พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่390 ประจัญบาน
แม้ว่าตอนนี้ชิวมู่เฉิงจะมีเรื่องหนักใจมากมาย แต่เธอก็ยังเดินเข้าไป หลายคนจำประธานคนสวยคนนี้ได้ พวกเขาจึงเข้ามาทักทายทีละคน
แม้ว่าชิวมู่เฉิงจะสวมเสื้อกันกระสุน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีผลกับเธอเลย
เป็นเพราะสีหน้าของชิวมู่เฉิงนั้นดูเคร่งขรึมกว่าปกติมาก เธอเพียงพยักหน้าให้คนที่มาทักทายด้วยความระแวดระวังอยู่ในสายตา
“คิดว่านี่คงเป็นคุณชายแห่งตระกูลเนี่ย เนี่ยเฟิงใช่ไหม?”
ตอนแรกเรื่องตระกูลเนี่ยรับเลี้ยงลูกสาวบุญธรรมเจ็ดคนยังไม่แพร่หลายมากนัก ก็เพราะว่าเนี่ยเจิ้งไม่ชอบใช้คนอ่อนแอมาเป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อให้ได้ความเห็นอกเห็นใจ เขาทำบุญไม่ใช่ต้องการให้คนมาสรรเสริญ แต่เพราะอยากช่วยผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ
ดังนั้นจึงมีน้อยคนที่รู้ว่าชิวมู่เฉิงเป็นพี่สาวของเนี่ยเฟิง
มีคนจำเนี่ยเฟิงได้ ตอนที่เนี่ยเฟิงเข้ามา เขาเพียงแค่ตามหลังชิวมู่เฉิงเท่านั้น ไม่ได้แสดงตัวว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชิวมู่เฉิง ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าทั้งสองคนไม่ได้มาด้วยกัน
เมื่อคนคนนั้นเรียกชื่อเนี่ยเฟิง ทุกคนก็ตกตะลึง พวกเขามองพิจารณาเนี่ยเฟิง แม้ว่าเนี่ยเฟิงจะพยายามมาออกงานประเภทนี้ แต่เขาก็ยังแต่งตัวสบายๆ ราวกับกลับมาเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง
“ฉันก็ได้รับคำเชิญด้วย ก็เลยมาดูหน่อย”
ต่างคนต่างพูดคุยซุบซิบกันเรื่องเนี่ยเฟิงและคดีร้ายแรงในทะเล
ในเวลานี้ จู่ๆ ฉินเทียนกังก็เดินเข้ามา “เสี่ยวเฟิง! ไม่ได้พบกันนานแล้ว ผมดีใจมากจริงๆ ที่รู้ข่าวว่าคุณยังมีชีวิตอยู่!”
ฉินเทียนกังพูดจบก็เดินเข้าไปโอบกอดเนี่ยเฟิง
เขาตบหลังเนี่ยเฟิงอย่างแรง ราวกับว่าสนิทสนมกับเนี่ยเฟิงมาก
ใบหน้าของเนี่ยเฟิงมีรอยยิ้ม แต่ในความเป็นจริง รอยยิ้มนี้ไปไม่ถึงดวงตาของเขา เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วบอกว่า “อ๋อ นี่ลุงฉินนี่เอง ไม่ได้เจอกันนานจริงๆ เห็นคุณยังมีสุขแข็งแรง ผมก็สบายใจ”
หลังจากฉินเทียนกังปล่อยเนี่ยเฟิงออก เขาก็มองพิจารณาเนี่ยเฟิง เพียงแต่ว่าแม้จะยิ้มเล็กน้อย แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างไร้ขอบเขต เพราะเนี่ยเฟิงทำร้ายลูกชายของเขาจนเสียสติ เขาจะปล่อยเนี่ยเฟิงไปได้อย่างไร?
ตอนนี้ลูกชายของเขามักจะสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกบนเตียงคนไข้ แล้วตะโกนให้เนี่ยเฟิงปล่อยเขาไป!
