พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่404 บริจาค
“เสี่ยวเฟิง ทำไมนายถึงต้องไปกับเขาด้วย ฉันไม่ชอบเขาตั้งแต่แรกเห็นเลย”
ชิวมู่เฉิงเคยพบกับผู้คนหลากหลายรูปแบบในวงการธุรกิจ เพราะเป็นการพูดคุยเรื่องธุรกิจกัน แม้ว่าอีกฝ่ายจะค่อนข้างน่ารำคาญ แต่เธอก็อดทน
เมื่อก่อนตอนที่เธอจัดการดูแลธุรกิจให้ตระกูลชิว หลายคนชอบที่จะให้คำแนะนำแก่ชิวมู่เฉิง ในเวลานี้ ฉิวมู่เฉิงเสียใจว่าทำไมตัวเองไม่ใช่ผู้ชาย ถ้าเธอเป็นผู้ชาย ท่าทีของคนเหล่านี้ที่มีต่อเธอจะเป็นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง จะไม่มีเงื่อนไขเช่นนั้นเช่นนี้เพิ่มเติม
ตอนนี้ชิวมู่เฉิงมีทางเลือกมากขึ้น และธุรกิจก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเธอมีสิทธิ์ที่จะหลีกเลี่ยงคนไม่ดีเหล่านั้น
ชิวมู่เฉิงรู้สึกได้ว่า สายตาที่ว่านไห่เทามองเธอเหมือนกับคนไม่ดีเหล่านั้น พวกเขาเป็นคนประเภทเดียวกัน
เรื่องนี้ชิวมู่เฉิงเห็นมันอย่างชัดเจน
ด้วยเหตุนี้ เมื่อว่านไห่เทาเชื้อเชิญ ชิวมู่เฉิงจึงรังเกียจเช่นนี้
“คนคนนั้นไม่ได้เรียกตัวเองว่าเป็นผู้ใจบุญเหรอ? และดูเหมือนเขาจะเป็นที่ชื่นชอบมาก ผมก็เลยอยากลองเข้าไปกับเขาดู จะว่าไปแล้ว เรามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือพวกเขา ผู้ใจบุญผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้น่าจะนำทางพวกเราไปได้”
ชิวมู่เฉิงชำเลืองมองรอยยิ้มอันไร้เดียงสาบนใบหน้าของเนี่ยเฟิง เธอรู้สึกทันทีว่าตนเองไม่ควรทำอย่างนั้น
เธอไม่ควรหลีกเลี่ยงการติดต่อกับว่านไห่เทาเพียงเพราะเธอรังเกียจเขา ว่านไห่เทามาที่นี่เพื่อทำการกุศล พวกเขาก็มาที่นี่เพื่อช่วยเหลือหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการเช่นเดียวกัน
“ขอโทษนะ ฉันมีอคติเกินไป เราเข้าไปข้างในกันเถอะ ถ้าอีกฝ่ายยินดีให้เงินทุนสนับสนุนหน่วยงานการกุศล มันจะเป็นสะพานสร้างความเชื่อมั่นให้เรา”
พอเนี่ยเฟิงได้ยินชิวมู่เฉิงพูดเช่นนี้ รอยยิ้มของเขาก็ชัดเจนขึ้น
เนี่ยเฟิงรู้ดีว่าผู้ใจบุญผู้ยิ่งใหญ่คนนี้นั้นเป็นคนตระหนี่ เขาขี้เหนียวไม่เคยเสียแม้แต่สตางค์เดียว วันนี้เขามาที่นี่เพื่อถ่ายทำเก็บไว้
ท้ายที่สุดพวกเขาก็อาศัยคนพิการโฆษณาตัวเองอยู่ดี
แต่คำสัญญาของพวกเขานั้นเหนือชั้นกว่ามาก
พวกเขามักจะเขียนเช็คเปล่าให้คนอื่น รับปากว่าจะมอบอะไรให้ทุกครั้ง อันที่จริงก็มีจริงๆ แต่สิ่งที่พวกเขาส่งมานั้นเป็นของที่พวกเขาใช้ไม่ได้
