พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่403 ว่านไห่เทาผู้ใจบุญ
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมามีคนทยอยมาที่นี่ เพื่อขอให้พวกเขารับบริจาค แต่คนพิการเหล่านี้ไม่ไว้ใจใครอีกแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นคนใส่สูทผูกเนกไทเหล่านี้มาเพื่อประชาสัมพันธ์อย่างจริงจัง โดยบอกว่าพวกเขาจะสานต่อหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการ ยิ่งทำให้พวกเขากลัวและหวาดผวามากขึ้น
เนี่ยเฟิงและพวกเขาเจอการปิดประตูไม่รับแขก ทั้งสองจำต้องเดินออกจากหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการ
ชิวมู่เฉิงอดถอนหายใจไม่ได้ “ถ้าเป็นแบบนี้ เกรงว่าจะเป็นการยากที่จะคิดทำการใดๆ กับพวกเขา”
“ก็ใช่น่ะสิ พวกเขาถูกหลอกอย่างน่าสงสาร ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหวาดกลัวในตอนนี้”
เนี่ยเฟิงไม่ได้ตำหนิพวกเขา ถ้าจะโทษก็ต้องโทษฉินเทียนกังเท่านั้น
“แต่ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องทำให้ได้ เพราะถ้าหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการตกไปอยู่ในมือของคนอื่น ฉันเกรงว่าจะถูกคนเอามาหาผลประโยชน์ พอถึงตอนนั้นคนดีๆ ในสังคมก็จะน้อยลงเรื่อยๆ”
ขณะที่ทั้งสองกำลังปรึกษากันว่าจะเกลี้ยกล่อมให้หน่วยงานการกุศลให้ยอมรับพวกเขาได้อย่างไร ก็มีรถหลายคันแล่นเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ชายใส่สูทสีดำก้าวลงจากรถด้วยใบหน้าที่สดใส ตามมาด้วยผู้คนมากมาย พวกเขาโค้งคำนับ แล้วกล่าวประจบว่า “การมาของประธานว่าน นับว่าเป็นเกียรติสำหรับสถานที่แห่งนี้อย่างยิ่ง!”
ชายที่มีใบหน้าสดใสมีนามว่าว่านไห่เทา
เขายังเป็นหนึ่งในสิบตระกูลที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลที่สุด บังเอิญในมณฑลซานเจียงมีคนแซ่ว่านอยู่ไม่มาก ดังนั้นเนี่ยเฟิงนึงรู้จักว่านไห่เทาผู้นี้
พ่อของว่านไห่เทาเคยทำธุรกิจกับพ่อของเนี่ยเฟิงมาก่อน แต่เนี่ยเฟิงไม่ชอบพ่อของว่านไห่เทา
ความร่วมมือระหว่างคนทั้งสองถูกทำลายลงเพราะพวกเขามีทัศนคติไปคนละทาง อย่างไรก็ตามพ่อของว่านไห่เทาก็มีความสามารถจริงๆ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เป็นหนึ่งในสิบตระกูลที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลที่สุด
“อย่ากระโตกกระตาก เรามาทำเรื่องดีๆ กันเถอะ!”
ว่านไห่เทาหันกลับไปอย่างรวดเร็ว แล้วยกมือขึ้นโบกลง เพื่อบอกให้พวกเขาอย่าตื่นตกใจ ผู้ติดตามที่อยู่ข้างหลังเขาต่างก็พยักหน้าอย่างรู้งาน
จากนั้น ว่านไห่เทาก็จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและกำลังจะเดินเข้าไป ขณะนั้นเองว่านไห่เทาก็มองเห็นชิวมู่เฉิงที่ยืนอยู่ข้างเนี่ยเฟิง
ว่านไห่เทามองตรงไปทันที บนโลกนี้มีผู้หญิงที่สวยงามเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ?