ยามใดที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ ฉินเทียนกังก็รู้สึกโกรธมาก เขากำหมัดแน่น มองไปที่เนี่ยเฟิงด้วยรอยยิ้มอันจอมปลอม ส่วนเนี่ยเฟิงเองก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทั้งสองคนได้เสแสร้งแสดงความนอบน้อมอย่างสมบูรณ์
“เมื่อก่อนฉินเทียนกังกับเนี่ยเฟิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก หน่วยงานกุศลทั้งสองร่วมกันก่อตั้งขึ้น ยังคงดำเนินไปได้อย่างดีภายใต้การบริหารของฉินเทียนกัง!”
“หลังจากเกิดคดีร้ายแรงในทะเลในตอนนั้น หลายคนต้องการใช้โอกาสนี้แสวงหาโชคลาภ แต่คุณฉินไม่ได้ทำ คุณฉินเรียกร้องให้ทุกคนช่วยเหลือตระกูลเนี่ย เฮ้อ แค่กำลังเป็นประเด็นร้อนในตอนนั้น ใครจะไปสนใจอะไรได้มากสักแค่ไหน?”
ทุกคนซุบซิบกันจนไปเข้าหูของชิวมู่เฉิง แต่ชิวมู่เฉิงนั้นรู้สึกว่าฉินเทียนกังที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ดีอย่างที่คนอื่นพูดกัน เธอไม่ได้คิดอย่างนั้น
“เสี่ยวเฟิง วันนี้คุณมาถึงเมืองหยางเฉิง งั้นก็มาพักที่บ้านลุงฉินสักสองสามวันสิ ลุงฉินได้เห็นคุณก็เหมือนได้เห็นพ่อของคุณด้วย!”
ร่องรอยของความเสียใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินเทียนกัง แต่แม้กระทั่งร่องรอยของความเสียใจนี้ก็ปลอม เขารู้สึกเสียใจที่เนี่ยเฟิงที่อยู่ตรงหน้าไม่ตายไปพร้อมกับภัยพิบัติในครั้งนั้นด้วย
“ในเมื่อลุงฉินกระตือรือร้นแบบนี้ งั้นผมก็จะอยู่แล้วกัน!”
พอได้ยินเนี่ยเฟิงพูดเช่นนั้น ชิวมู่เฉิงก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย ชิวมู่เฉิงก้าวไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว แต่ถ้าเธอเปิดเผยสถานะของเธอ คนอื่นก็จะรู้ว่าเนี่ยเฟิงมีความเกี่ยวข้องกับเธอ พอถึงตอนนั้นถ้าเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ตนเอง จะไม่เป็นการถ่วงเนี่ยเฟิงหรือ?
เธอสามารถถามแผนการของเนี่ยเฟิงในภายหลังได้
ฉินเทียนกังพาเนี่ยเฟิงเข้าไปในหอประชุม เนี่ยเฟิงยืนอยู่ข้างเขา สนิทสนมราวกับเป็นพ่อลูกกัน ใบหน้าของทั้งสองคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มีเพียงฉินเทียนกังเท่านั้นที่รู้ว่าเขาอยากฆ่าเนี่ยเฟิงมากแค่ไหน
หลังเสร็จจากการประชุมหอการค้า ฉินเทียนกังก็ออกไปกับเนี่ยเฟิง
ตอนแรกชิวมู่เฉิงต้องการจะเข้าไปขวางเขาไว้ แต่เนี่ยเฟิงส่งข้อความมาบอกเธอว่า “นี่คืออดีตเพื่อนและคู่หูของพ่อผม ผมไปไม่เป็นไรหรอก”
ชิวมู่เฉิงรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อว่าไม่มีรักแท้และความจริงใจในโลกนี้ บรรดาพี่สาวล้วนปฏิบัติต่อเนี่ยเฟิงด้วยความจริงใจ แต่ชิวมู่เฉิงไม่เชื่อคนอื่นๆ ที่ดีกับเนี่ยเฟิงนอกจากพี่น้อง
เพียงแต่ว่าในตอนนี้ชิวมู่เฉิงตามเขาไปไม่ได้ เธอจึงต้องกลับไปรอเนี่ยเฟิงที่โรงแรม
ส่วนทางด้านชิวมู่เฉิง เนี่ยเฟิงได้ส่งคนมาคอยคุ้มครองเธอแล้ว
“เมื่อกี้ผมไม่เห็นคุณกินอะไรเลยในหอการค้า ลุงฉินได้จัดสถานที่อื่นไว้ เราไปรับประทานอาหารด้วยกันเถอะ เห็นคุณเหมือนมีอะไรจะพูดอีก”
ฉินเทียนกังพูดเช่นนี้พร้อมกับจ้องเนี่ยเฟิงเขม็ง ส่วนเนี่ยเฟิงเองก็ดูเหมือนเป็นเด็กไร้เดียงสาที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย “ดีครับ กำลังหิวพอดี!”