หรือไม่ก็เป็นเครื่องจักรมือสองที่ถูกคัดทิ้ง บางอย่างก็ใช้ไม่ได้แล้ว
แต่พวกเขาจะแสร้งทำเป็นพูดอย่างเศร้าใจว่า “มันไม่ง่ายเลยที่จะได้ของเหล่านี้มา”
หลังจากที่หน่วยงานการกุศลได้รับสิ่งของบริจาคเหล่านี้แล้วก็รู้สึกเป็นการบริจาคที่เสียเปล่า ถ้าพูดออกไปจะฟังดูไม่ดี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยพูด แต่จะชื่นชมว่านไห่เทาแทน
ด้วยเหตุนี้ครอบครัวของว่านไห่เทาจึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก แน่นอน พวกเขาจะบริจาคสิ่งของจำนวนหนึ่งเป็นครั้งคราว ซึ่งเป็นจำนวนเงินเพียงเล็กน้อย
ครั้งนี้ว่านไห่เทามาที่นี่ น่าจะเพียงเพื่อดูสถานที่และลองหยั่งเชิงดู แล้วค่อยแกล้งทำเป็นบริจาคสิ่งของที่ไม่จำเป็น หรือสิ่งของไร้ค่าจำนวนหนึ่ง ก่อนจะให้คำมั่นสัญญา เมื่อสร้างความประทับใจให้แล้วก็จากไป
ตามที่คาดไว้ หลังจากที่ว่านไห่เทาและพวกเขาเข้าไปแล้ว ผู้รับผิดชอบหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการก็ออกมาต้อนรับทันที เนื่องจากครอบครัวของว่านไห่เทาเป็นที่รู้จักกันดี หลายคนจึงเชื่อว่าครอบครัวของพวกเขาทำการกุศลจริงๆ
“คุณว่านนี่เอง เรียนเชิญเข้ามาเลยค่ะคุณว่าน!”
ผู้รับผิดชอบยิ้มหน้าบาน อันที่จริงจะโทษผู้รับผิดชอบท่านนี้ที่มีความคิดตื้นเขินไม่ได้ เพราะหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการของพวกเขาถูกหลอกมาก่อนหน้านี้
ผู้รับผิดชอบท่านนี้จึงไม่เชื่อใจคนหลายคน แม้แต่การที่เนี่ยเฟิงบอกว่าจะมาบริจาค พวกเขายังต้องระมัดระวังตัว
สีหน้าของผู้รับผิดชอบแข็งทื่อเล็กน้อย เมื่อเห็นชิวมู่เฉิงและเนี่ยเฟิงที่เดินตามหลังว่านไห่เทามา แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขามากับว่านไห่เทา เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้
“หน่วยงานกุลศลเพื่อคนพิการของพวกคุณดูน่าสงสาร ดูสิผนังลอกจนไม่เหลือสภาพแล้ว?”
สีหน้าของว่านไห่เทาเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ราวกับว่าเขาได้เห็นภาพที่ทำให้เขาปวดใจ “พวกคุณประหยัดมากเกินไปแล้ว เลขาหวังรีบจดบันทึก แล้วให้คนไปหาช่างฝีมือมาซ่อมแซมทันที!”
ผู้รับผิดชอบมีสีหน้าซาบซึ้งใจ “คุณว่าน คุณเป็นคนใจบุญจริงๆ ขอบคุณมากๆ ด้วยความช่วยเหลือของพวกคุณ ผมคิดว่าจะมีคนพิการจำนวนมากขึ้นที่สามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นได้!”