แล้วเขาจะมัวสนใจเรื่องทำบุญอยู่ได้อย่างไร เขารีบวิ่งไปที่ชิวมู่เฉิงแล้วหยิบนามบัตรออกมา “ยินดีที่ได้รู้จักคุณครับสาวสวย ผมชื่อว่านไห่เทา เป็นผู้ใจบุญที่มีชื่อเสียงของที่นี่”
ว่านไห่เทาพูดพลางลูบผมของตัวเอง ดูท่าทางจะมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองมาก
เขาไม่ได้สนใจเนี่ยเฟิงที่ยืนอยู่ข้างชิวมู่เฉิงเลย เนี่ยเฟิงเคยชินกับมันแล้ว
ชิวมู่เฉิงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เธอเหลือบมองอย่างไม่พอใจ จากนั้นว่านไห่เทาก็หันหลังเหมือนกำลังจะเดินออกไป แต่เขากลับขวางอยู่ตรงหน้าเธออย่างไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรแล้วพูดว่า “คุณจะไปไหน?”
“ดูท่าทางสาวคนนี้จะขี้อาย เธอได้เห็นความองอาจห้าวหาญของคุณว่านแล้ว!”
อีกคนรีบตรงเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงประจบประแจง ชิวมู่เฉิงรู้สึกว่าคนเหล่านี้น่ารังเกียจมาก แม้แต่เนี่ยเฟิงเองก็ยังแปลกใจว่าพวกเขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน
เมื่อว่านไห่เทาได้ยินสิ่งที่คนเหล่านั้นพูด ก็เผยรอยยิ้มที่ตัวเองคิดว่าหล่อเหลาออกมาบนใบหน้า “คุณผู้หญิงท่านนี้ คุณมาจากไหนครับ? ทำไมผมไม่เคยเห็นคุณที่นี่เลย? ผมน่าจะจดจำผู้หญิงสวยอย่างคุณได้ตลอดชีวิตเมื่อแรกเห็น!”
ว่านไห่เทามองออกว่าชิวมู่เฉิงแต่งตัวทันสมัย ดูจากลักษณะอันหรูหราน่าจะเป็นคนมีเงิน ในเวลานี้เลขาได้เข้ามากระซิบที่ข้างหูของว่านไห่เทา ว่านไห่เทาจึงรู้ทุกอย่างในทันใด
“ผมเคยบอกว่า บุคคลที่สวยและมีเสน่ห์อย่างคุณน่าจะมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง ตอนนี้ดูท่าทางจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ คุณเป็นประธานของบริษัทเทียนหลงสินะครับ?”
ต้องบอกว่าแม้ว่าว่านไห่เทาผู้นี้จะค่อนข้างน่ารำคาญ แต่ปากหวานราวกับดอกบัวจริงๆ
เมื่อก่อนเนี่ยเฟิงเคยได้ยินจากปากพ่อของเขาว่า พ่อของว่านไห่เทาก็มีวาทศิลป์แบบนี้เช่นกัน นั่นคือเหตุผลที่พ่อของว่านไห่เทาใช้คนได้เป็นจำนวนมาก และที่เขาเรียกตัวเองว่าผู้ใจบุญ แท้จริงแล้วเรื่องที่ทำออกมาก็ไม่ต่างจากฉินเทียนกัง
เพียงแต่ความแตกต่างเล็กน้อยก็คือตระกูลว่านทำธุรกิจ และพวกเขาทำการกุศลอย่างคลุมเครือ แม้ว่าพวกเขาจะอาศัยการกุศลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะฉลาดกว่ามาก
“ขอโทษนะคะ สุภาพบุรุษท่านนี้ ฉันไม่ค่อยคุ้นหน้าคุณนัก และฉันก็ไม่รู้จักคุณด้วย แต่ก็ไม่อยากรู้จักเหมือนกัน”
ชิวมู่เฉิงส่ายหน้า แล้วดึงเนี่ยเฟิงเข้ามา “ท่านนี้คือแฟนของฉัน ได้โปรดอยู่ห่างจากฉันหน่อย”
ในเวลานี้ว่านไห่เทาถึงสังเกตเห็นว่ามีคนอยู่ข้างๆ ชิวมู่เฉิง เขามองพิจารณาเนี่ยเฟิง รอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นบนใบหน้า
แต่ไม่นานรอยยิ้มนั้นก็จางหายไปจากใบหน้าของเขา เหมือนผู้ใจบุญจอมปลอมอย่างเขาจะมีรอยยิ้มเย้ยหยันแบบนี้ไม่ได้
“ที่แท้คุณชิวก็เป็นกังวลเรื่องนี้เอง แต่คุณไม่ต้องห่วง ผมแค่อยากเป็นเพื่อนกับคุณเท่านั้น! ในเมื่อเราพบกันหน้าประตูหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการ นั่นก็หมายความว่านี่คือพรหมลิขิตของเรา พวกคุณก็คงอยากมาทำการกุศลเหมือนกันใช่ไหม ทำไมถึงยืนอยู่หน้าประตูไม่เข้าไปล่ะ?”