ทั้งสองคนมาถึงโรงแรมหยางเฉิงด้วยกัน
เมื่อพวกเขามาถึงภัตตาคารบนชั้นสามสิบ ที่นี่ได้ถูกฉินเทียนกังเหมาไว้หมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีคนอื่นๆ อยู่
“ผมอยากคุยเรื่องเก่าๆ กับคุณ ก็เลยเลือกที่จะเคลียร์สถานที่ให้โล่ง มา เสี่ยวเฟิง นั่งเลย”
เนี่ยเฟิงนั่งลงอย่างไม่เกรงใจ “ดูเหมือนจะเป็นร้านภัตตาคารระดับหรูหรามากทีเดียว ตอนที่ผมเข้ามาเมื่อกี้ได้ยินว่ามีคนเรียกคุณว่าประธานฉิน หรือว่าอาคารนี้ทั้งหมดเป็นของคุณ?”
ฉินเทียนกังหัวเราะ “นี่เป็นเพียงหนึ่งในกิจการเท่านั้น”
“ดูท่าทางลุงฉินจะทำได้ดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก่อตั้งธุรกิจของตัวเองที่นี่ แล้วยังมีบริษัทและโรงแรมเป็นของตัวเองอีกด้วย ผลประกอบการประจำปีของโรงแรมนี้น่าจะมากพอสมควร”
เนี่ยเฟิงยิ้มบางๆ ที่มุมปาก แต่ภายในดวงตาของเขากลับเย็นชา
“เงินเป็นเพียงวัตถุภายนอก จะว่าไปแล้ว ที่มีสิ่งเหล่านี้ได้ ก็เพราะพ่อของคุณช่วงวางรากฐานที่มั่นคงให้ ผมถึงมีวันนี้ได้”
เนี่ยเฟิง “ผมเห็นด้วยกับประโยคนี้ของคุณ”
ฉินเทียนยิ้มเยาะอยู่ในใจ “เจ้าเด็กนี่ไม่รู้จักถ่อมตัวเลยแม้แต่นิดเดียว!
อาหารถูกนำมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว เนี่ยเฟิงมองดูสเต๊กราคาแพง จาน และซอส มองดูน่ารับประทานมาก แต่เนี่ยเฟิงกลับรู้สึกว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนเสแสร้งจอมปลอมเช่นนี้ เขากินไม่ลงเลย
แต่เนี่ยเฟิงก็ยังหยิบมีดและส้อมขึ้นมา หั่นสเต๊กเนื้อออกเป็นชิ้นๆ เขาหั่นสเต๊กไปพลาง พูดไปพลาง “ลุงฉินครับ คุณมีลูกชายที่อายุพอๆ กับผมไม่ใช่หรือ? คุณจะพาผมไปพบเขาเมื่อไร อายุเท่าๆ กันจะได้ไปเที่ยวเล่นด้วยกันได้
สีหน้าของฉินเทียนกังเปลี่ยนไปในทันที เขากำมีดและส้อมในมือแน่น อยากหั่นเนี่ยเฟิงเป็นชิ้นๆ ในตอนนี้เหลือเกิน ไอ้เด็กเปรตนี่กล้าดียังไงมาทาเกลือใส่บาดแผลของตน!
เนี่ยเฟิงเห็นฉินเทียนกังหยุดนิ่งก็ถามด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นอะไรไป? อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว ตอนนี้ลูกชายของลุงฉินยังอยู่โรงพยาบาล มาไม่ได้ใช่ไหม?”
“เนี่ยเฟิง!”
“เมื่อกี้คุณเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของคุณกับคุณพ่อให้ผมรู้สึกสะอิดสะเอียน แต่ตอนนี้คุณไม่ยอมให้ผมเปิดแผลคุณบ้าง ใช่ไหม?”