ผู้คนต่างประทับใจกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ อันที่จริงสิ่งที่เขาทำนั้นเทียบไม่ได้กับมื้ออาหารกลางวันมื้อเดียวของเขาเลย
ซ่อมแซมผนังใหม่ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
เนี่ยเฟิงเห็นท่าทางเสแสร้งของว่านไห่เทา เขารู้สึกว่ามันตลกมากอย่างไม่รู้เหตุผล เพราะเขาเคยเห็นผู้ใจบุญจอมปลอมเช่นนี้มาก่อน ตอนที่พวกเขาแสดงก็มักจะทำให้คนอื่นรู้สึกเป็นตัวตลก แต่พวกเขานั้นได้รับประโยชน์มากมาย
“พวกเราคงเคยได้ยินเกี่ยวกับความชั่วร้ายที่ฉินเทียนกังทำ ผมคิดว่าเขาน่ารังเกียจมาก!”
ว่านไห่เทานั่งลงด้วยใบหน้าเศร้าหมองและขุ่นเคือง “แต่ก็ไม่เป็นไร ตอนนี้มีคนรู้จักหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการของพวกคุณมากขึ้นแล้ว พวกเขาจะช่วยเหลือพวกคุณ!”
“ต้องขอบคุณคุณว่านมาก ถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือจากคุณว่าน พวกเราจะเป็นที่รู้จักได้อย่างไร?”
“ตอนนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อากาศจะเย็นลงในพริบตา ผมเลยซื้อเสื้อผ้า ผ้าห่ม และเครื่องใช้บนเตียงอื่นๆ มาจำนวนหนึ่ง ของพวกนี้จะถูกส่งมาถึงพวกคุณในไม่ช้า จากนั้นคุณก็สามารถแจกจ่ายให้ทุกคนได้!”
เมื่อผู้รับผิดชอบได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกซาบซึ้งน้ำตาคลอ “คุณว่าน คุณเป็นคนดีจริงๆ!”
ในเวลานี้ผู้ที่รับผิดชอบการถ่ายทำได้ถ่ายภาพความรู้สึกที่แท้จริงของผู้รับผิดชอบในทันที
“จะว่าไปแล้วพวกเขาสองคนมาที่นี่เพื่อทำบุญกับผม พวกคุณอย่าไล่พวกเขาออกไป!”
ว่านไห่เทาพูดพลางมองไปที่ชิวมู่เฉิง สายตานั้นจับจ้องอยู่ที่ชิวมู่เฉิง
ผู้รับผิดชอบพยักหน้าอย่างเก้อเขิน “แต่หลายวันมานี้มักจะมีคนคอยมาสัมภาษณ์พวกเราอยู่ตลอด และยังบอกว่าพวกเขาต้องการบริจาคของให้กับเรา แต่ความจริงแล้วก็ไม่เห็นจะมีของอะไรเลย พวกเขาแค่ต้องการหลอกใช้หน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการของเรา หลายคนในหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการของเรากลัวไปหมดแล้ว”
“ระมัดระวังตัวสักหน่อยไม่เป็นอะไรหรอก อีกอย่างตอนที่พวกคุณปฏิเสธการบริจาคของเรา พวกเราก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ผมเข้าใจความคิดของพวกคุณ”
เนี่ยเฟิงพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้น คุณวางแผนจะบริจาคอะไรให้กับหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการ?”
ประโยคนี้ของว่านไห่เทามีความหมายลึกซึ้งมาก เขาไม่ได้พูดถึงพวกคุณ แต่เป็นคุณ เขาชี้ไปที่เนี่ยเฟิงคนเดียว
เขาแค่อยากจะแสดงความใจบุญของตัวเองให้เห็นชัดเจน
ว่านไห่เทารู้ว่า ชายหญิงทุกคนบนโลกล้วนชอบคนใจบุญ
เนี่ยเฟิงแต่งตัวธรรมดา ดูไม่เหมือนมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย บางทีเขาอาจจะประจบประแจงกับชิวมู่เฉิงก็ได้
ช่วงนี้เขาไม่ได้สนใจข่าวนี้มากนัก ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเนี่ยเฟิงเป็นคุณชายตระกูลเนี่ย
“ผมวางแผนจะบริจาคสิ่งของที่จำเป็นในชีวิตประจำวันจำนวนหนึ่งให้พวกเขา นี่คือน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของผม”