ่อแม่ของฉันคงจะมีความสุขมากที่ได้เห็นครอบครัวของเราอาศัยอยู่ที่นี่!”
อันที่จริง ของในพิพิธภัณฑ์เนี่ยเฟิงยังไม่ได้แตะต้อง เพราะชุมชนนี้เป็นของเนี่ยเฟิง ต่อให้เขาไม่ออกเงินแม้แต่แดงเดียวก็เป็นเรื่องปกติ
“คราวหน้าถ้าจะตัดสินใจแบบนี้อีก นายต้องปรึกษาพวกพี่ๆ ก่อน รู้ไหม?”
“อืมอืม! ผมจะทำ! ว่าแต่ว่าพี่ใหญ่วางแผนจะทำยังไงกับบ้านเก่าล่ะ?”
“นายหมายถึงคฤหาสน์หลังเล็กที่เราเคยอาศัยอยู่น่ะเหรอ?”
ชิวมู่เฉิงมองไปที่เนี่ยเฟิง “นายมาจัดการเถอะ เพราะมันเป็นของนาย”
เนี่ยเฟิงถึงกับอึ้งไป “กลายมาเป็นของผมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? นั่นไม่ใช่ของพี่ใหญ่หรอกเหรอ?”
“โฉนดบ้านมันใช้ชื่อของนาย”
ชิวมู่เฉิงพูดอย่างจริงจัง
เนี่ยเฟิงรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พี่สาวทำอะไรเฉียบขาดเสมอ
“ก็ดี! ผมว่าตกแต่งเสร็จแล้วจะให้คนอื่นเช่า ถ้าทิ้งไว้ให้ร้างคงไม่ดี”
อย่างไรก็ตามเนี่ยเฟิงจะไม่ปล่อยบ้านให้เช่า เขาพูดไปอย่างนั้นเอง
“ได้สิ”
ชิวมู่เฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “งั้นก็ทำตามที่นายคิดไว้”
“ตอนนี้ยังมีเวลา ผมจะไปดูหน่อย!”
เนี่ยเฟิงพูดจบ ก็วิ่งหนีไป
“เจ้าเด็กนี่ ทำอะไรหุนหันพลันแล่นตลอด”
หยูจิงหงส่ายหน้า
ในความเป็นจริง เนี่ยเฟิงได้รับข่าวมา
แน่นอน มีคนมาหาหลังจากที่พวกเขาย้ายบ้าน และมาด้วยเจตนาร้าย
เขาอยากจะดูว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ที่กล้ามากระตุกหนวดเสือ
เนี่ยเฟิงค่อยๆ เดินไปยังคฤหาสน์ที่ว่างเปล่า เฟอร์นิเจอร์ยังอยู่ที่นั่น เพราะในบ้านหลังใหม่มีทุกอย่าง จึงไม่ต้องขนของไปมากมาย
เนี่ยเฟิงเดินช้าๆ มาถึงห้องโถงโดยไม่เปิดไฟ เขานั่งลงบนโซฟา ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องซ่อนแล้ว ผมรู้ว่าพวกคุณอยู่ที่นี่ ออกมาเถอะ”
บรรดานักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดสบสายตากัน ไม่รู้ว่าเนี่ยเฟิงจงใจหลอกพวกเขาหรือเปล่า
ดังนั้นพวกเขาจึงส่งคนออกไปคนหนึ่ง “คุณสังเกตเห็นผมได้ยังไง?”
“มุมทางตะวันออกเฉียงใต้มีคนหนึ่ง ชั้นสองมีสามคน ทางเดินในครัวมีอีกคนหนึ่ง”