อาจกล่าวได้ว่าว่านไห่เทาสืบทอดพันธุกรรมของบิดามาอย่างสมบูรณ์ คำพูดของเขานั้นไพเราะเสนาะหูมาก
เมื่อครู่ชิวมู่เฉิงกับเนี่ยเฟิงเข้าไปขอคำปรึกษามาแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้มองพวกเขาในแง่ดี พวกเขาจึงออกมาวางแผนจะให้ผู้รับผิดชอบหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการเข้าไปประนีประนอม พอสถานการณ์ของพวกเขาผ่อนคลายลง ค่อยปรึกษากับพวกเขาว่าจะประคับประคองหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการอย่างไร
แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับลูกชายของผู้ใจบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองหยางเฉิงที่นี่
ครอบครัวของว่านไห่เทาทำงานสร้างภาพได้ไม่เลว มีคนมากมายชื่นชอบสองพ่อลูก และพวกเขาสองพ่อลูกก็ทำได้อย่างไม่มีช่องโหว่
เห็นไหม? มาทำการกุศลที่นี่ก็มีคนกลุ่มใหญ่ติดตาม แล้วยังมีคนมาถ่ายทำโดยเฉพาะ
“ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว งั้นพวกเราก็ไปด้วยกันเถอะ!”
แม้ว่าว่านไห่เทาจะพูดอย่างนั้น แต่สองตาก็ยังจ้องมองชิวมู่เฉิงไม่กะพริบ
เขาคนนี้เก่งในเรื่องความลื่นไหลและเปลี่ยนสีหน้า
“ไม่ดีกว่าค่ะ”
“คุณชิว ดูเหมือนคุณจะกังวลว่าแฟนของคุณจะอับอายใช่ไหม แต่พวกเราทุกคนล้วนมาทำการกุศลกัน มีอะไรน่าอาย เมื่อกี้ผมพูดตรงไปตรงมาเกินไป ต้องขอโทษด้วยจริงๆ! ทุกคนว่าถูกไหม?”
ว่านไห่เทาได้ตอบกลับทุกคนในคราวเดียว คนอื่นๆ พยักหน้าเห็นด้วย ต่างรู้สึกว่าเขาพูดถูก ถ้าพวกเขาไม่ตามเข้าไป เท่ากับว่าไม่สำนึกบุญคุณ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ให้กรณีนี้ ให้คุณชายนำทาง พวกเข้าไปพร้อมกันเถอะ”
แต่เนี่ยเฟิงกลับไม่สนใจ
“ดี! ฉันเป็นคนชอบที่จะเป็นเพื่อนกับคนที่ใจบุญ! ฉันดูออกว่าพวกเราจะกลายเป็นเพื่อนที่ดีได้ในอนาคต”
ว่านไห่เทาเดินยิ้มแย้มเข้าไป ดูท่าทางใจบุญสุนทานมาก